หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 29
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 29
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติให้ต่อเนื่องกัน สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ทำจิตของเราให้สงบ ทำกายของเราให้สงบ ทำจิตของเราให้ตั้งมั่น ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว จิตก็จะสงบ ไม่ต้องพนมมือนะ นั่งตามสบาย นั่งตามสบายกัน พยายามฝึกฝนตนเอง วิเคราะห์ตัวเรา วิเคราะห์จิต วิเคราะห์กายของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความสงบเป็นลักษณะอย่างไร จิตที่ปกติ จิตไม่กังวล จิตไม่ฟุ้งซ่าน จิตไม่กำหนัดเป็นอย่างไร จิตที่สะอาดปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร
สติรู้ตัว ความรู้สึกตัว เราต้องสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกเอา ไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ทิฐิความเห็นของจิตของเรา ปัญญาที่เกิดจากจิตของเรา เวลานี้เขายังส่งออกไปภายนอก เขายังเร็วยังไวอยู่ ยังหลงความคิด หลงอารมณ์อยู่ แล้วก็หลงทุกสิ่งทุกอย่าง หลงยังไม่พอ ไปยึดเอาด้วย ไปยึดมั่นว่าเป็นตัวตนจริงๆ ว่าเป็นของเราจริงๆ
เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์กันจนกว่าจิตของเราจะคลายออกจากความคิด หรือว่าแยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ เขาถึงจะคลายความหลงได้ ตรงนี้มันก็ยากอยู่ ถ้าคนไม่มีความเพียรพอ ไม่มีอานิสงฆ์เพียงพอ ก็ยากที่จะคลายตรงนี้ได้เหมือนกัน แต่การควบคุมจิตนี้ เราควบคุมจิตของเราได้ ควบคุมจิตได้เป็นบางครั้งบางช่วงบางคราว ไม่ควบคุมให้ได้ตลอด เราต้องพยายามศึกษาให้ได้ให้รู้ต้นเหตุ ปลายเหตุให้ได้ตลอดทุกเรื่อง
ส่วนนามธรรมเขาเกิดๆ ดับๆ อย่างไร ส่วนรูปธรรมก็ร่างกายของเรานี่แหละ ภาระหน้าที่สมมติของเราราบรื่นหรือไม่ เรามีความขยันหมั่นเพียรพอ มีความรับผิดชอบพอ รู้จักผิดถูกชั่วดี รู้จักแก้ไขอยู่ปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดีเอง พึ่งตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เป็นคนที่มีความรับผิดชอบให้มากๆ เป็นคนที่มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ต้องเป็นคนขยัน จิตถึงจะคลายออกจากความหลงได้
เราต้องรู้จักการสร้างตบะ สร้างบารมี ศรัทธาของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละในที่นี้หมายถึงลักษณะความเสียสละที่คลายออกจากจิตของเราให้หมดจด แม้แต่ความคิด ความอยาก ความทะเยอทะยานอยาก ความคิดปรุงแต่งต่างๆ ความคิดที่เกิดจากขันธ์ห้า เกิดจากจิต เกิดจากสติปัญญา มีหลายระดับที่เราจะต้อง สติความรู้ตัวไม่มี เราต้องสร้างขึ้นมา ตรงนี้แหละเราไม่ค่อยจะสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง ถ้าเกียจคร้านก็ยากที่เขาจะต่อเนื่อง ใหม่ๆ ก็พลั้งเผลอ ส่วนมากก็จะพลั้งเผลอ เพราะปกติก็ไม่ค่อยจะสร้างขึ้นอยู่แล้ว สร้างขึ้นมาได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ทิ้งไป นิดๆ หน่อยๆ ก็ทิ้งไป เพราะว่าความคิดเก่า ปัญญาเก่าเขาก็แหลมคม
ถ้ากำลังสติของเราไม่แหลมคม ก็ยากที่จะเข้าใจ ต้องบังคับตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไปอยู่ที่นั่นจะรู้ธรรม ไปอยู่ที่นี่จะรู้ธรรม ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากเหมือนกัน เราก็ต้องพยายาม เอาทุกเรื่องนั่นแหละในชีวิตของเรา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ยิ่งอยู่ด้วยกันด้วยบุคคลหมู่มาก ก็ให้เคารพกัน มีความสมัครสมานสามัคคีกัน อย่าไปตำหนิ อย่าไปอคติ อย่าไปเพ่งโทษกัน เราก็ต้องพยายาม
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เราต้องรีบแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ระวังกาย ระวังวาจาแล้วก็ระวังจิต ก็เรียกว่า ‘สำรวม’ สำรวมระวังอินทรีย์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้ฟังธรรม รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา การฝึกหัดปฏิบัติ เราต้องทำความเข้าใจให้รู้เรื่อง ถึงจะเข้าถึงธรรมได้ ถ้าเราไม่เข้าใจ ไม่รู้ความหมายของการปฏิบัติ จะปฏิบัติคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน ก็ปฏิบัติแบบหลงๆ เราก็ต้องพยายามให้รู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสให้ได้ คลายความหลงออกให้ได้ เราไม่เข้าใจวันนี้ วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าใจ สักวันหนึ่งเราก็ต้องเข้าใจจนได้นั่นแหละ ตราบใดที่เรายังฝักใฝ่สนใจอยู่
อย่าไปประมาท อย่าไปปิดกั้นตนเองว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลาเหมือนกันหมดนั่นแหละ แต่อานิสงส์บารมีจะสร้างมาเหมือนกันหรือไม่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียร บางคนบางท่านก็สร้างมามาก บางคนบางท่านก็สร้างมาน้อย บางคนบางท่านก็ขยันหมั่นเพียร บางคนบางท่านก็ขี้เกียจไม่มีความเสียสละ ไม่มีความรับผิดชอบ บางคนบางท่านก็รู้นิดๆ หน่อยๆ ก็เคี่ยวเข็ญตนเอง แก้ไขตัวเองไปถึงฝั่งได้เร็วได้ไว บางคนบางท่านก็ต้องบังคับ ต้องเคี่ยวเข็ญถึงจะเอาตัวเองรอดได้ ก็ต้องพยายามนะ ทุกคนนั่นแหละ ทั้งพระทั้งชี
วันนี้พวกชีก็พากันช่วยกันปลูกเห็ดให้อีกสักชุดนึง ปลูกเห็ดเอาไว้กิน เอาไว้ทานกัน ปลูกเห็ดใส่ขอนไม้ที่ตัดเอาไว้ ไปเข็นมาแล้วให้พากันช่วยกันปลูกเห็ด ปลูกเห็ดครั้งเดียวก็กินได้หลายปี 4 5 6 ปี นั่นแหละ จนขอนผุพังนั่นแหละ เอาไม้มะม่วงมาทำ ต่อไปข้างหน้าก็คงจะได้ปลูกผัก รู้จักให้ พึ่งตัวเองให้ได้ ปลูกผักปลูกเห็ด อะไรที่มันเกินความจำเป็นเราก็พยายามตัดออก อะไรที่มันฟุ่มเฟือยเราก็พยายามตัดออก เรื่องฟืนเรื่องไฟก็เหมือนกัน ให้พยายามพากันประหยัด ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประหยัด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องประหยัด รายรับรายจ่ายของเรานี้มันเยอะ อยู่ในวัดมันเยอะ มันลำบากนะ ถ้าไม่มีแล้วก็ลำบาก เราต้องพยายาม ช่วยกันประหยัดทุกอย่าง
ที่พักที่อาศัยก็พยายามช่วยกันดูแลให้เรียบร้อย อย่าไปทิ้งระเกะระกะ พวกถ้วยชามข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จะดีหรือไม่ดี เราก็ต้องเก็บให้เป็นระเบียบ ให้รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่ามีเยอะแล้วจะทิ้งระเกะระกะ ไม่ใช่ เราต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว ห้องส้วมห้องน้ำช่วยกันดูแลให้หมด ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน เป็นหน้าที่ของทุกคน บางคนบางท่าน บางคนก็ไปถ่ายแล้วก็ไม่ล้างก็มี เหยียบย่ำสกปรก ไม่รู้จักฝึกฝนตนเอง กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอันมันยากลำบาก เงินแต่ละบาท แต่ละสตางค์กว่าจะได้มา กว่าจะได้มาสร้างให้เกิดประโยชน์ได้ แล้วก็อาศัยกาล อาศัยเวลามาไม่ใช่น้อยๆ ก็ต้อง 20 กว่าปี
ถ้าพวกท่านมาเห็นสมัยก่อน ก็คงจะไม่มีใครอยากจะมาอยู่ ช่วงที่ไม่มีอะไร แม้แต่ถ้วยชามจะใส่กับข้าวกับปลากินก็ยังยากลำบาก หลวงพ่อก็ได้เก็บเอาถ้วยชามตามหลุมศพนั่นแหละมาล้างมาใส่กับข้าวกับปลา ทุกวันนี้เราก็มีเพียบพร้อมบริบูรณ์ เราก็ให้รู้จักใช้ รู้จักเก็บ รู้จักรักษา รู้จักประหยัด ไม่ใช่ว่าใช้ฟุ่มเฟือย ประหยัด ช่วยกันทุกคน ต่อไปข้างหน้ายิ่งจะประหยัดให้มากขึ้นไปอีก เราต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำ ความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง
สติรู้ตัว ความรู้สึกตัว เราต้องสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกเอา ไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ทิฐิความเห็นของจิตของเรา ปัญญาที่เกิดจากจิตของเรา เวลานี้เขายังส่งออกไปภายนอก เขายังเร็วยังไวอยู่ ยังหลงความคิด หลงอารมณ์อยู่ แล้วก็หลงทุกสิ่งทุกอย่าง หลงยังไม่พอ ไปยึดเอาด้วย ไปยึดมั่นว่าเป็นตัวตนจริงๆ ว่าเป็นของเราจริงๆ
เราต้องสร้างความรู้ตัวเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์กันจนกว่าจิตของเราจะคลายออกจากความคิด หรือว่าแยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ เขาถึงจะคลายความหลงได้ ตรงนี้มันก็ยากอยู่ ถ้าคนไม่มีความเพียรพอ ไม่มีอานิสงฆ์เพียงพอ ก็ยากที่จะคลายตรงนี้ได้เหมือนกัน แต่การควบคุมจิตนี้ เราควบคุมจิตของเราได้ ควบคุมจิตได้เป็นบางครั้งบางช่วงบางคราว ไม่ควบคุมให้ได้ตลอด เราต้องพยายามศึกษาให้ได้ให้รู้ต้นเหตุ ปลายเหตุให้ได้ตลอดทุกเรื่อง
ส่วนนามธรรมเขาเกิดๆ ดับๆ อย่างไร ส่วนรูปธรรมก็ร่างกายของเรานี่แหละ ภาระหน้าที่สมมติของเราราบรื่นหรือไม่ เรามีความขยันหมั่นเพียรพอ มีความรับผิดชอบพอ รู้จักผิดถูกชั่วดี รู้จักแก้ไขอยู่ปัจจุบันให้ดี อนาคตก็จะออกมาดีเอง พึ่งตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น เป็นคนที่มีความรับผิดชอบให้มากๆ เป็นคนที่มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ต้องเป็นคนขยัน จิตถึงจะคลายออกจากความหลงได้
เราต้องรู้จักการสร้างตบะ สร้างบารมี ศรัทธาของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยม ความเสียสละในที่นี้หมายถึงลักษณะความเสียสละที่คลายออกจากจิตของเราให้หมดจด แม้แต่ความคิด ความอยาก ความทะเยอทะยานอยาก ความคิดปรุงแต่งต่างๆ ความคิดที่เกิดจากขันธ์ห้า เกิดจากจิต เกิดจากสติปัญญา มีหลายระดับที่เราจะต้อง สติความรู้ตัวไม่มี เราต้องสร้างขึ้นมา ตรงนี้แหละเราไม่ค่อยจะสร้างขึ้นมา สร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง ถ้าเกียจคร้านก็ยากที่เขาจะต่อเนื่อง ใหม่ๆ ก็พลั้งเผลอ ส่วนมากก็จะพลั้งเผลอ เพราะปกติก็ไม่ค่อยจะสร้างขึ้นอยู่แล้ว สร้างขึ้นมาได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ทิ้งไป นิดๆ หน่อยๆ ก็ทิ้งไป เพราะว่าความคิดเก่า ปัญญาเก่าเขาก็แหลมคม
ถ้ากำลังสติของเราไม่แหลมคม ก็ยากที่จะเข้าใจ ต้องบังคับตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไปอยู่ที่นั่นจะรู้ธรรม ไปอยู่ที่นี่จะรู้ธรรม ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากเหมือนกัน เราก็ต้องพยายาม เอาทุกเรื่องนั่นแหละในชีวิตของเรา ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย ยิ่งอยู่ด้วยกันด้วยบุคคลหมู่มาก ก็ให้เคารพกัน มีความสมัครสมานสามัคคีกัน อย่าไปตำหนิ อย่าไปอคติ อย่าไปเพ่งโทษกัน เราก็ต้องพยายาม
แต่ละวันตื่นขึ้นมา เราต้องรีบแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ระวังกาย ระวังวาจาแล้วก็ระวังจิต ก็เรียกว่า ‘สำรวม’ สำรวมระวังอินทรีย์ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้ฟังธรรม รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนธรรมะให้เรา การฝึกหัดปฏิบัติ เราต้องทำความเข้าใจให้รู้เรื่อง ถึงจะเข้าถึงธรรมได้ ถ้าเราไม่เข้าใจ ไม่รู้ความหมายของการปฏิบัติ จะปฏิบัติคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน ก็ปฏิบัติแบบหลงๆ เราก็ต้องพยายามให้รู้แจ้งเห็นจริง ละกิเลสให้ได้ คลายความหลงออกให้ได้ เราไม่เข้าใจวันนี้ วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าใจ สักวันหนึ่งเราก็ต้องเข้าใจจนได้นั่นแหละ ตราบใดที่เรายังฝักใฝ่สนใจอยู่
อย่าไปประมาท อย่าไปปิดกั้นตนเองว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา ทุกคนมีโอกาส ทุกคนมีเวลาเหมือนกันหมดนั่นแหละ แต่อานิสงส์บารมีจะสร้างมาเหมือนกันหรือไม่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความเพียร บางคนบางท่านก็สร้างมามาก บางคนบางท่านก็สร้างมาน้อย บางคนบางท่านก็ขยันหมั่นเพียร บางคนบางท่านก็ขี้เกียจไม่มีความเสียสละ ไม่มีความรับผิดชอบ บางคนบางท่านก็รู้นิดๆ หน่อยๆ ก็เคี่ยวเข็ญตนเอง แก้ไขตัวเองไปถึงฝั่งได้เร็วได้ไว บางคนบางท่านก็ต้องบังคับ ต้องเคี่ยวเข็ญถึงจะเอาตัวเองรอดได้ ก็ต้องพยายามนะ ทุกคนนั่นแหละ ทั้งพระทั้งชี
วันนี้พวกชีก็พากันช่วยกันปลูกเห็ดให้อีกสักชุดนึง ปลูกเห็ดเอาไว้กิน เอาไว้ทานกัน ปลูกเห็ดใส่ขอนไม้ที่ตัดเอาไว้ ไปเข็นมาแล้วให้พากันช่วยกันปลูกเห็ด ปลูกเห็ดครั้งเดียวก็กินได้หลายปี 4 5 6 ปี นั่นแหละ จนขอนผุพังนั่นแหละ เอาไม้มะม่วงมาทำ ต่อไปข้างหน้าก็คงจะได้ปลูกผัก รู้จักให้ พึ่งตัวเองให้ได้ ปลูกผักปลูกเห็ด อะไรที่มันเกินความจำเป็นเราก็พยายามตัดออก อะไรที่มันฟุ่มเฟือยเราก็พยายามตัดออก เรื่องฟืนเรื่องไฟก็เหมือนกัน ให้พยายามพากันประหยัด ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งประหยัด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องประหยัด รายรับรายจ่ายของเรานี้มันเยอะ อยู่ในวัดมันเยอะ มันลำบากนะ ถ้าไม่มีแล้วก็ลำบาก เราต้องพยายาม ช่วยกันประหยัดทุกอย่าง
ที่พักที่อาศัยก็พยายามช่วยกันดูแลให้เรียบร้อย อย่าไปทิ้งระเกะระกะ พวกถ้วยชามข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ จะดีหรือไม่ดี เราก็ต้องเก็บให้เป็นระเบียบ ให้รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่ามีเยอะแล้วจะทิ้งระเกะระกะ ไม่ใช่ เราต้องรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว ห้องส้วมห้องน้ำช่วยกันดูแลให้หมด ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หน้าที่ของเรา ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน เป็นหน้าที่ของทุกคน บางคนบางท่าน บางคนก็ไปถ่ายแล้วก็ไม่ล้างก็มี เหยียบย่ำสกปรก ไม่รู้จักฝึกฝนตนเอง กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอันมันยากลำบาก เงินแต่ละบาท แต่ละสตางค์กว่าจะได้มา กว่าจะได้มาสร้างให้เกิดประโยชน์ได้ แล้วก็อาศัยกาล อาศัยเวลามาไม่ใช่น้อยๆ ก็ต้อง 20 กว่าปี
ถ้าพวกท่านมาเห็นสมัยก่อน ก็คงจะไม่มีใครอยากจะมาอยู่ ช่วงที่ไม่มีอะไร แม้แต่ถ้วยชามจะใส่กับข้าวกับปลากินก็ยังยากลำบาก หลวงพ่อก็ได้เก็บเอาถ้วยชามตามหลุมศพนั่นแหละมาล้างมาใส่กับข้าวกับปลา ทุกวันนี้เราก็มีเพียบพร้อมบริบูรณ์ เราก็ให้รู้จักใช้ รู้จักเก็บ รู้จักรักษา รู้จักประหยัด ไม่ใช่ว่าใช้ฟุ่มเฟือย ประหยัด ช่วยกันทุกคน ต่อไปข้างหน้ายิ่งจะประหยัดให้มากขึ้นไปอีก เราต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำ ความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง