หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 24
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 24
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ ทำจิตของเราให้สงบ ทำกายของเราให้สบาย วางกายของเราให้สบาย ดับความคิด ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ เอาไว้ให้หมด จะไปไหนมาไหน จะคิดเรื่องอะไรก็หยุดเอาไว้เสียก่อน สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจนะ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกก็จะเด่นชัด จิตก็จะสงบระงับตั้งมั่นขึ้น กายของเราก็สบายขึ้น เราพยายามฝึกตรงนี้ให้เกิดความเคยชิน
ถ้าฝึกให้เกิดความเคยชินแล้ว เราก็จะรู้เรื่องของกาย รู้เรื่องของจิต รู้เรื่องรูป รู้เรื่องนาม มองเห็นหนทางที่จะเดิน รู้จักแก้ไขตัวเองให้ถูกทาง ถูกวิธี จิตของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล หรือว่ากองอกุศล เราก็รู้จักละ เจริญเฉพาะสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ทำกายให้เป็นบุญ ทำวาจาให้เป็นบุญ แล้วก็ทำใจให้เป็นบุญอยู่ตลอดเวลา สำรวจตรวจตราตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมะพระพุทธะองอยู่ตลอดเวลา มีสติคอยตรวจสอบจิตของเรา
รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนทำมาให้เรา เราก็จะได้ฟังธรรม จิตของเราขณะนี้เป็นอย่างไร จิตของเราสะอาดหรือไม่ บริสุทธิ์หรือไม่ จิตของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ ทุกคนก็มีบุญ ทุกคนก็มีอานิสงส์ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดวงจิตทุกดวงที่เกิดมามีเป้าหมายเดียว คือมาเพื่อที่จะประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ความไม่เข้าใจเท่านั้นแหละ ทำให้จิตของเราไขว้เขวหลงไปเป็นทาสของกิเลส หลงไปเป็นทาสของอารมณ์ แต่ก็ไม่สายเกินไป พยายามกลับตัวกลับใจ น้อมจิตของเราเข้ามาเดินตามทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้
การเจริญพรหมวิหาร การเจริญความเมตตา การเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม การแยกรูปแยกนามตรงนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยสนใจกัน แต่การทำบุญ การให้ทานมีกันอยู่ตลอด การควบคุมจิตอาจจะมีได้เป็นบางครั้งเป็นบางเรื่อง แต่การควบคุมจิต การแยกรูปแยกนาม ละกิเลส ดับความเกิด ตรงนี้ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ฝักใฝ่ แล้วก็ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงๆ ถึงจะเข้าไปรู้ลักษณะของจิต จิตที่ปราศจากกิเลส จิตที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น จิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ความรู้ตัวของเราต้องต่อเนื่องถึงจะเข้าถึงตรงนี้ได้ แต่ส่วนมากก็อยู่ได้แค่ทำบุญ กับพรหมวิหารบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่เราก็อย่าไปประมาท การประมาทแล้วจะเสียดายเวลาที่ผ่านมา
ทุกคนมีโอกาสได้ทำบุญตลอดเวลา ตั้งแต่คิด คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ ฝึกบ่อยๆ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ก็ยิ่งฝึกบ่อย การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมนั่นแหละ การสังเกต การวิเคราะห์ รู้ลักษณะการก่อตัวขณะปัจจุบันธรรม คือทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ลักษณะของจิต ลักษณะของความรู้ตัว หรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา นิวรณธรรมซึ่งเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราเป็นลักษณะอย่างไร จิตของเราเกิดความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียงขณะนี้แหละ เราก็รู้จักดับ จิตของเราเกิดความอาฆาตพยาบาท เราก็พยายามให้อภัยทาน มองโลกในทางที่ดี จิตของเราเกิดความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ เกิดความลังเลสงสัยต่างๆ ความรู้ตัวของเราพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่
เราพยายามทำขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดโอกาสเราก็ยากที่จะได้ทำ เพราะว่าทุกชีวิตเกิดมาก็จะเข้าสู่จุดหมายอันเดียวกันคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงทั้งทางด้านรูปธรรมคือการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย มีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา ไม่พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่ากฎไตรลักษณ์ กฎธรรมชาติเป็นอยู่อย่างนั้น เราพยายามเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของจิต
จิตนี่ก็แปลกถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติ เขาก็เกิดอยู่อย่างนั้นแหละ เขาก็หลงอยู่อย่างนั้นแหละ เพราะว่าสภาพจิตนี้เป็นสิ่งที่ฝึกได้ยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัย เราก็ต้องพยายามฝึกฝนทีละเล็กทีละน้อย แล้วก็เจริญพรหมวิหาร จิตของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ เกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธให้อภัยทาน จิตของเราเกิดความหลง เราก็พยายามเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์หาเหตุหาผล ให้จิตของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง เราไม่รู้เข้าใจแนวทางพระพุทธองค์ท่านก็ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การละ การดับเป็นอย่างนี้นะ ก็ต้องขยันหมั่นเพียรเอา ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากที่จะเข้าใจนะ
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ พวกท่านก็จงพยายามไปฝึกฝนตนเองเอา การสร้างบุญ สร้างอานิสงส์หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอดเวลา ทำอยู่ทุกวัน ทุกเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ ทั้งกำลังทรัพย์ สร้างเอาไว้เพื่อให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน เป็นสมบัติของทุกคนเท่าที่โอกาสอำนวยให้ กาลเวลาอำนวยให้ พวกเรามีโอกาสก็มาเถิดมาช่วยกัน คนละเล็กคนละน้อย เราทำมากก็เป็นของเรา เราทำน้อยก็เป็นของเรา มีโอกาส โอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ กาลเวลาเปิดให้ คนมีบุญเท่านั้นแหละถึงจะได้ทำ คนไม่มีบุญไม่มีโอกาส จะบอกยังไงก็เหมือนเดิม คนที่มีบุญ มีโอกาส ไม่บอกเพียงแค่ได้ยินข่าวแค่นั้นแหละ ก็รีบกระตือรือร้นมาสร้างบารมีของตัวเอง นี่แหละถึงจะเป็นบุคคลที่เข้าใกล้ เดินทางอยู่ตลอดเวลา เดินทางที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง
ถ้าฝึกให้เกิดความเคยชินแล้ว เราก็จะรู้เรื่องของกาย รู้เรื่องของจิต รู้เรื่องรูป รู้เรื่องนาม มองเห็นหนทางที่จะเดิน รู้จักแก้ไขตัวเองให้ถูกทาง ถูกวิธี จิตของเราอยู่ในกองบุญกองกุศล หรือว่ากองอกุศล เราก็รู้จักละ เจริญเฉพาะสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล ทำกายให้เป็นบุญ ทำวาจาให้เป็นบุญ แล้วก็ทำใจให้เป็นบุญอยู่ตลอดเวลา สำรวจตรวจตราตัวเองอยู่ตลอดเวลา เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมะพระพุทธะองอยู่ตลอดเวลา มีสติคอยตรวจสอบจิตของเรา
รูปรสกลิ่นเสียงสัมผัสต่างๆ ก็จะเป็นอาจารย์สอนทำมาให้เรา เราก็จะได้ฟังธรรม จิตของเราขณะนี้เป็นอย่างไร จิตของเราสะอาดหรือไม่ บริสุทธิ์หรือไม่ จิตของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ ทุกคนก็มีบุญ ทุกคนก็มีอานิสงส์ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ดวงจิตทุกดวงที่เกิดมามีเป้าหมายเดียว คือมาเพื่อที่จะประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ความไม่เข้าใจเท่านั้นแหละ ทำให้จิตของเราไขว้เขวหลงไปเป็นทาสของกิเลส หลงไปเป็นทาสของอารมณ์ แต่ก็ไม่สายเกินไป พยายามกลับตัวกลับใจ น้อมจิตของเราเข้ามาเดินตามทางที่พระพุทธองค์ท่านได้ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้
การเจริญพรหมวิหาร การเจริญความเมตตา การเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม การแยกรูปแยกนามตรงนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยสนใจกัน แต่การทำบุญ การให้ทานมีกันอยู่ตลอด การควบคุมจิตอาจจะมีได้เป็นบางครั้งเป็นบางเรื่อง แต่การควบคุมจิต การแยกรูปแยกนาม ละกิเลส ดับความเกิด ตรงนี้ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ฝักใฝ่ แล้วก็ทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงๆ ถึงจะเข้าไปรู้ลักษณะของจิต จิตที่ปราศจากกิเลส จิตที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น จิตที่สะอาดบริสุทธิ์ ความรู้ตัวของเราต้องต่อเนื่องถึงจะเข้าถึงตรงนี้ได้ แต่ส่วนมากก็อยู่ได้แค่ทำบุญ กับพรหมวิหารบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่เราก็อย่าไปประมาท การประมาทแล้วจะเสียดายเวลาที่ผ่านมา
ทุกคนมีโอกาสได้ทำบุญตลอดเวลา ตั้งแต่คิด คิดดีก็เป็นบุญ ทำดีก็เป็นบุญ ฝึกบ่อยๆ ไม่เข้าใจเท่าไหร่ก็ยิ่งฝึกบ่อย การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยมนั่นแหละ การสังเกต การวิเคราะห์ รู้ลักษณะการก่อตัวขณะปัจจุบันธรรม คือทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก ลักษณะของจิต ลักษณะของความรู้ตัว หรือว่าสติที่เราสร้างขึ้นมา นิวรณธรรมซึ่งเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราเป็นลักษณะอย่างไร จิตของเราเกิดความกำหนัดยินดีในรูปรสกลิ่นเสียงขณะนี้แหละ เราก็รู้จักดับ จิตของเราเกิดความอาฆาตพยาบาท เราก็พยายามให้อภัยทาน มองโลกในทางที่ดี จิตของเราเกิดความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ เกิดความลังเลสงสัยต่างๆ ความรู้ตัวของเราพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่
เราพยายามทำขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ ถ้าหมดโอกาสเราก็ยากที่จะได้ทำ เพราะว่าทุกชีวิตเกิดมาก็จะเข้าสู่จุดหมายอันเดียวกันคืออนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ความไม่เที่ยงทั้งทางด้านรูปธรรมคือการเกิด การแก่ การเจ็บ การตาย มีการพลัดพรากจากกันเป็นธรรมดา ไม่พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะว่ากฎไตรลักษณ์ กฎธรรมชาติเป็นอยู่อย่างนั้น เราพยายามเข้าใจถึงธรรมชาติที่แท้จริงของจิต
จิตนี่ก็แปลกถ้าไม่ได้ฝึกหัดปฏิบัติ เขาก็เกิดอยู่อย่างนั้นแหละ เขาก็หลงอยู่อย่างนั้นแหละ เพราะว่าสภาพจิตนี้เป็นสิ่งที่ฝึกได้ยาก แต่ก็ไม่เหลือวิสัย เราก็ต้องพยายามฝึกฝนทีละเล็กทีละน้อย แล้วก็เจริญพรหมวิหาร จิตของเราเกิดความโลภ เราก็พยายามละความโลภ เกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธให้อภัยทาน จิตของเราเกิดความหลง เราก็พยายามเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์หาเหตุหาผล ให้จิตของเรารู้เห็นตามความเป็นจริง เราไม่รู้เข้าใจแนวทางพระพุทธองค์ท่านก็ชี้แนะแนวทางเอาไว้ให้ การเจริญสติเป็นอย่างนี้นะ การละ การดับเป็นอย่างนี้นะ ก็ต้องขยันหมั่นเพียรเอา ถ้าเราไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากที่จะเข้าใจนะ
หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นแหละ พวกท่านก็จงพยายามไปฝึกฝนตนเองเอา การสร้างบุญ สร้างอานิสงส์หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอดเวลา ทำอยู่ทุกวัน ทุกเวลา ทั้งกำลังกายกำลังใจ ทั้งกำลังทรัพย์ สร้างเอาไว้เพื่อให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน เป็นสมบัติของทุกคนเท่าที่โอกาสอำนวยให้ กาลเวลาอำนวยให้ พวกเรามีโอกาสก็มาเถิดมาช่วยกัน คนละเล็กคนละน้อย เราทำมากก็เป็นของเรา เราทำน้อยก็เป็นของเรา มีโอกาส โอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ กาลเวลาเปิดให้ คนมีบุญเท่านั้นแหละถึงจะได้ทำ คนไม่มีบุญไม่มีโอกาส จะบอกยังไงก็เหมือนเดิม คนที่มีบุญ มีโอกาส ไม่บอกเพียงแค่ได้ยินข่าวแค่นั้นแหละ ก็รีบกระตือรือร้นมาสร้างบารมีของตัวเอง นี่แหละถึงจะเป็นบุคคลที่เข้าใกล้ เดินทางอยู่ตลอดเวลา เดินทางที่จะให้ถึงจุดหมายปลายทาง ก็พยายามกันนะ
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง