หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 07
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 07
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราให้ต่อเนื่องกัน นั่งตามอิริยาบถให้สบาย วางกายให้สบาย ดับ หยุด ดับความคิด ความกังวล ความฟุ้งซ่านต่างๆ ที่เกิดจากจิตของเรา ทุกเรื่อง ด้วยการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเรา
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้ทั่วท้องนะ อย่าไปบังคับถ้าไปบังคับก็อึดอัดทันที ถ้าไปเพ่งสมองก็ตึง ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น การสูดลมหายใจยาวๆ แบบธรรมชาติ การสูดลมหายใจยาวๆ เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกก็จะเด่นชัด เวลาลมหายใจออกก็มีความรับรู้อยู่ พยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหล่ะให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ มีความรู้สึกรู้ตัวทั่วพร้อมสัมปชัญญะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ถ้าเรามีความรู้ตัวแล้ว เราก็จะรู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้การเกิดการดับของจิต รู้การเกิดการดับของความคิด หรือว่าอารมณ์ที่มาปรุงแต่งจิต เราต้องเข้าไปสังเกต เข้าไปแยกแยะตรงนั้น ถึงจะคลายความหลง ถึงจะเข้าใจในเรื่องอัตตา เข้าใจในเรื่องของอนัตตา เข้าใจในเรื่องสมมติ เข้าใจในเรื่องวิมุตติ คนจะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา รู้แจ้งเห็นจริงแล้วก็ทําความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจง่ายๆ ถ้าคนเราเกียจคร้านไม่สร้างอานิสงส์ สร้างบารมีให้ตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจ เราต้องขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง คนที่จะเข้าถึงธรรมได้ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็เป็นคนที่มีความเสียสละอย่างสูง อย่างยิ่งยวด รู้จักการสร้างบารมี ความอดทนอดกลั้น ความเสียสละ ความเมตตา พรหมวิหาร มีความจริงใจต่อตัวเราเอง แล้วก็หมั่นสํารวจกาย สำรวจจิตของเรา อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม
เพียงแค่สร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง พวกเรายังทํากันไม่ค่อยจะได้ อาจจะได้อยู่เป็นกระท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่อง ไม่เป็นมหาสติ ไม่เป็นมหาปัญญา เราต้องพยายามสร้างให้เป็นอัตโนมัติ เพียงแค่สร้างให้เป็นอัตโนมัติพวกเราก็ยังไม่ฝึกฝนกัน ในเรื่องที่จะเข้าไปแยกจิต แยกความคิด แยกรูปแยกนาม รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะของอารมณ์ให้เป็นคนละส่วนกัน นั้นก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
เรารู้อยู่ตั้งแต่กลางเหตุ ปลายเหตุ เราไม่ได้รู้ตั้งแต่ต้นเหตุว่าเขาเข้าไปร่วมกันได้อย่างไร ทําไมจิตของเราถึงเข้าไปหลง ทําไมจิตถึงเป็นทาสของอารมณ์ ทําไมจิตของเราถึงทาสของกิเลส ขนาดแยกรูปแยกนามได้แล้ว เราต้องมาชําระสะสางกิเลสออกจากใจของเราอีก ทั้งหยาบทั้งละเอียด หรือออกมาสํารอกกิเลสออกจากใจของเราให้หมดจด
แม้แต่ความอยากแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ แม้ตั้งแต่อยากจะรู้ธรรม ก็ยังให้ดับให้ละ ให้เป็นความทําความเข้าใจด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีเหตุมีผลหมด ทําความเข้าใจกับกาย ทําความเข้าใจกับจิต ทําความเข้าใจ หมั่นวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา มีความรับผิดชอบที่สูง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ทําความเข้าใจให้ถูกต้องเสีย ทิฏฐิมานะ ความคิดเห็นของเราอย่าเพิ่งเอามาโต้แย้ง เราพยายามทําความเข้าใจให้เห็นชัดเจน
ลักษณะของจิตที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ความสงบหรือว่าสมาธิธรรมชาติเป็นอย่างไร การคลายความหลง หรือว่าแยกรูปแยกนาม ตรงนี้มันคลายได้ยาก ความหลงคลายได้ยาก เราต้องพยายามเพียรในการสังเกต ในการวิเคราะห์ ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนก็มีโอกาสได้สร้างตบะบารมีกันมาอยู่ในระดับหนึ่ง แต่จะสร้างให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคลนะ ขึ้นอยู่กับความเพียร ความพร้อม ขึ้นอยู่กับกําลังศรัทธาอานิสงส์ ความขยันหมั่นเพียร
สิ่งพวกนี้เราจะไปบังคับกันไม่ได้ เราต้องบังคับตัวเองแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราจะไปเที่ยววิ่งหาธรรมะที่โน่นที่นี่ อันนั้นเราไปหาวิธี หาอุบายหาแนวทาง ธรรมะก็อยู่ที่กายที่ใจของเรานี่แหล่ะ ท่านถึงบอกว่าทํากายให้เป็นบุญ ทำวาจาให้เป็นบุญ ทําใจให้เป็นบุญ ทํากายให้เป็นวัด ทําจิตของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ เราก็จะอยู่กับวัด เราก็จะอยู่กับพระตลอดเวลา เราก็จะอยู่กับบุญ
บุญเป็นตัว ใจของเรานั่นแหละคือตัวบุญ ใจของเราอยู่ตรงไหน อยู่กลางใจนั่นแหละ ใจของเราว่าง ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ใจของเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลา มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด การเกิดทุกครั้งเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดทางด้านเนื้อทั้งด้านหนัง ทางด้านรูปธรรม ทางด้านนามธรรมคือความไม่เที่ยง
การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็อยู่ในภพของมนุษย์ ทีนี้เราได้ภพของมนุษย์มาแล้ว เราก็ควรที่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะว่าภพของมนุษย์นี่แหละที่จะทําความเข้าใจกับหลักธรรมได้ถึงจุดหมายปลายทางได้ ภพอื่นๆ นั้นก็ยากอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าไปทิ้งบุญ ทั้งพระทั้งชีขยันหมั่นเพียรช่วยกัน เรามาอยู่ร่วมกันมากๆ ก็ให้อยู่ด้วยความรักความเมตตา อยู่อย่างพ่ออย่างแม่ อย่างพี่อย่างน้อง ให้เคารพกันในธรรม มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา ค่อยตักเตือนค่อยแก้ไข ดําเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง สิ่งไหนที่ไม่ดีรีบแก้ไขเสีย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทําเฉพาะสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายใน ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราต้องพยายามพิจารณาให้ตลอด ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรม เพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทําความเข้าใจกันเอานะ
ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ ให้ทั่วท้องนะ อย่าไปบังคับถ้าไปบังคับก็อึดอัดทันที ถ้าไปเพ่งสมองก็ตึง ถ้าเราเอาจิตไปจดจ่อหน้าอกก็จะแน่น การสูดลมหายใจยาวๆ แบบธรรมชาติ การสูดลมหายใจยาวๆ เวลาลมวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกก็จะเด่นชัด เวลาลมหายใจออกก็มีความรับรู้อยู่ พยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหล่ะให้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ มีความรู้สึกรู้ตัวทั่วพร้อมสัมปชัญญะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ถ้าเรามีความรู้ตัวแล้ว เราก็จะรู้จิต รู้ลักษณะของจิต รู้การเกิดการดับของจิต รู้การเกิดการดับของความคิด หรือว่าอารมณ์ที่มาปรุงแต่งจิต เราต้องเข้าไปสังเกต เข้าไปแยกแยะตรงนั้น ถึงจะคลายความหลง ถึงจะเข้าใจในเรื่องอัตตา เข้าใจในเรื่องของอนัตตา เข้าใจในเรื่องสมมติ เข้าใจในเรื่องวิมุตติ คนจะล่วงทุกข์ได้ก็เพราะปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา รู้แจ้งเห็นจริงแล้วก็ทําความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจง่ายๆ ถ้าคนเราเกียจคร้านไม่สร้างอานิสงส์ สร้างบารมีให้ตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจ เราต้องขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง คนที่จะเข้าถึงธรรมได้ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร แล้วก็เป็นคนที่มีความเสียสละอย่างสูง อย่างยิ่งยวด รู้จักการสร้างบารมี ความอดทนอดกลั้น ความเสียสละ ความเมตตา พรหมวิหาร มีความจริงใจต่อตัวเราเอง แล้วก็หมั่นสํารวจกาย สำรวจจิตของเรา อะไรคือส่วนรูปธรรม อะไรคือส่วนนามธรรม
เพียงแค่สร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง พวกเรายังทํากันไม่ค่อยจะได้ อาจจะได้อยู่เป็นกระท่อนกระแท่นไม่ต่อเนื่อง ไม่เป็นมหาสติ ไม่เป็นมหาปัญญา เราต้องพยายามสร้างให้เป็นอัตโนมัติ เพียงแค่สร้างให้เป็นอัตโนมัติพวกเราก็ยังไม่ฝึกฝนกัน ในเรื่องที่จะเข้าไปแยกจิต แยกความคิด แยกรูปแยกนาม รู้ลักษณะของจิต รู้ลักษณะของอารมณ์ให้เป็นคนละส่วนกัน นั้นก็ยิ่งยากเข้าไปอีก
เรารู้อยู่ตั้งแต่กลางเหตุ ปลายเหตุ เราไม่ได้รู้ตั้งแต่ต้นเหตุว่าเขาเข้าไปร่วมกันได้อย่างไร ทําไมจิตของเราถึงเข้าไปหลง ทําไมจิตถึงเป็นทาสของอารมณ์ ทําไมจิตของเราถึงทาสของกิเลส ขนาดแยกรูปแยกนามได้แล้ว เราต้องมาชําระสะสางกิเลสออกจากใจของเราอีก ทั้งหยาบทั้งละเอียด หรือออกมาสํารอกกิเลสออกจากใจของเราให้หมดจด
แม้แต่ความอยากแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ แม้ตั้งแต่อยากจะรู้ธรรม ก็ยังให้ดับให้ละ ให้เป็นความทําความเข้าใจด้วยสติด้วยปัญญาด้วยเหตุด้วยผล ทุกสิ่งทุกอย่างก็มีเหตุมีผลหมด ทําความเข้าใจกับกาย ทําความเข้าใจกับจิต ทําความเข้าใจ หมั่นวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา มีความรับผิดชอบที่สูง ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน ทําความเข้าใจให้ถูกต้องเสีย ทิฏฐิมานะ ความคิดเห็นของเราอย่าเพิ่งเอามาโต้แย้ง เราพยายามทําความเข้าใจให้เห็นชัดเจน
ลักษณะของจิตที่สงบปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ความสงบหรือว่าสมาธิธรรมชาติเป็นอย่างไร การคลายความหลง หรือว่าแยกรูปแยกนาม ตรงนี้มันคลายได้ยาก ความหลงคลายได้ยาก เราต้องพยายามเพียรในการสังเกต ในการวิเคราะห์ ทุกคนก็มีบุญถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนก็มีโอกาสได้สร้างตบะบารมีกันมาอยู่ในระดับหนึ่ง แต่จะสร้างให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคลนะ ขึ้นอยู่กับความเพียร ความพร้อม ขึ้นอยู่กับกําลังศรัทธาอานิสงส์ ความขยันหมั่นเพียร
สิ่งพวกนี้เราจะไปบังคับกันไม่ได้ เราต้องบังคับตัวเองแก้ไขตัวเอง ปรับปรุงตัวเอง ไม่ใช่ว่าเราจะไปเที่ยววิ่งหาธรรมะที่โน่นที่นี่ อันนั้นเราไปหาวิธี หาอุบายหาแนวทาง ธรรมะก็อยู่ที่กายที่ใจของเรานี่แหล่ะ ท่านถึงบอกว่าทํากายให้เป็นบุญ ทำวาจาให้เป็นบุญ ทําใจให้เป็นบุญ ทํากายให้เป็นวัด ทําจิตของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ เราก็จะอยู่กับวัด เราก็จะอยู่กับพระตลอดเวลา เราก็จะอยู่กับบุญ
บุญเป็นตัว ใจของเรานั่นแหละคือตัวบุญ ใจของเราอยู่ตรงไหน อยู่กลางใจนั่นแหละ ใจของเราว่าง ว่างจากการเกิด ว่างจากกิเลส ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ใจของเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลา มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด การเกิดทุกครั้งเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเกิดทางด้านเนื้อทั้งด้านหนัง ทางด้านรูปธรรม ทางด้านนามธรรมคือความไม่เที่ยง
การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็อยู่ในภพของมนุษย์ ทีนี้เราได้ภพของมนุษย์มาแล้ว เราก็ควรที่จะเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง เพราะว่าภพของมนุษย์นี่แหละที่จะทําความเข้าใจกับหลักธรรมได้ถึงจุดหมายปลายทางได้ ภพอื่นๆ นั้นก็ยากอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ อย่าไปทิ้งบุญ ทั้งพระทั้งชีขยันหมั่นเพียรช่วยกัน เรามาอยู่ร่วมกันมากๆ ก็ให้อยู่ด้วยความรักความเมตตา อยู่อย่างพ่ออย่างแม่ อย่างพี่อย่างน้อง ให้เคารพกันในธรรม มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา ค่อยตักเตือนค่อยแก้ไข ดําเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง สิ่งไหนที่ไม่ดีรีบแก้ไขเสีย อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง ทําเฉพาะสิ่งที่ดีๆ ให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ภายนอกประโยชน์ภายใน ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล เราต้องพยายามพิจารณาให้ตลอด ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรม เพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทําความเข้าใจกันเอานะ