หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 046
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 046
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน วันนี้ก็รู้สึกว่าญาติโยมพากันมาทำบุญคล้ายวันเกิด ก็เป็นการแสดงมุฑิตา เป็นการแสดงความกตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกๆ คนที่ควรจะมี ไม่ว่าทำกับพ่อกับแม่ กับพี่กับน้อง กับครูบาอาจารย์ เป็นสิ่งที่แสดงความกตัญญู แสดงความจริงใจ แสดงความบริสุทธิ์ แสดงในสิ่งที่พลาดพลั้งมาก็ให้อโหสิกรรมซึ่งกันและกัน แล้วก็เริ่มต้นใหม่ เป็นสิ่งที่ดี เพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไปสู่ที่สูงในวันข้างหน้า ก็พยายามทำกัน ก็ไม่มีอะไรมากมาย ถ้าตามในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ท่านก็บอกว่าให้สำคัญทุกขณะทุกลมหายใจเข้าออก
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์พิจารณา สร้างอานิสงส์ ไม่ว่าเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเสียสละ การพิจารณารู้เห็นตามความเป็นจริง เป็นสิ่งที่สำคัญทุกขณะ ทุกเวลา ทุกโอกาส จนกว่าเราจะหมดลมหายใจ ทุกสิ่งก็สำคัญเท่าๆ กันหมด ก็ต้องพยายามนะ พยายามหมั่นสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจเราหมดโอกาส ก็ต้องพยายามกัน อยู่ที่ไหนก็พยายามสร้างคุณงามความดีทั้งภายนอก ทั้งภายใน คุณงามความดีทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติฝากเอาไว้ในใจของเรา อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญกัน หลวงพ่อขอขอบใจทุกคน ขอขอบคุณทุกคน พยายามตั้งใจกัน
ขอให้ทุกคน จงเจริญสติสร้างความรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนสักระยะ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย พวกเรามีโอกาสได้มาทำบุญ มาสร้างอานิสงส์ ถวายทานทางด้านวัตถุข้าวของต่างๆ อันนี้ก็เป็นการทำบุญ เป็นการชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ที่นี้เราก็มาเจริญสติ มาสร้างความรู้ตัว พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน หมั่นวิเคราะห์ใจของเรา หมั่นสังเกตใจของเรา ว่าใจของเราปกติ ลักษณะของความปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของความสงบเป็นอย่างไร เวลาเขาเกิดอาการ เขาก่อตัวเป็นอย่างไร เราต้องพยายามมาพิจารณา แล้วต้องหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าถึงทรัพย์ที่สูงคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจของเรา
ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักพยายามละ พยายามคลาย ใจของเราเกิดความโลภ เกิดความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน มีความเสียสละ คลายออกจากใจของเรา บุคคลเช่นนี้แหละจะเป็นบุคคลที่ได้เข้าวัด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ท่านถึงบอกว่าทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมใจของเราตลอดเวลา
แต่เวลานี้ใจของเราส่งออกไปภายนอก ใจของเราชอบคิดชอบหนีไปเที่ยว ชอบปรุงชอบแต่ง บางทีตัวใจเกิดปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกก็ยังไม่พอ มีอาการของใจอีก ในหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ มาปรุงแต่งใจของเรา เราต้องพยายามหัดสังเกตตัวใจกับอาการของใจ ให้แยกออกจากกัน ให้คลายออกจากกันให้ได้ ถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้เห็นที่ถูกต้อง ถ้าเราแยกได้ คลายได้ ตามดูได้ เราก็จะเข้าใจในเรื่องกาย ในเรื่องขันธ์ห้าของเรา
ในหลักธรรมของพระพุทธองค์ที่ได้ประกาศเอาไว้ อัตตา ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างนี้ ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างนี้ หลักของอริยสัจสี่ ความจริงอันประเสริฐสี่เป็นลักษณะอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ เราก็จะรู้ชัดเจน ทั้งที่อยู่ด้วยกัน รูปกับนามก็อยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ถึงกาล ถึงวาระ ถึงเวลา ถึงความพอดีพอเหมาะก็ยากที่จะเข้าใจ เราก็ต้องพยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมีของเราไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเต็ม เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหาร รับประทานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็อิ่ม แล้วก็จะรู้
การประพฤติ การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ใจของเรามีกิเลสแล้วพยายามละกิเลส ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน ก็รู้จักดับ รู้จักควบคุม รู้จักหมั่นพร่ำสอนใจของเรา จนใจของเราไม่มีความทะเยอทะยานอยาก มีแต่ความอิ่ม มีแต่ความปิติ มีแต่ความสุข นั่นแหละเราก็จะเข้าถึง เราก็จะรู้เอง พยายามนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
หลวงพ่อขอขอบใจทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ได้มาอวยพรในวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อไม่เคยจัดสักที ไม่เคยทำสักที เพราะว่าหลวงพ่อมาเจริญ มาพิจารณาดูว่า ทุกลมหายใจเข้าออกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญหมด ทุกวาระ ทุกเวลา แต่ในทางสมมติ เราก็ควรทำนั่นแหล่ะ แต่ก็ให้เอาหลักใจเป็นหลัก เอาหลักชัยของใจให้เป็นหลัก ให้เป็นอานิสงส์ของทุกคน ก็พยายามดูใจของเราให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะทำอะไรก็ให้ใจของเราอยู่ในความสงบ ความปกติ พิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา มองเห็นเหตุเห็นผล ดำเนินด้วยสติ ดำเนินด้วยปัญญา
อยู่ที่ไหนก็ไม่ตกอับ จะอยู่ก็มีความสุข จะไปก็มีความสุข มีโอกาสพวกเราได้สร้างบุญสร้างบารมีกันอยู่ตลอดเวลา ก็อย่าพากันทิ้ง มีโอกาสก็ให้รีบทำ มีโอกาสมีเวลาก็มา อยากจะน้อมกายของเราก็มาฝึก มาหากายวิเวก มาหาใจวิเวก ก็มาได้ตลอดเวลานะ หลวงพ่อขออวยพรให้ทุกคนจงมีแต่ความสุขความเจริญกัน
วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นสิ่งที่สำคัญ ถ้าเรารู้จักวิเคราะห์พิจารณา สร้างอานิสงส์ ไม่ว่าเฉพาะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ความกตัญญูกตเวที ความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเสียสละ การพิจารณารู้เห็นตามความเป็นจริง เป็นสิ่งที่สำคัญทุกขณะ ทุกเวลา ทุกโอกาส จนกว่าเราจะหมดลมหายใจ ทุกสิ่งก็สำคัญเท่าๆ กันหมด ก็ต้องพยายามนะ พยายามหมั่นสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ ถ้าหมดลมหายใจเราหมดโอกาส ก็ต้องพยายามกัน อยู่ที่ไหนก็พยายามสร้างคุณงามความดีทั้งภายนอก ทั้งภายใน คุณงามความดีทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติฝากเอาไว้ในใจของเรา อยู่ที่ไหนก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญกัน หลวงพ่อขอขอบใจทุกคน ขอขอบคุณทุกคน พยายามตั้งใจกัน
ขอให้ทุกคน จงเจริญสติสร้างความรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนสักระยะ วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย พวกเรามีโอกาสได้มาทำบุญ มาสร้างอานิสงส์ ถวายทานทางด้านวัตถุข้าวของต่างๆ อันนี้ก็เป็นการทำบุญ เป็นการชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ที่นี้เราก็มาเจริญสติ มาสร้างความรู้ตัว พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน หมั่นวิเคราะห์ใจของเรา หมั่นสังเกตใจของเรา ว่าใจของเราปกติ ลักษณะของความปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของความสงบเป็นอย่างไร เวลาเขาเกิดอาการ เขาก่อตัวเป็นอย่างไร เราต้องพยายามมาพิจารณา แล้วต้องหมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา เราก็จะเข้าถึงทรัพย์ที่สูงคือความสะอาด ความบริสุทธิ์ของใจของเรา
ใจของเราเกิดกิเลส เราก็รู้จักพยายามละ พยายามคลาย ใจของเราเกิดความโลภ เกิดความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักระงับยับยั้งเอาไว้ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน มีความเสียสละ คลายออกจากใจของเรา บุคคลเช่นนี้แหละจะเป็นบุคคลที่ได้เข้าวัด ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ท่านถึงบอกว่าทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมใจของเราตลอดเวลา
แต่เวลานี้ใจของเราส่งออกไปภายนอก ใจของเราชอบคิดชอบหนีไปเที่ยว ชอบปรุงชอบแต่ง บางทีตัวใจเกิดปรุงแต่งส่งออกไปภายนอกก็ยังไม่พอ มีอาการของใจอีก ในหลักธรรมท่านเรียกว่า ‘ขันธ์ห้า’ มาปรุงแต่งใจของเรา เราต้องพยายามหัดสังเกตตัวใจกับอาการของใจ ให้แยกออกจากกัน ให้คลายออกจากกันให้ได้ ถึงจะเรียกว่า ‘วิปัสสนา’ ถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้เห็นที่ถูกต้อง ถ้าเราแยกได้ คลายได้ ตามดูได้ เราก็จะเข้าใจในเรื่องกาย ในเรื่องขันธ์ห้าของเรา
ในหลักธรรมของพระพุทธองค์ที่ได้ประกาศเอาไว้ อัตตา ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างนี้ ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างนี้ หลักของอริยสัจสี่ ความจริงอันประเสริฐสี่เป็นลักษณะอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของเราเป็นลักษณะอย่างนี้ เราก็จะรู้ชัดเจน ทั้งที่อยู่ด้วยกัน รูปกับนามก็อยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ถึงกาล ถึงวาระ ถึงเวลา ถึงความพอดีพอเหมาะก็ยากที่จะเข้าใจ เราก็ต้องพยายามสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างบารมีของเราไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเต็ม เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหาร รับประทานไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็อิ่ม แล้วก็จะรู้
การประพฤติ การปฏิบัติจิตก็เหมือนกัน ใจของเรามีกิเลสแล้วพยายามละกิเลส ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน ก็รู้จักดับ รู้จักควบคุม รู้จักหมั่นพร่ำสอนใจของเรา จนใจของเราไม่มีความทะเยอทะยานอยาก มีแต่ความอิ่ม มีแต่ความปิติ มีแต่ความสุข นั่นแหละเราก็จะเข้าถึง เราก็จะรู้เอง พยายามนะ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง
หลวงพ่อขอขอบใจทุกคน ขอบคุณทุกคนที่ได้มาอวยพรในวันคล้ายวันเกิด หลวงพ่อไม่เคยจัดสักที ไม่เคยทำสักที เพราะว่าหลวงพ่อมาเจริญ มาพิจารณาดูว่า ทุกลมหายใจเข้าออกนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญหมด ทุกวาระ ทุกเวลา แต่ในทางสมมติ เราก็ควรทำนั่นแหล่ะ แต่ก็ให้เอาหลักใจเป็นหลัก เอาหลักชัยของใจให้เป็นหลัก ให้เป็นอานิสงส์ของทุกคน ก็พยายามดูใจของเราให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะทำอะไรก็ให้ใจของเราอยู่ในความสงบ ความปกติ พิจารณาด้วยสติด้วยปัญญา มองเห็นเหตุเห็นผล ดำเนินด้วยสติ ดำเนินด้วยปัญญา
อยู่ที่ไหนก็ไม่ตกอับ จะอยู่ก็มีความสุข จะไปก็มีความสุข มีโอกาสพวกเราได้สร้างบุญสร้างบารมีกันอยู่ตลอดเวลา ก็อย่าพากันทิ้ง มีโอกาสก็ให้รีบทำ มีโอกาสมีเวลาก็มา อยากจะน้อมกายของเราก็มาฝึก มาหากายวิเวก มาหาใจวิเวก ก็มาได้ตลอดเวลานะ หลวงพ่อขออวยพรให้ทุกคนจงมีแต่ความสุขความเจริญกัน
วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ