หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 055

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 055
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 055
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบายวางกายให้สบายและก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราละไม่ได้เราหยุดไม่ได้เด็ดขาดเราก็หยุด ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกอานาปานสติ พวกเรายังทำไม่ชำนาญเลย พวกเรายังรู้ไม่ชำนาญเลย

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเราเป็นบุญ อยากจะได้บุญอยากจะทำบุญ ในความอยากนั้นก็เลยปิดกั้นตัวของเขาเอาไว้เสีย เราหยุดเรามาหยุดเรามาผ่อนคลายร่างกายของเรา ผ่อนคลายความนึกคิดปรุงแต่งของเรา แล้วก็สร้างความรู้สึกรับรู้ตัวใหม่ให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ฝึกให้เกิดความเคยชินแล้วก็ให้เร็วให้ไว ความรู้ตัวพลั้งเผลอเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่

เพียงแค่รู้กาย รู้ตัวนี่เขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ รู้การหายใจเข้าออกอันนี้เป็นการสร้างสติให้อยู่กับกาย แล้วถ้าเรารู้ได้ต่อเนื่องก็เรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อมจาก 1 ครั้ง 2 ครั้ง 3 ครั้ง ไปเรื่อยๆ จนรู้เวลาลมหายใจเข้าก็รู้หายใจออกก็รู้ ใจปกติก็รู้ ใจจะเกิดเราก็รู้ รู้จักดับรู้จักควบคุมให้เขาสงบ ให้เขานิ่ง ความคิดจะผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจเราก็รู้เท่าทัน ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวมเราก็จะเห็น ถ้าเรารู้ทันตรงนั้นใจก็จะคลายออกพลิกออกแยกออก เขาเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริง

รอบรู้ในความคิด รอบรู้ในดวงจิต รอบรู้ในกองสังขารในขันธ์ห้าของเรา สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน ตามดูรู้เห็น เห็นการเกิดการดับ ไปทำเถอะพยายามพากันไปสร้างไปทำให้ได้ทุกอิริยาบถ อย่าไปเกียจคร้าน ความขยันหมั่นเพียรต้องเสมอภาค ความขยันหมั่นเพียรทั้งภายนอกภายใน ยังสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อีกอย่างหนึ่งนั้นถ้าวิบากกรรมสมมติมันไม่คลายมันก็ยากอยู่เหมือนกันนะ แต่การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ความขยันของเรามีเพียงพอหรือไม่ ลักษณะสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเราสร้างให้ต่อเนื่องหรือไม่ ความเกียจคร้านเข้าครอบงำเราหรือเปล่า ความรู้ตัวของเราพลั้งเผลอหรือเปล่า เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอ การกระทำของเราเพียงพอ

แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจของเราอยู่ในความปกติ หรือว่าใจของเราเกิดความทุกข์ เกิดความกังวล หรือว่าใจของเรามีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยาก เราก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนใจของเรา กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก ตาก็ทำหน้าที่ดู หูก็ทำหน้าที่ฟัง เราแยกรูปรสกลิ่นเสียงออกจากใจของเราแล้วหรือยัง สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟัง ทุกเรื่องเลยนะในชีวิตทุกเรื่องเลย ไม่ใช่ว่าเรื่องหนึ่งเรื่องเดียวทุกเรื่องเลย

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาหายใจเข้าหายใจออก ถ้าหยุดหายใจเมื่อไรก็สภาพร่างกายก็ไปทันที แต่เราก็ขาดการดูการรู้หายใจทิ้ง ทั้งที่ใจอยากจะได้บุญอยากจะทำบุญ มีโอกาสมีโอกาสก็อยากจะไปวัด ไปที่โน่นบ้างไปที่นี่บ้าง อันนี้เป็นสิ่งที่ดีนะไม่ใช่ว่าไม่ดี ไปที่โน่นที่นี่ก็เป็นการสร้างบารมีให้กับตัวเรา สักวันหนึ่งเราก็จะเดินปัญญาเข้าใจในสิ่งที่เราไป ถึงเราไปปฏิบัติที่โน่นฝึกที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง เรายังไม่เข้าใจในความหมายในสิ่งที่เราไป ถ้าเรารู้เห็นเข้าใจเข้าถึงตรงนั้น เราก็จะเห็นอานิสงส์ ในสิ่งที่เราทำมาแต่ก่อนๆ

เราทำบุญเพื่ออะไร เพื่อละกิเลส เราคลายทำโน่นทำนี่ก็ด้วยจิตใจที่เป็นบุญ สติปัญญาของเราอาจจะยังไม่เร็วไม่ไวไม่เก่งกล้าที่จะเข้าไปรู้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างในกายของเรา แต่ก็ยังอยู่ในกองบุญ อาจจะเป็นบุญที่ยังไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เป็นพื้นฐาน เป็นพื้นฐานในการดำเนินตัวปัญญาขั้นสูงต่อๆ ไป

การละกิเลสของเรา การให้อภัยทานการให้อโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี รู้กายของเรารู้ใจของเราก็รู้สิ่งรอบข้างของเรา คนรอบข้างของเราก็จะล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่สังคมภายนอก ละความเกียจคร้านเพิ่มความขยันให้มีให้เกิดขึ้น ไปบังคับกันไม่ได้หรอกของพวกนี้ จะไปบังคับกันไม่ได้เด็ดขาดเลยทีเดียว ถ้าบังคับนี่ก็บังคับอย่างไรก็ไม่ถึงจุดหมาย เอาอย่างไรก็ไม่ถึงจุดหมายถ้าอานิสงส์ไม่เพียงพอ ถ้าอานิสงส์เพียงพอแล้วอยู่คนเดียวก็ถึงจุดหมายถ้ารู้จักวิธีรู้จักอุบาย

คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ รู้เท่าทันปัจจุบันธรรม การดับการควบคุม การสังเกตการวิเคราะห์ หาเหตุหาผลอยู่ตลอดเวลา สติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ แล้วก็สร้างให้ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างนี้ ยืนเดินนั่งนอนให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ เราเอาไปใช้เอาไปวิเคราะห์ รู้ไม่เท่าทันใจของเรา รู้จักดับรู้จักควบคุม ส่วนเวลาใหม่ๆ สร้างขึ้นมาใหม่ๆ ถ้ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้นี้ ความรู้ตัวจะพลั้งเผลอ

ถ้าแยกถ้าใจมันคลายแล้ว ถ้าเราขาดการตามทำความเข้าใจอีกเขาก็จะซึมเข้าสู่สภาพเดิม ถ้าแยกได้คลายได้ถ้าเราตามทำความเข้าใจได้กำลังสติก็จะพุ่งแรง หาเหตุหาผลจนหมดในสิ่งที่จะค้นหาเขาถึงจะหยุด เราก็รู้จักละกิเลส ก็พยายามนะ ทั้งพระทั้งชีทั้งโยมของเรา พยายามพากันสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา

แต่ละวันๆ พวกเราก็ได้สร้างประโยชน์กันมากมาย ประโยชน์ทางสมมติเราก็ทำ ช่วยกันทำเพื่อให้เป็นอานิสงส์ใหญ่ ฝากไว้ในแผ่นดินฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน แม้ตั้งแต่จัดระบบระเบียบความคิดอารมณ์ การพูดการจาระวังรักษาคำพูดคำจาของเรา ระวังการกระทำของเรา ลึกลงไปก็ระวังใจ ใจเกิดเราก็รู้จักละจนไม่มีอะไรที่จะไประวัง เพราะว่าเป็นธรรมชาติของใจที่ปราศจากกิเลสเขาก็ว่าง ถ้าเขาไม่เกิดเขาก็นิ่งเขาก็โล่งเขาก็โปร่ง

สมมติภายนอกเราก็ทำให้เกิดประโยชน์ หลวงพ่อก็พาทำอยู่ตลอดเวลาทุกเรื่องเท่าที่โอกาสเปิดทางให้ นี่แหละมีโอกาสก็ขอเชิญชวนทุกคนนั่นแหละ มีโอกาสก็ได้มาร่วมกันทำ ไม่ว่าจะอยู่ในวัด นอกวัด อยู่บ้านอยู่ที่ไหน เราก็พยายามสร้างประโยชน์สร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นฝากเอาไว้ในใจของเรานะ

เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง