หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 025
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 025
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง อันนี้เป็นการย้ำเป็นการเตือน ตามหลักของความเป็นจริงพวกท่านต้องพยายามหมั่นสร้างขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ แล้วก็รู้จักเอาไปใช้เอาไปวิเคราะห์ใจของเรา ว่าลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ลักษณะของใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากความคิดหรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างไร
ต้องศึกษาต้องค้นคว้าด้วยการเจริญสติด้วยการเจริญปัญญา ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย ศรัทธาของทุกคนมีเป็นพื้นฐาน แต่ปัญญาจะไปนึกไปคิดเอาไปค้นหาไปอ่านไปฟัง อันนั้นเป็นแค่เพียงแนวทาง เป็นปัญญาของโลกิยะปัญญาของสมมติทั่วไป ปัญญาของพระพุทธองค์ต้องสร้างขึ้นมา สร้างความรู้ตัวแล้วก็ให้รู้เท่าทันจิตหรือว่าวิญญาณซึ่งอยู่ในกายของเรา
การก่อตัว การเกิด การควบคุม การสังเกต การวิเคราะห์ ถ้าวิญญาณคลายออกจากอาการของความคิดได้เมื่อไรนั่นแหละ สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงจะเปิดทางให้ เราก็จะเห็นวิญญาณของเรานี่ หรือว่าเห็นใจของเรานี่ว่างโล่งโปร่งกายก็เบา ตามรู้เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า มันเรื่องอะไรที่เกิด ที่พวกเราสวดท่องกันอยู่ว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมมันถึงหนักเราก็จะเห็น พอแยกได้คลายได้ใจก็จะว่างกายก็จะเบา แต่กายสมมติซึ่งเป็นส่วนรูปธรรมนี่ก็มีอยู่ ส่วนความคิดอารมณ์ที่เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘กองสังขาร’ ที่มาปรุงแต่งวิญญาณของเรา
วิญญาณของเราก็ไปหล ทำให้เกิดอัตตาตัวตน ถ้าเราแยกได้คลายได้ตามดูได้เราก็วางอัตตาตัวตนได้ แต่อัตตาสมมติก็มีอยู่ การตามดูการรู้การเห็นก็ต้องตามมาอีกก็จะเข้าสู่วิปัสสนา ทำความเข้าใจกิเลสหยาบกิเลสละเอียด นิวรณธรรมต่างๆ ที่เกิดจากตัวจิตหรือว่าตัววิญญาณของเรา รู้จักละ รู้จักละรู้จักดับ การดับการละการเจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน
ฝึกหัดปฏิบัติ ถ้าเราเข้าใจเราจะสำรวจใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ถ้ามีความเพียรที่ต่อเนื่อง ดูได้รู้ได้ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนไม่ให้นิวรณ์ไม่ให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงให้ได้ทุกอย่าง ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่ไม่เกิด ลักษณะของใจที่อยู่ในความว่าง ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่เกิด ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นเขาก็ว่าง ในความว่างนั้นแหละเขาอยู่ในกายของเรานี่แหละ อยู่กลางหัวใจของเรานี่แหละ
แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามีน้อย ก็เลยเอาไปวิเคราะห์เอาไปใช้ไม่เท่าทันความคิดเก่าๆ ปัญญาเก่าๆ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะดับทุกข์ อยากจะหลุดพ้น แต่ความปรารถนาของใจหรือว่าความทะเยอทะยานอยากของใจนั้นท่านให้ละให้ดับ ให้เจริญสติเข้าไปทำหน้าที่แทน จะมีมากมีน้อย เป็นมากเป็นน้อย ทำอะไรก็เป็นเรื่องของปัญญา มีให้เป็นทำให้เป็น อย่าไปสับสนอย่าไปกังวลในสิ่งต่างๆ
ช่วงใหม่ๆ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเขาเอง แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเขาก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง การเกิดก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง เขาไปรวมเขาไปหลงอาการของขันธ์ห้าก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง การเกิดก็ยังไม่พอแถมด้วยความทะเยอทะยานอยากอีก ทั้งอยากทั้งไม่อยาก ทั้งหวังทั้งไม่หวัง ในหลักธรรมท่านให้ละทั้งความอยากละทั้งความหวัง
ในการวิเคราะห์หาเหตุหาผลด้วยสติด้วยปัญญาต้องเต็มเปี่ยม รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ต้องเต็มเปี่ยม เราก็จะเห็นสิ่งต่างๆ ในกายของเราเยอะ กายของเรานี่ประกอบขึ้นมาด้วยขันธ์ทั้งห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง ตัววิญญาณนั้นแหละมันมาสร้างภพสร้างชาติ แล้วก็มาครอบครองมาปิดกั้นตัววิญญาณเอาไว้ แล้วก็ไปยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นตัวเป็นตนว่าเป็นของๆ เรา
พระพุทธเจ้าท่านถึงให้มาจำแนกแจกแจง ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนใจรู้เห็นตามความเป็นจริงจนเขาเบื่อหน่ายนั่นแหละ รู้จุดปล่อยรู้จุดวาง น้อยคนที่จะเข้าถึงตรงนี้นอกจากบุคคลที่มีความเพียรที่ถูกต้อง มีความขยันหมั่นเพียรอย่างเต็มที่ มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด มีความจริงใจต่อตัวเอง ไม่เชื่อแบบงมงาย
พระพุทธองค์ท่านชี้แนะแนวทางให้ เดินอย่างนี้ทำอย่างนี้จะเข้าถึงอย่างนี้ รู้เห็นแล้วหมดความสงสัยแล้วก็มีตั้งแต่ความเพียร นี่แหละคนที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว หมั่นพร่ำสอนตัวเราแก้ไขตัวเราทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติเราก็พยายามยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์น้อยประโยชน์มาก ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกปัจจุบันเราก็พยายามทำ
หลวงพ่อก็พาทำ ทำทุกอย่างทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ทั้งวิมุตติทางด้านจิตใจก็ชี้แนะแนวทางให้ การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ หลวงพ่อก็เน้นมาอยู่ตั้งยี่สิบสามสิบปี ก็เน้นตัวเดียวนี่แหละ แต่เราจะไปมองข้ามเอาตั้งแต่ผล แต่ไม่ค่อยจะเริ่มเข้าไปหาเหตุหาผล ตั้งแต่การก่อตัวตั้งแต่การเกิด ตั้งแต่การแยกการคลาย ตามดูจากน้อยๆ ไปหามากๆ เราก็จะรู้เราก็จะเข้าถึง ก็ต้องพยายามกัน
การฝึกหัดปฏิบัติก็เน้นลงอยู่ที่กายของเรา ถ้าออกจากกายนี้จะไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจในเรื่องวิญญาณ ไม่เข้าใจในเรื่องรูปเรื่องนาม ไม่เข้าใจในการดำเนินชีวิต จะไปพึ่งพาตั้งแต่ภายนอกเอาตั้งแต่ภายนอก แต่เราก็อาศัยสมมตินั่นแหละพึ่งพาอยู่ระดับของสมมติ แต่ตัววิญญาณแล้วสติปัญญาของเราต้องไปเป็นที่พึ่งเป็นที่อาศัย สตินี่จะหมั่นพร่ำสอนใจของเราตลอดเวลา จนไม่ได้สร้างจนเป็นเองจนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ในการดำเนินชีวิต เราก็จะอยู่กับบุญ ตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ
เราต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระว่าชีว่าโยม อย่าพากันเกียจคร้านให้พยายามขยันหมั่นเพียร แต่ละวันๆ เราได้ยังประโยชน์อะไร เราได้ปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง วันนี้พระเราก็ช่วยกันรวมพลังช่วยกัน ช่วยท่านฮกหน่อยนะพากันไปทำความสะอาด ล้างถังน้ำประปา ซึ่งก็ไม่ได้ล้างมานาน ไปช่วยกันล้างไปช่วยกันทำความสะอาดเราก็จะได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ ก่อนจะได้ใช้ได้สอยก็ผ่านความลำบากมามากต่อมาก เราก็ช่วยกัน อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยกัน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ โรงครัวต่างๆ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด สะอาดจากภายนอกเข้าถึงภายใน จากข้างในส่งออกไปภายนอก หมั่นแก้ไขหมั่นปรับปรุงตัวเราแก้ไขตัวเรา ตำหนิตัวเองแก้ไขตัวเอง มองโลกในทางที่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ แม้แต่จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ตรงไหนมันไม่ดีเราก็ทำเสีย ไม่มีน้ำเราก็เปิดใส่ มันสกปรกเราก็ทำความสะอาดอย่าไปเกี่ยงอนกัน กว่าจะมีใช้ได้แต่ละชิ้นแต่ละส่วน อันนี้มันก็ต้องอาศัยความเสียสละของทุกคนหล่อหลอมรวมกัน เพื่อที่จะยังประโยชน์ให้กับส่วนรวม ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา
ต้องศึกษาต้องค้นคว้าด้วยการเจริญสติด้วยการเจริญปัญญา ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย ศรัทธาของทุกคนมีเป็นพื้นฐาน แต่ปัญญาจะไปนึกไปคิดเอาไปค้นหาไปอ่านไปฟัง อันนั้นเป็นแค่เพียงแนวทาง เป็นปัญญาของโลกิยะปัญญาของสมมติทั่วไป ปัญญาของพระพุทธองค์ต้องสร้างขึ้นมา สร้างความรู้ตัวแล้วก็ให้รู้เท่าทันจิตหรือว่าวิญญาณซึ่งอยู่ในกายของเรา
การก่อตัว การเกิด การควบคุม การสังเกต การวิเคราะห์ ถ้าวิญญาณคลายออกจากอาการของความคิดได้เมื่อไรนั่นแหละ สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงจะเปิดทางให้ เราก็จะเห็นวิญญาณของเรานี่ หรือว่าเห็นใจของเรานี่ว่างโล่งโปร่งกายก็เบา ตามรู้เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า มันเรื่องอะไรที่เกิด ที่พวกเราสวดท่องกันอยู่ว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมมันถึงหนักเราก็จะเห็น พอแยกได้คลายได้ใจก็จะว่างกายก็จะเบา แต่กายสมมติซึ่งเป็นส่วนรูปธรรมนี่ก็มีอยู่ ส่วนความคิดอารมณ์ที่เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘กองสังขาร’ ที่มาปรุงแต่งวิญญาณของเรา
วิญญาณของเราก็ไปหล ทำให้เกิดอัตตาตัวตน ถ้าเราแยกได้คลายได้ตามดูได้เราก็วางอัตตาตัวตนได้ แต่อัตตาสมมติก็มีอยู่ การตามดูการรู้การเห็นก็ต้องตามมาอีกก็จะเข้าสู่วิปัสสนา ทำความเข้าใจกิเลสหยาบกิเลสละเอียด นิวรณธรรมต่างๆ ที่เกิดจากตัวจิตหรือว่าตัววิญญาณของเรา รู้จักละ รู้จักละรู้จักดับ การดับการละการเจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทน
ฝึกหัดปฏิบัติ ถ้าเราเข้าใจเราจะสำรวจใจของเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ถ้ามีความเพียรที่ต่อเนื่อง ดูได้รู้ได้ทั้งกลางวันทั้งกลางคืนไม่ให้นิวรณ์ไม่ให้ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงให้ได้ทุกอย่าง ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่ไม่เกิด ลักษณะของใจที่อยู่ในความว่าง ใจที่ไม่มีกิเลส ใจที่ไม่เกิด ใจที่ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นเขาก็ว่าง ในความว่างนั้นแหละเขาอยู่ในกายของเรานี่แหละ อยู่กลางหัวใจของเรานี่แหละ
แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามีน้อย ก็เลยเอาไปวิเคราะห์เอาไปใช้ไม่เท่าทันความคิดเก่าๆ ปัญญาเก่าๆ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะดับทุกข์ อยากจะหลุดพ้น แต่ความปรารถนาของใจหรือว่าความทะเยอทะยานอยากของใจนั้นท่านให้ละให้ดับ ให้เจริญสติเข้าไปทำหน้าที่แทน จะมีมากมีน้อย เป็นมากเป็นน้อย ทำอะไรก็เป็นเรื่องของปัญญา มีให้เป็นทำให้เป็น อย่าไปสับสนอย่าไปกังวลในสิ่งต่างๆ
ช่วงใหม่ๆ กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเขาเอง แม้แต่ตัวจิตตัววิญญาณเขาก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง การเกิดก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง เขาไปรวมเขาไปหลงอาการของขันธ์ห้าก็ปิดกั้นตัวของเขาเอง การเกิดก็ยังไม่พอแถมด้วยความทะเยอทะยานอยากอีก ทั้งอยากทั้งไม่อยาก ทั้งหวังทั้งไม่หวัง ในหลักธรรมท่านให้ละทั้งความอยากละทั้งความหวัง
ในการวิเคราะห์หาเหตุหาผลด้วยสติด้วยปัญญาต้องเต็มเปี่ยม รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ต้องเต็มเปี่ยม เราก็จะเห็นสิ่งต่างๆ ในกายของเราเยอะ กายของเรานี่ประกอบขึ้นมาด้วยขันธ์ทั้งห้า มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง ตัววิญญาณนั้นแหละมันมาสร้างภพสร้างชาติ แล้วก็มาครอบครองมาปิดกั้นตัววิญญาณเอาไว้ แล้วก็ไปยึดเอาทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นตัวเป็นตนว่าเป็นของๆ เรา
พระพุทธเจ้าท่านถึงให้มาจำแนกแจกแจง ให้รู้เห็นตามความเป็นจริงแล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนใจรู้เห็นตามความเป็นจริงจนเขาเบื่อหน่ายนั่นแหละ รู้จุดปล่อยรู้จุดวาง น้อยคนที่จะเข้าถึงตรงนี้นอกจากบุคคลที่มีความเพียรที่ถูกต้อง มีความขยันหมั่นเพียรอย่างเต็มที่ มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด มีความจริงใจต่อตัวเอง ไม่เชื่อแบบงมงาย
พระพุทธองค์ท่านชี้แนะแนวทางให้ เดินอย่างนี้ทำอย่างนี้จะเข้าถึงอย่างนี้ รู้เห็นแล้วหมดความสงสัยแล้วก็มีตั้งแต่ความเพียร นี่แหละคนที่จะถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วได้ไว หมั่นพร่ำสอนตัวเราแก้ไขตัวเราทั้งสมมติทั้งวิมุตติ สมมติเราก็พยายามยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์น้อยประโยชน์มาก ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ในโลกปัจจุบันเราก็พยายามทำ
หลวงพ่อก็พาทำ ทำทุกอย่างทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ทั้งวิมุตติทางด้านจิตใจก็ชี้แนะแนวทางให้ การเจริญสติเป็นลักษณะอย่างนี้ หลวงพ่อก็เน้นมาอยู่ตั้งยี่สิบสามสิบปี ก็เน้นตัวเดียวนี่แหละ แต่เราจะไปมองข้ามเอาตั้งแต่ผล แต่ไม่ค่อยจะเริ่มเข้าไปหาเหตุหาผล ตั้งแต่การก่อตัวตั้งแต่การเกิด ตั้งแต่การแยกการคลาย ตามดูจากน้อยๆ ไปหามากๆ เราก็จะรู้เราก็จะเข้าถึง ก็ต้องพยายามกัน
การฝึกหัดปฏิบัติก็เน้นลงอยู่ที่กายของเรา ถ้าออกจากกายนี้จะไม่รู้ไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจในเรื่องวิญญาณ ไม่เข้าใจในเรื่องรูปเรื่องนาม ไม่เข้าใจในการดำเนินชีวิต จะไปพึ่งพาตั้งแต่ภายนอกเอาตั้งแต่ภายนอก แต่เราก็อาศัยสมมตินั่นแหละพึ่งพาอยู่ระดับของสมมติ แต่ตัววิญญาณแล้วสติปัญญาของเราต้องไปเป็นที่พึ่งเป็นที่อาศัย สตินี่จะหมั่นพร่ำสอนใจของเราตลอดเวลา จนไม่ได้สร้างจนเป็นเองจนเป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้ในการดำเนินชีวิต เราก็จะอยู่กับบุญ ตัวใจนั่นแหละคือตัวบุญ
เราต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระว่าชีว่าโยม อย่าพากันเกียจคร้านให้พยายามขยันหมั่นเพียร แต่ละวันๆ เราได้ยังประโยชน์อะไร เราได้ปล่อยเวลาทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง วันนี้พระเราก็ช่วยกันรวมพลังช่วยกัน ช่วยท่านฮกหน่อยนะพากันไปทำความสะอาด ล้างถังน้ำประปา ซึ่งก็ไม่ได้ล้างมานาน ไปช่วยกันล้างไปช่วยกันทำความสะอาดเราก็จะได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ ก่อนจะได้ใช้ได้สอยก็ผ่านความลำบากมามากต่อมาก เราก็ช่วยกัน อะไรพอช่วยกันได้ก็ช่วยกัน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ห้องส้วมห้องน้ำ โรงครัวต่างๆ
ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความสะอาด สะอาดจากภายนอกเข้าถึงภายใน จากข้างในส่งออกไปภายนอก หมั่นแก้ไขหมั่นปรับปรุงตัวเราแก้ไขตัวเรา ตำหนิตัวเองแก้ไขตัวเอง มองโลกในทางที่ดี แล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ แม้แต่จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ ตรงไหนมันไม่ดีเราก็ทำเสีย ไม่มีน้ำเราก็เปิดใส่ มันสกปรกเราก็ทำความสะอาดอย่าไปเกี่ยงอนกัน กว่าจะมีใช้ได้แต่ละชิ้นแต่ละส่วน อันนี้มันก็ต้องอาศัยความเสียสละของทุกคนหล่อหลอมรวมกัน เพื่อที่จะยังประโยชน์ให้กับส่วนรวม ก็ต้องพยายามกัน
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา