หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 032

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 032
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550 ลำดับที่ 032
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2550
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างสติให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเราสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน ด้วยการเจริญอานาปานสติ ระลึกรู้สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเรา ตามความเป็นจริงเราพยายามสร้างตั้งแต่ตื่นขึ้นมา สร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้ตัวรู้กายรู้จิต รู้ความปกติของจิต รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง รู้จิตของเรา รู้ความสงบ ความสะอาด ความสว่าง

ตื่นขึ้นมาเราได้สำรวจเราแล้วหรือยัง เราได้สร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเราแล้วหรือยัง ก็ต้องพยายามกัน ศึกษาค้นคว้า การศึกษาข้างนอกปัญญาโลกียะนั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่ปัญญาที่จะเข้าไปชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา เราได้พยายามกำจัดกิเลสออกจากใจของเราแล้วหรือยัง หรือว่าปล่อยให้ใจของเราเป็นทาสของกิเลส เป็นทาสของอารมณ์อยู่เรื่อยร่ำไป

เราก็ต้องพยายามเอา หัดวิเคราะห์ตัวเรา แก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา หมั่นทำในใจอยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร จนเป็นธรรมชาติในการดูในการรู้ ในการสำรวจในการทำความเข้าใจ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา ถ้าเราไม่วิเคราะห์พิจารณาตัวเราแล้ว ก็ยากที่คนอื่นเขาจะทำให้ได้ นอกจากตัวของเรา

ความเป็นอยู่ทางสมมติเราก็ทำให้เรียบร้อยเสีย ก็ส่งผลทางด้าน การปฏิบัติของเราก็จะไปเร็วได้ไว อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง เรามีโอกาสได้สร้างคุณงามความดีตลอดเวลา สร้างคุณงามความดีทางกายทางวาจาแล้วก็ทางใจ ก็ตั้งแต่คิดคิดดีทำดีก็เป็นบุญ เพียงแค่คิดเท่านั้นก็เป็นบุญแล้ว ถ้าเรารู้จักคิดในทางที่ดี

กายของเราก็กระทำในสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่ทำ สิ่งไหนเป็นอกุศลเราก็พยายามละ สิ่งไหนเป็นกุศลเราก็เจริญ การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การสำรวจการสังเกตการวิเคราะห์ การละการดับการแยก ตรงนี้แหละจะไม่ค่อยจะทำกันเท่าไหร่ ปล่อยให้จิตของเราไปตามกระแสธรรมชาติ กระแสโลกภายนอกเขา

แทนที่จะคลายความหลงออกไป รับรู้อยู่ภายในของเรา ภายในกายภายในตัวของเรา แล้วก็ให้รู้เห็นลักษณะอาการของกิเลสให้ชัดเจน กิเลสหยาบๆ หรือว่ากิเลสละเอียด จิตของเราเข้าไปหลงทำไม หลงแล้วได้อะไร เราก็ต้องพยามแก้ไข เรามีความเกียจคร้านเราก็พยายามละความเกียจคร้าน เพิ่มความขยันหมั่นเพียรให้มีให้เกิดขึ้น มีความจริงใจต่อตัวเราเอง

แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมาเรารู้จิตของเราได้ยาวนานถึงขนาดไหน เราได้เจริญสติได้ต่อเนื่องกันกี่ชั่วโมงกี่นาที เพียงแค่ 5 นาทีก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ทั้งวันทั้งเดือนทั้งปีล่ะมันจะไปได้อย่างไร มันก็เป็นทาสของอารมณ์ทาสของกิเลสอยู่อย่างนั้นแหละ

ถ้าเรารู้จักเจริญสติเข้าไปคลายไปแยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจได้ กำลังสติของเราถึงจะเป็นมหาสติ ถ้าเรายังเพียงแค่สร้างความระลึกรู้ตัวก็ยังทำกันไม่ค่อยจะได้ มันก็ยากที่จะเข้าไปแยกรูปแยกนาม ยากที่จะเข้าไปรู้จิต รู้อาการของขันธ์ห้า รอบรู้ในเรื่องของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รอบรู้ในอริยสัจ เพราะว่าสติของเรายังมีกำลังไม่เพียงพอ มีแต่ปัญญาของโลกๆ นั่นแหละ เข้าไปคิดไปพิจารณา ไปวิเคราะห์ไปตัดสิน มันก็อาจจะถูกอยู่ระดับหนึ่ง แต่ไม่ถูกในระดับของหลักธรรมจริงๆ

ในหลักธรรมแล้ว เราต้องแยกแยะให้จิตรู้เห็นตามความเป็นจริง จนจิตเกิดความเบื่อหน่ายแล้วก็ค่อยละ ชำระสะสางกิเลสออกนั่นแหละ ได้มากได้น้อยก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา ก็ต้องพยายามกัน

แม้แต่เรื่องการเจริญสติอานาปานสติ พวกเราก็ยังทำกันไม่ค่อยจะคล่อง ส่วนมากจะไม่ทำกัน หายใจก็หายใจตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตั้งแต่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่นั่นแหละ เพียงแค่เรื่องของการหายใจพวกเราก็ยังไม่ค่อยสนใจ จะไปสนใจเอาตั้งแต่ธรรม มันจะไปได้อย่างไร

การหายใจนี่ก็เป็นเรื่องของกาย ถ้าคนเราขาดการหายใจเข้าก็ตาย หายใจออกก็ตาย เราก็เกี่ยวเนื่องอยู่ด้วยลม เราต้องพยายามทำความเข้าใจ เราไม่เข้าใจเราก็เพิ่มความเพียร ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เกิดความเคยชิน รู้กายแล้วก็รู้จิต รู้ลักษณะของจิต แล้วก็รู้ลักษณะอาการของกิเลส แล้วก็รู้จักละกิเลส ดับการเกิดของจิตให้ได้

ใหม่ๆ ก็อาจจะฝืน เพราะเป็นการทวน ทวนกระแส เพราะจิตของคนเราชอบคิดชอบเที่ยว ชอบปรุงชอบแต่งไปนั่นไปนี่ เดี๋ยวก็เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรามาดับมาอดมาข่มมันก็เลยอึดอัด ถ้าเราแยกได้เมื่อไหร่เขาถึงจะคลาย เพียงแค่แยกได้เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น การตามทำความเข้าใจการละต้องเพิ่มความทวีคูณ ไม่ให้พลาดพลั้งสายตาของสติปัญญาได้เลยแม้แต่นิดเดียวจนเป็นอัตโนมัติ

ถ้าคนเราไม่รู้จักละรู้จักดับ ก็สร้างสะสมกิเลส เหมือนกับเอาอาหารให้กิเลสไปเรื่อยๆ มันก็หมักหมมมากขึ้นๆ ถ้าเรารู้จักละรู้จักดับ รู้จักสำรวจทำความเข้าใจครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 การละการดับก็จะตามมาๆ ทำความเข้าใจ มันก็จะเหือดแห้งไปๆ

คุณค่าของการฝึกหัดปฏิบัติเราก็จะเข้าถึงความสงบความสุข มองเห็นหนทางที่จะเดิน เดินให้มันตลอดว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด จุดมุ่งหมายก็คือการไม่กลับมาเกิด เราก็ต้องพยายามเอา

สร้างความระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อน อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้ากระทบปลายจมูกของเรา ภาระหน้าที่ต่างๆ ทุกสิ่งทุกอย่างอย่าเพิ่งเอามากังวล

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง