หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 059
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551 ลำดับที่ 059
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2551
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกของตัวเราเองให้ต่อเนื่องกันสักพักสักระยะหนึ่งเสียก่อนนะ นั่งตามสบายไม่ต้องพนมมือ นั่งตามสบาย ฟังไปด้วยแล้วก็เจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้อง แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ลองดูสิ อย่าไปบังคับลมหายใจนะ
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ความคิดความกังวลความฟุ้งซ่านต่างๆ ก็จะหยุดไป สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้าในกายของเรา เวลาลมวิ่งออกนอกกายของเรา นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ความระลึกรู้กาย ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้สร้างก็รีบสร้างเสีย ขณะที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง แล้วก็พยายามเอาไปฝึกฝนตนเอง
แม้ตั้งแต่เรื่องการหายใจเข้าออก อานาปานสติ พวกเรายังทำกันไม่ชำนาญ พวกเราต้องพยายามไปสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง บางทีสมองก็ตึง ถ้าสมองตึง นี่ก็แสดงว่าเราเอาสติไปจดจ่อ บางทีหน้าอกก็แน่น ก็แสดงว่าเราจิตไปกำหนดจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก อันนี้ยังไม่ถูกวิธี
เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอไปเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ถ้าจิตคิดไปที่อื่น เราพยายามกระตุ้นความรู้สึกแรงๆ จิตก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ อันนี้เป็นอุบายทำจิตของเราให้สงบ เป็นการสร้างสติให้เกิดขึ้นอยู่ในกายของเรา แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ส่วนศรัทธาของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม อานิสงส์ส่วนอื่นของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ผ่านกาลผ่านเวลา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน มีความรู้สึกรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี ฝักใฝ่ในบุญในกุศล มีวิริยะความเพียร ผ่านกาลผ่านเวลา
ทุกคนก็ได้ปฎิบัติธรรมกัน อย่าว่าตัวเราไม่ได้ปฏิบัติ ทุกคนได้ปฎิบัติธรรมกันมาโดยสมมติตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ภพก่อนถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขณะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ สภาพร่างกายก็เปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นเด็กโต เด็กเป็นผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน นั่นแหละคือการเปลี่ยนแปลงทางสมมติทางด้านรูปธรรม เป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรรม
ทีนี้ทางด้านสติทางด้านปัญญา ก็ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักมีความรับผิดชอบต่อภาระต่อหน้าที่การงาน มีพรหมวิหาร อันนี้ก็เป็นการปฎิบัติธรรมอยู่ระดับของสมมติ ทั้งที่บางทีจิตของเราก็มีความอิ่มความสบาย แต่เราขาดสติเข้าไปดู เข้าไปรักษา เข้าไปทำความเข้าใจ อาจจะมีอยู่เป็นบางช่วง อาจจะรู้จิตเป็นบางช่วง บางทีจิตสบายเราก็รู้ว่าจิตของเราสบาย บางทีเราทำอะไรสำเร็จลุล่วงลงไป จิตของเราก็สบายจิตของเราก็อิ่ม บางทีอยู่กับการกับงาน การงานสำเร็จลุล่วงลงไปจิตก็อิ่มจิตก็สบาย นั่นแหละคือตัวบุญ ตัวสบายนั่นแหละตัวจิต ไอ้ตัวรู้ตัวสบายคือตัวสติ ทำอย่างไรเราถึงจะทำให้จิตของเราสบายได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ
เราต้องหมั่นน้อมเข้าไปวิเคราะห์ไปพิจารณา จิตของเราเป็นทาสของกิเลสหรือไม่ จิตของเราหลงความคิดหลงอารมณ์หรือไม่ จิตของเรามีความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักละรู้จักดับ จิตของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ รู้จักวิเคราะห์พิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าเป็นอกุศล จิตของเราฝักใฝ่ในกองบุญกองกุศลหรือไม่ ถ้าขาดการวิเคราะห์ขาดการพิจารณาเราก็จะไม่เข้าใจ ก็ต้องพยายามกัน
อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีโอกาสได้เข้ามาถึงสถานที่ น้อมกายเข้ามา สร้างอานิสงส์พวกเราก็ได้สร้าง บางทีบางคนบางท่านก็ไปประพฤติปฏิบัติธรรมที่โน่นบางทีนี่บ้าง อันนั้นเป็นสิ่งที่ดี ไปหาประสบการณ์หาแนวทาง ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราก็ดูเราแก้ไขเรา ทำกายให้เป็นบ้านทำจิตให้เป็นพระ เอาการงานเป็นการปฏิบัติธรรม ทำงานไปด้วยจิตรับรู้ไปด้วย มีสติคอยตรวจสอบจิตไปด้วย กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็รีบดับแก้ไข
อยู่คนเดียวเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา อยู่หลายคนเราเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา เราทำความเข้าใจกับสมมติ พระพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องทุกข์ เรื่องดับทุกข์ อะไรคือทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างไร ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างไร ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างไร สอนเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา ความไม่เที่ยง ไม่เที่ยงทั้งรูปกายของเรา ไม่เที่ยงทั้งความคิด ไม่เที่ยงทั้งสมมติ ความเปลี่ยนแปลง เราต้องรู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วย ตราบใดที่เราสนใจ
อย่าไปมองข้าม อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ต้องพยายามขยันเราไม่เข้าใจเท่าไร เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรในการสังเกตในการวิเคราะห์ ถ้าเราไม่เข้าใจยิ่งห่างไกลยิ่งเกียจคร้าน อันนั้นก็ยิ่งห่างไกลกันใหญ่ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรเราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ต้องพยายามทำให้ชำนาญ ว่าลมวิ่งเข้าเป็นอย่างไร ลมวิ่งออกเป็นอย่างไร เราเคยบ่นเราก็เลิกบ่นเสีย เราเคยโกรธเราก็พยายามระงับดับความโกรธ ให้อภัยยทานอโหสิกรรม เรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการบริจาคด้วยการให้ ให้ทั้งภายนอกให้ทั้งภายใน อภัยทานโหสิกรรม ทำในสิ่งตรงข้ามกับกิเลส เราก็ต้องพยายามเอา ถึงจะไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
หลวงพ่อก็มีโอกาสได้พาญาติโยมทำทุกสิ่งทุกอย่าง เท่าที่โอกาสอำนวยได้ เท่าที่โอกาสอำนวยให้ พาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ผ่านมาเรื่อยๆ หลายปีต่อหลายปี บางทีก็ไปสร้างวัดที่โน่นบ้าง สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์เล็ก เอาไว้ให้ทุกคนได้กราบไหว้สักการะบูชาตามจังหวัดต่างๆ สถานที่ต่างๆ มีโอกาสก็พาญาติโยมไถ่ชีวิตโคกระบือบ้าง เยอะด้วยตั้ง 500-600 กว่าตัว มีโอกาสมีงบมีทุนก็ได้มอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียน 30 กว่าร่วม 40 โรงเรียน สร้างโรงอาหารสร้างห้องสมุด มีโอกาสพวกเราก็ได้ทำ
เวลานี้หลวงพ่อก็ได้พาทำวิหารใหญ่ วิหารไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก หยกใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทยของเรา อาจจะใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้น้อมนำมาจัดสร้างมาเป็นองค์พระพุทธรูปใหญ่ ซึ่งมีเทวดาท่านผู้ใจบุญท่านได้จะสร้างเอาไว้ให้ นี่แหละอานิสงส์ผลบุญ พวกเราได้มาสร้างร่วมกัน พวกเราก็ได้มีโอกาสมาสร้างร่วมกัน องค์โน้นบ้างองค์นี้บ้างแล้วแต่อานิสงส์บารมีของแต่ละบุคคล เราก็พลอยยินดี มาอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล
แล้วก็จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมาเลยทีเดียว มาประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งนี้ ความเป็นสิริมงคลได้เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ พระพุทธรูปหยกใหญ่ที่สุด แล้วก็มีหลายองค์ แล้วก็แม่กวนอิมใหญ่หยกโพธิสัตว์สูง 7 เมตร ต่อไปข้างหน้า ทุกคนเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายต้องได้มากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
พวกเราก็น้อมใจกันอนุโมทนาสาธุ บุญก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้รีบขวนขวายสร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ เราก็อย่าไปมองข้าม แม้แต่ความคิด คิดก็คิดในทางที่ดี การกระทำของเราก็ต้องให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกันนะ
ญาติโยมที่มาจากสระบุรีมาถึงวัดของเราแล้ว ก็วางกายให้สบายวางใจให้สบาย ไม่ต้องไปกังวลอะไร มีอะไรก็ให้ช่วยกันทุกอย่าง ให้เปรียบเสียว่าที่นี่คือบ้านของเรา ทำใจให้เป็นบุญทำใจให้เป็นกุศล มาอยู่ด้วยกันหลายๆ วันก็มาสร้างบารมีร่วมกัน
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนทุกท่าน แล้วก็ขอขอบคุณไปยังหัวหน้าผู้บริหารของโรงงานของพวกท่านด้วย ที่ได้เปิดโอกาสได้ทำบุญให้กับบริวาร ได้ทำบุญให้กับลูกน้อง ได้มาช่วยทางวัด บางทีก็โรงนู้นบ้างโรงนี้บ้างมาช่วยกัน ตั้งแต่เริ่มสร้างวิหารใหม่ๆ หลวงพ่อไปจัดสร้างที่ไหนท่านก็ส่งไปช่วย นี่แหละบุญกุศลไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ตกอับ พวกเราก็ได้พลอยได้รับอานิสงส์จากท่านด้วย ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความสงบความสุข ถ้ามีผู้บริหารที่มีจิตใจกว้างขวาง มีจิตใจเปี่ยมด้วยพรหมวิหารด้วยความเมตตา บริวารก็มีความสงบความสุข พวกเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดี
เอาล่ะวันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้นะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา
การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ ความคิดความกังวลความฟุ้งซ่านต่างๆ ก็จะหยุดไป สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา เรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้าในกายของเรา เวลาลมวิ่งออกนอกกายของเรา นั่นแหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ความระลึกรู้กาย ถ้ารู้ได้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ได้สร้างก็รีบสร้างเสีย ขณะที่หลวงพ่อเล่าให้ฟัง แล้วก็พยายามเอาไปฝึกฝนตนเอง
แม้ตั้งแต่เรื่องการหายใจเข้าออก อานาปานสติ พวกเรายังทำกันไม่ชำนาญ พวกเราต้องพยายามไปสร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง บางทีสมองก็ตึง ถ้าสมองตึง นี่ก็แสดงว่าเราเอาสติไปจดจ่อ บางทีหน้าอกก็แน่น ก็แสดงว่าเราจิตไปกำหนดจดจ่ออยู่ที่ปลายจมูก อันนี้ยังไม่ถูกวิธี
เพียงแค่เรามีความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอไปเราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ถ้าจิตคิดไปที่อื่น เราพยายามกระตุ้นความรู้สึกแรงๆ จิตก็จะกลับมาอยู่กับลมหายใจ อันนี้เป็นอุบายทำจิตของเราให้สงบ เป็นการสร้างสติให้เกิดขึ้นอยู่ในกายของเรา แล้วก็ให้ต่อเนื่อง ส่วนศรัทธาของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม อานิสงส์ส่วนอื่นของทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ผ่านกาลผ่านเวลา ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน มีความรู้สึกรับผิดชอบ ผิดถูกชั่วดี ฝักใฝ่ในบุญในกุศล มีวิริยะความเพียร ผ่านกาลผ่านเวลา
ทุกคนก็ได้ปฎิบัติธรรมกัน อย่าว่าตัวเราไม่ได้ปฏิบัติ ทุกคนได้ปฎิบัติธรรมกันมาโดยสมมติตั้งแต่เกิด ตั้งแต่ภพก่อนถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ขณะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ สภาพร่างกายก็เปลี่ยนแปลงจากเด็กเป็นเด็กโต เด็กเป็นผู้ใหญ่ ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน นั่นแหละคือการเปลี่ยนแปลงทางสมมติทางด้านรูปธรรม เป็นการเปลี่ยนแปลงทางธรรม
ทีนี้ทางด้านสติทางด้านปัญญา ก็ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียน รู้จักมีความรับผิดชอบต่อภาระต่อหน้าที่การงาน มีพรหมวิหาร อันนี้ก็เป็นการปฎิบัติธรรมอยู่ระดับของสมมติ ทั้งที่บางทีจิตของเราก็มีความอิ่มความสบาย แต่เราขาดสติเข้าไปดู เข้าไปรักษา เข้าไปทำความเข้าใจ อาจจะมีอยู่เป็นบางช่วง อาจจะรู้จิตเป็นบางช่วง บางทีจิตสบายเราก็รู้ว่าจิตของเราสบาย บางทีเราทำอะไรสำเร็จลุล่วงลงไป จิตของเราก็สบายจิตของเราก็อิ่ม บางทีอยู่กับการกับงาน การงานสำเร็จลุล่วงลงไปจิตก็อิ่มจิตก็สบาย นั่นแหละคือตัวบุญ ตัวสบายนั่นแหละตัวจิต ไอ้ตัวรู้ตัวสบายคือตัวสติ ทำอย่างไรเราถึงจะทำให้จิตของเราสบายได้ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ
เราต้องหมั่นน้อมเข้าไปวิเคราะห์ไปพิจารณา จิตของเราเป็นทาสของกิเลสหรือไม่ จิตของเราหลงความคิดหลงอารมณ์หรือไม่ จิตของเรามีความทะเยอทะยานอยาก เราก็รู้จักละรู้จักดับ จิตของเรามีความกังวลมีความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักดับ รู้จักวิเคราะห์พิจารณาตัวเราอยู่ตลอดเวลา ขณะนี้จิตของเราเป็นกุศลหรือว่าเป็นอกุศล จิตของเราฝักใฝ่ในกองบุญกองกุศลหรือไม่ ถ้าขาดการวิเคราะห์ขาดการพิจารณาเราก็จะไม่เข้าใจ ก็ต้องพยายามกัน
อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้งเสียดายเวลา ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี มีโอกาสได้เข้ามาถึงสถานที่ น้อมกายเข้ามา สร้างอานิสงส์พวกเราก็ได้สร้าง บางทีบางคนบางท่านก็ไปประพฤติปฏิบัติธรรมที่โน่นบางทีนี่บ้าง อันนั้นเป็นสิ่งที่ดี ไปหาประสบการณ์หาแนวทาง ถ้าเราเข้าใจแล้ว เราก็ดูเราแก้ไขเรา ทำกายให้เป็นบ้านทำจิตให้เป็นพระ เอาการงานเป็นการปฏิบัติธรรม ทำงานไปด้วยจิตรับรู้ไปด้วย มีสติคอยตรวจสอบจิตไปด้วย กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไหร่เราก็รีบดับแก้ไข
อยู่คนเดียวเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา อยู่หลายคนเราเราก็หมั่นวิเคราะห์เรา เราทำความเข้าใจกับสมมติ พระพุทธเจ้าหรือพระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องทุกข์ เรื่องดับทุกข์ อะไรคือทุกข์ สาเหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างไร ท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา ลักษณะของอัตตาเป็นอย่างไร ลักษณะของอนัตตาเป็นอย่างไร สอนเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา ความไม่เที่ยง ไม่เที่ยงทั้งรูปกายของเรา ไม่เที่ยงทั้งความคิด ไม่เที่ยงทั้งสมมติ ความเปลี่ยนแปลง เราต้องรู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วย ตราบใดที่เราสนใจ
อย่าไปมองข้าม อย่าไปปิดกั้นตัวเราเอง ต้องพยายามขยันเราไม่เข้าใจเท่าไร เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรในการสังเกตในการวิเคราะห์ ถ้าเราไม่เข้าใจยิ่งห่างไกลยิ่งเกียจคร้าน อันนั้นก็ยิ่งห่างไกลกันใหญ่ ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรเราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ต้องพยายามทำให้ชำนาญ ว่าลมวิ่งเข้าเป็นอย่างไร ลมวิ่งออกเป็นอย่างไร เราเคยบ่นเราก็เลิกบ่นเสีย เราเคยโกรธเราก็พยายามระงับดับความโกรธ ให้อภัยยทานอโหสิกรรม เรามีความตระหนี่เหนียวแน่น เราก็พยายามละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการบริจาคด้วยการให้ ให้ทั้งภายนอกให้ทั้งภายใน อภัยทานโหสิกรรม ทำในสิ่งตรงข้ามกับกิเลส เราก็ต้องพยายามเอา ถึงจะไม่ได้เสียทีเสียเที่ยวที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์
หลวงพ่อก็มีโอกาสได้พาญาติโยมทำทุกสิ่งทุกอย่าง เท่าที่โอกาสอำนวยได้ เท่าที่โอกาสอำนวยให้ พาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ผ่านมาเรื่อยๆ หลายปีต่อหลายปี บางทีก็ไปสร้างวัดที่โน่นบ้าง สร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่องค์เล็ก เอาไว้ให้ทุกคนได้กราบไหว้สักการะบูชาตามจังหวัดต่างๆ สถานที่ต่างๆ มีโอกาสก็พาญาติโยมไถ่ชีวิตโคกระบือบ้าง เยอะด้วยตั้ง 500-600 กว่าตัว มีโอกาสมีงบมีทุนก็ได้มอบทุนการศึกษาให้กับโรงเรียน 30 กว่าร่วม 40 โรงเรียน สร้างโรงอาหารสร้างห้องสมุด มีโอกาสพวกเราก็ได้ทำ
เวลานี้หลวงพ่อก็ได้พาทำวิหารใหญ่ วิหารไว้ประดิษฐานพระพุทธรูปหยก หยกใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประเทศไทยของเรา อาจจะใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้น้อมนำมาจัดสร้างมาเป็นองค์พระพุทธรูปใหญ่ ซึ่งมีเทวดาท่านผู้ใจบุญท่านได้จะสร้างเอาไว้ให้ นี่แหละอานิสงส์ผลบุญ พวกเราได้มาสร้างร่วมกัน พวกเราก็ได้มีโอกาสมาสร้างร่วมกัน องค์โน้นบ้างองค์นี้บ้างแล้วแต่อานิสงส์บารมีของแต่ละบุคคล เราก็พลอยยินดี มาอนุโมทนาสาธุในสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศล
แล้วก็จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุส่วนที่ท่านเสด็จมาเลยทีเดียว มาประดิษฐาน ณ สถานที่แห่งนี้ ความเป็นสิริมงคลได้เกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งนี้ พระพุทธรูปหยกใหญ่ที่สุด แล้วก็มีหลายองค์ แล้วก็แม่กวนอิมใหญ่หยกโพธิสัตว์สูง 7 เมตร ต่อไปข้างหน้า ทุกคนเหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายต้องได้มากราบไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
พวกเราก็น้อมใจกันอนุโมทนาสาธุ บุญก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลา ให้รีบขวนขวายสร้างบุญสร้างกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในกายในใจของเรา แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ เราก็อย่าไปมองข้าม แม้แต่ความคิด คิดก็คิดในทางที่ดี การกระทำของเราก็ต้องให้ถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์ ก็ต้องพยายามกันนะ
ญาติโยมที่มาจากสระบุรีมาถึงวัดของเราแล้ว ก็วางกายให้สบายวางใจให้สบาย ไม่ต้องไปกังวลอะไร มีอะไรก็ให้ช่วยกันทุกอย่าง ให้เปรียบเสียว่าที่นี่คือบ้านของเรา ทำใจให้เป็นบุญทำใจให้เป็นกุศล มาอยู่ด้วยกันหลายๆ วันก็มาสร้างบารมีร่วมกัน
หลวงพ่อก็ขอขอบคุณทุกคนทุกท่าน แล้วก็ขอขอบคุณไปยังหัวหน้าผู้บริหารของโรงงานของพวกท่านด้วย ที่ได้เปิดโอกาสได้ทำบุญให้กับบริวาร ได้ทำบุญให้กับลูกน้อง ได้มาช่วยทางวัด บางทีก็โรงนู้นบ้างโรงนี้บ้างมาช่วยกัน ตั้งแต่เริ่มสร้างวิหารใหม่ๆ หลวงพ่อไปจัดสร้างที่ไหนท่านก็ส่งไปช่วย นี่แหละบุญกุศลไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ตกอับ พวกเราก็ได้พลอยได้รับอานิสงส์จากท่านด้วย ไปอยู่ที่ไหนก็มีตั้งแต่ความสงบความสุข ถ้ามีผู้บริหารที่มีจิตใจกว้างขวาง มีจิตใจเปี่ยมด้วยพรหมวิหารด้วยความเมตตา บริวารก็มีความสงบความสุข พวกเราก็ทำตามหน้าที่ของเราให้ดี
เอาล่ะวันนี้หลวงพ่อก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้นะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา