หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 031

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 031
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 031
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน วันนี้เป็นวันที่เท่าไรนะเจ้าคุณ วันที่สิบแปด อากาศก็เย็น ลูกเณรจะพากันมาบวชเณรกันอีกหลายองค์หลายรูป บวชแต่น้อยๆ มาสร้างอานิสงส์ไปในวันข้างหน้า จะได้เก่งๆ รุ่นนี้รุ่นบวชเณรต่อไปข้างหน้าก็จะได้รุ่นบวชเจ้าสัว เจ้าสัวหลายคนอยู่ จับบวชหมดมีโอกาส ศาลาของเราก็เลยคับแคบนะ คับแคบไม่เป็นไร ให้บวชได้กี่วันก็ดี วันนี้บวชชุดเด็กก่อน วันที่สี่ที่ห้าบวชชุดใหญ่บวชพระ วันนี้บวชชุดเล็กกี่คน หลายคนร่วมสิบกว่าคนมั้ง

วันพรุ่งนี้ก็ขยับขยาย แถวข้างหลังก็ขยับชิดกําแพงสักหน่อยหนึ่ง เป็น 2 แถว ทำเป็น 4 แถว ก็ประมาณถึงสิ้นเดือน อย่างน้อยๆ ก็ให้ได้ทั้งสิ้นเดือนนะสามเณรน้อยให้ท่านเจ้าคุณบวชให้ แล้วก็ท่านอาจารย์จิตร์ช่วยดูแล มาสร้างบารมีกัน แต่ละวันๆ ต้นวาสนาหลวงพ่อ มาเพาะชําเยอะ หลายร้อยต้นนะพากันปลูกให้เสร็จ จะได้มีวาสนากับเขา มาสร้างความเพียรมาสร้างบารมี ปลูกตรงโน้นปลูกตรงนี้ มาโตเป็นหนุ่มก็จะได้มาเห็น ในสิ่งที่เราทำฝากเอาไว้ ออกดอกหอมกรุ่นทั่วไป ไม่ใช่ว่าบวชแล้วมันจะไม่ทำอะไร บวชแล้วต้องมาฝึก มาศึกษาความขยันหมั่นเพียร ความรับผิดชอบ จากน้อยๆ เมื่อโตขึ้นไปเราก็จะได้เดินปัญญาขั้นสูงได้ ไม่ใช่ว่าจะเดินปัญญาเอาได้อย่างเดียว ตรงความเสียสละ

การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ความรับผิดชอบ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว ก็ต้องช่วยกันดูแล ดูแล รู้จักทำ ขยัน นอนดึก ตื่นดึก บททดสอบเอากลดเอาเต็นท์ไปกางตามร่มไม้ โน่นสวนมะลิวัลย์ ท่านเจ้าคุณตัดเสื่อให้คนละผืน เสื่อยาง ปรากฏฝนฟ้าไม่ตก ก็กลดเอาเต็นท์ไปกางที่ตามร่มไม้ ที่ให้ได้มีความสุข ถ้าเก่งขึ้นมาหน่อยก็ขยับเข้ามากลางป่าช้า มานอนที่หลุมศพ คนละหลุม คนละข้างหลุม

สมัยก่อนเณรอ้วนนะ เณรมาร์ค บ้านก็กลัวผี เข้าห้องส้วมห้องน้ำ แม่ต้องไปรออยู่หน้าห้องน้ำ เพราะกลัวผี พอมาบวชเป็นสามเณรนี้รู้จักการฝึกตัวเอง รู้จักควบคุมใจ เกิดความกล้าหาญ ไปได้ทั่วป่าช้า พระบวชใหม่นอนอยู่กลางป่าช้า สามเณรมาร์คไม่กลัวผี พระกลัวผี ตีสี่ ตีสามตีสี่สามเณรมาร์คก็เข้าไปหา ไปปลุกไปเรียก ไม่มาทำวัด นอนคลุมโปงอยู่ สามเณรก็ไปจับขาเขย่า พระนึกว่าผีร้องเสียงหลง สามเณรอ้วนๆ นะ อีกคนหนึ่งก็สามเณรบอล ไอ้ตัวเล็กๆ มาบวชกันอย่างนี้แหละ สิบกว่าคน ก็พากันเดินจงกรม เดินไปที่โน่นเดินไปที่นี่ พอเดินไปทั่ว ใครถามก็ไม่พูดเพราะเขาสร้างสติอยู่อย่างนั้น สร้างสติอยู่ ไม่พูด เดินไปพาเพื่อนเดินไปหลุมศพโน้นหลุมศพนี้ ไปฝึกตัวเอง แก้ไขตัวเอง บวชได้คนละเป็นเดือนแล้วมั้ง พอสึกออกไป กลับออกมา กลับมาหาใหม่ บอกหาเพื่อนไปเดินจงกรม ไปหลุมศพ ไม่ไป อ้าวทำไมไม่ไปล่ะ สมัยก่อนผมบวชเป็นเณรผีมันกลัวผ้าเหลืองผมไปได้ เดี๋ยวนี้ผมสึกแล้ว ผมก็กลัวผีสิ กลัวไม่กล้าไปสามเณร

เดี๋ยวนี้เก่งแล้ว ตอนนี้เป็นครูแล้วมั้ง เป็นครูเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ทางบ้านเหล่านาดี สามเณรมาร์คก็เป็นคนไปค้าขายทั่วประเทศเป็นเชลแมนหรืออะไรก็ค้าขายนี่แหละ มาฝึกฝนตัวเรา ได้ความขยันหมั่นเพียร ได้ความรับผิดชอบ สามเณรที่สึกออกไป มีครอบมีครัว เขาก็มาบอก ถ้าไม่ได้มาฝึกป่านนี้ผมแย่แล้ว

ทั้งพระทั้งโยมนะ มาฝึกความขยันหมั่นเพียร ฝึกให้ดี อย่าไปเกียจคร้าน ตรงไหนไม่สะอาดเราก็ช่วยกันทำ ตรงไหนไม่ดีเราก็ช่วยกันทำ มีงานอะไรก็ช่วยกันทำ สร้างความรับผิดชอบให้มากๆ สักวันหนึ่งเราก็จะรู้ความเป็นจริง สามเณรรัฐก็เหมือนกัน สมัยก่อน ไม่ใช่ยังไม่ใช่สามเณรเป็นโยมไปแล้ว มีลูกชาย 2 คน คนโตกับคนเล็ก คนเล็กนี่แม่เอามาทางวัด คนโตนี่พ่อเอาไปลุย พอพ่อเป็นทหาร อยากให้ลูกชายเป็นชายชาติทหาร เอาไปลุยพาเข้าเที่ยวคลับ เที่ยวบาร์ กินเหล้าเมายา ชายชาติทหารว่าอย่างนั้น แม่ก็บวชมาบวชชี ก็ดึงลูกชายมาวัด เอามาไว้วัด คนหนึ่งเอาคนละคน ไอ้คนที่พ่อพาไปเที่ยว ไปนั่นไปนี่ เกเรติดเหล้าติดยา เอาไม่อยู่ สร้างปัญหาให้พ่อให้แม่ให้พี่ให้น้อง ผลสุดท้ายก็คนที่เอามาฝากวัดนี้ช่วย ได้ดูแลพ่อแม่พี่น้องอยู่เดี๋ยวนี้ถ้าพูดไปท่านก็คงจะรู้กันหมดทุกคนนั่นแหละ

สมัยก่อนเอามาทิ้งไว้กับหลวงพ่อ เข้ามาในป่า หลวงพ่อเดินไปไหนเขาก็จะจับมือจับแขนไปด้วย กลัวผี เดินเข้าไปในป่าช้าก็จับแขนไปหลวงพ่อก็ใช้อุบายเอา ใช้อุบายให้ไปนั่งอยู่ตรงโน้นนะตรงนี้นะ อยู่กับลมหายใจ อยู่กับคําบริกรรม ถ้าไม่อยู่กับลมหายใจอยู่กับคําบริกรรมแล้วผีหลอกมาหานะ เขาก็พากันไปนั่ง ไปนั่งอยู่คนเดียวนะนั่งภาวนาอยู่คนเดียว บางทีกลางคืน หลวงพ่อก็ทำทีเป็นลืมของเอาไว้ข้างบน พาเขาไปข้างล่าง พาเขาไปข้างล่างแล้วก็ใช้อุบายว่าลืมของข้างบนให้เขาเดินเข้าไปเอามาให้หน่อย ร้องห่มร้องไห้ หลวงพ่อแกล้ง หลวงพ่อแกล้งก็บอกให้เขาได้เดิน อยู่กับการเดินอย่าให้ใจมันคิดไปที่อื่นนะ ผีหลอกมานั่งอยู่ข้างทาง เขาก็อยู่กับการเดินๆ มาเอาของ บางทีก็ร้องไห้ กลับไปกลับมา เก่ง จนเก่ง ไปอยู่กลางป่าช้าได้คนเดียวโตขึ้นมา เขาสึกออกไป โตขึ้นมาผลไม้ที่บ้านเขา ลูกขนุนลูกใหญ่ๆ เยอะๆ มะม่วงลูกไหนสุกก่อนเกิดก่อนไหน เขาจะเอามาให้หลวงพ่อทันทีเลย ก็คิดถึงเพราะว่าหลวงพ่อฝึกเขา ถ้าไม่มีหลวงพ่อฝึกเขาคงไม่รู้อย่างนี้นี่แหละ

อีกคนหนึ่งคนโตนะ ฝึก ฝึกตอนโต อยู่บ้านใกล้ๆ บ้านเรานี่แหละ ฝึกตอนโต แต่ใจเป็นบุญสุนทานแต่ก็กลัวผี แต่ก่อนมันรก ป่าหนามรกมีแต่หลุมศพกองศพเต็มเกลื่อนไปหมด ตกเย็นมาต้องรีบเข้าบ้าน เพราะว่ากลัว ในวันนั้นก็ทำอย่างไรเราถึงจะเอาลูกชายคนนี้ได้หนอ ก็เลยเข้ามาหาอาจารย์ในวัดนี่แหละ ก็เลยบอกให้เขารอ พอค่ำเขาจะกลับบ้านบอกให้รออยู่ตรงนั้นแหละ รออยู่กลางป่านั่นแหละ ก็เรียกพระที่คนเขาสนิทมาหา เดี๋ยวแป๊บเดียวจะส่งกลับไปให้

ก็เลยให้เขาว่า ถ้ามาอยู่นานก็ให้เกิดความมืดขึ้นมาให้ ให้สร้างความรู้สึกอยู่ที่กับลมหายใจนะ หรือเอาคําบริกรรมเข้าไปกำกับความกลัวก็จะหาย มาเดินสร้างความรู้สึกอยู่ที่การเดิน แล้วก็รอ รอพระองค์ที่เข้ามาหานั่นแหละ หลวงพ่อก็ไม่ให้พระไปหานะ ให้มานวดขา ให้รอ รอแล้วก็ครึ่งชั่วโมงแล้วก็แล้วชั่วโมงแล้วก็แล้วมันมืดเข้ามา ทำอย่างไรได้ก็เดินจงกรมสร้างสติภาวนา ก็ใจเขาเป็นบุญอยู่แล้ว เขาไม่มีความคิดมากอยู่แล้ว

พอรู้จักการเจริญสติเท่านั้นแหละ ความกล้าหาญของใจมันเกิดขึ้น เขาไปได้ทั่วป่าเลย เดินไปได้ทั่วป่า รู้จักวิธีควบคุมใจ เกิดความกล้าหาญ ตรงไหนไม่สะอาด เขาก็ไปจุดไปหลุมศพตรงไหนไม่ดี มีเศษไม้กิ่งไม้มีหนาม มีอะไรเขาไปทำความสะอาดหมดทั้งคืนเลย เพราะความกล้าหาญเขามี เขารู้ความจริงตรงนั้นแล้ว

ทุกวันเขาจะมาป่าช้า นอน ตรงไหนไม่ดีในป่าเขาทำความสะอาดหมด อยู่ในป่านี่เขาเดินไปทำความสะอาดหลุมศพหลุมไหน มีเศษไม้มีอะไรเขาก็มาสุม มาทำความสะอาดจนเกลี้ยงจนเท่าทุกวันนี้ จนเท่าทุกวันนี่แหละ ทุกวันนี้ก็มีความสุข แล้วเขาก็ยังมาช่วยหลวงพ่ออีกด้วย แม้แต่กองทุนเขาก็ยังมารับไปทั้ง 5 กองทุนตั้งล้านหนึ่ง ที่ดินเขาก็ซื้อถวายให้ ที่ดินเขาก็ช่วยมาตั้งหลายล้าน ที่ดินลานพระมหากษัตริย์ จากฝึกไปฝึกมาเก่งกว่าพระเราเสียอีก เก่งกว่าพระกว่าชีกว่าเณร ความรับผิดชอบก็เยอะ ความขยันก็เยอะ ถ้าบวชมามีตั้งแต่ความเกียจคร้าน เราแทนที่จะได้บุญจะได้บาปนะ มาสร้างความขยันหมั่นเพียรสร้างความรับผิดชอบทีละเล็กทีละน้อย ช่วยกันทำ ก็จะได้ประโยชน์ ได้อานิสงส์มากมาย

สามเณรมาบวชก็ท่านเจ้าคนพาทำอย่างไร ท่านอาจารย์จิตร์พาทำอย่างไรก็พยายามขยันหมั่นเพียร สมัยก่อนไม่เป็นอย่างนี้หรอก สมัยก่อนไม่น่าอยู่น่าอาศัยหรอก ไม่มีใครอยากจะเข้ามาดึงแขนเข้ามา ไม่ยังอยากจะอยู่เลย กองกระดูกเต็มเกลื่อน ทั้งป่าเพ็กป่าหนาม ป่าเล็บแมวนี้ เดินเพียงแค่เอาศพมาเผานั้นขาถลอกปอกเปิกหมด กว่าจะปลูกต้นไม้แต่ละต้นต้องเอารากเพ็กออก รากหญ้าคาออก กว่าจะทำให้เป็นสวนน่าอยู่น่าอาศัยได้ ก็ด้วยแรงบุญของทุกคน อาศัยแรงบุญอานิสงส์ของแต่ละคน แต่ละช่วง แต่ละเดือน แต่ละปี

หลวงพ่อก็พาเป็นสะพานพาทำพาสร้างเพื่อให้เป็นแหล่งบุญของทุกคน เดี๋ยวนี้จจะเป็นแหล่งบุญใหญ่ เรามาสานต่อ เรามาสร้างมาสานต่อ ทำให้น่าอยู่ น่าอาศัย น่ารื่นรมย์ ใครไปใครมาแล้วก็มีความสุข ได้ทั้งทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอกเต็มเปี่ยม แต่ก่อนโน้นมันลําบาก ทุกวันนี้อะไรอะไรก็พร้อมเพรียง แต่เราก็ต้องรู้จักรับผิดชอบ ไม่ใช่ว่าใช้สุรุ่ยสุร่าย รู้จักแก้ไข รู้จักยังประโยชน์ให้เต็มเปี่ยมยิ่งมีมากเท่าไรยิ่งประหยัด มัธยัสถ์ไม่ใช่ขี้เหนียว ทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนตัวต่อส่วนรวม อะไรเราพอช่วยกันได้ก็ช่วย ทั้งภายนอกภายในไล่ลงไป ทั้งอบรมกาย อบรมวาจา อบรมใจ การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม โตขึ้นไป เราก็จะได้เดินปัญญา เข้าถึงความหมายของภาษาธรรม ภาษาโลก เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ ว่าท่านสอนเรื่องอะไร

ไม่ใช่ว่ามันจะได้ปุ๊บ มันก็ค่อยมีการพัฒนาสติปัญญา ค่อยพัฒนากายวาจาใจของเรา รู้จักควบคุมกาย ควบคุมวาจาควบคุมใจ อย่าไปทะเลาะเบาะแว้งกัน เด็กๆ มันก็เป็นธรรมดา เดี๋ยวก็ร้องไห้อยู่มุมโน้นบ้าง ร้องไห้อยู่มุมนี้มุมนี้บ้าง ตีกัน ก็เลยจับมารวมกัน หางานให้ทำ พอทำงานเสร็จ ต้องมีข้อแม้ เด็กสมัยก่อน สมัยโน้น ทำงานเสร็จต้องให้ได้ลงเล่นน้ำ ให้ทำงานให้เสร็จ แต่ละวันเขาก็จะรีบเข้ามา จะให้พวกผมทำงานอะไรบ้างวันนี้ ก็จะรีบทำแล้วจะได้ลงไปเล่นน้ำเอานะ สมัยก่อนนี่มีบ่อเล็กๆ ก็ต้องพยายามเอา วันพรุ่งนี้ก็ขยายเป็น 4 แถวเด้อ ชิดกําแพงเข้าไปอีก แล้วก็อาจจะชิดตรงนี้เข้าไปอีกถึงจะพอดี บอกไม่เชื่อ ฟังท่านเจ้าคุณ ลงโทษหนัก

ตั้งใจรับพรกัน

ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจของเราให้ชัดเจน แล้วก็ให้ต่อเนื่องแล้วก็ให้เชื่อมโยง ความคิดเก่าๆ มันมีอยู่มาตั้งนานนะ ทั้งไปเร็วมาเร็ว ไปไวมาไวคือตัวจิตวิญญาณของเรานั่นแหละ เรามาสร้างความรู้สึกตัวใหม่ หรือว่ามาเจริญสติ ฟังไปด้วย น้อมสำาเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ

เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก เราก็ขาดการสนใจวิเคราะห์ สติรู้กายก็เลยไม่ต่อเนื่อง จะเอาตั้งแต่ธรรม อยากจะปฏิบัติตั้งแต่ธรรม อยากจะรู้ตั้งแต่ธรรม ความอยากให้เกิดจากตัวใจนั่นแหละเขาปิดกั้นเอาไว้หมด ถึงอาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ อยู่ในบุญในกุศลอยู่ แต่ความเกิดเขาก็มีนั่นแหละ ความหลงอย่างลุ่มลึกเลยทีเดียว

ใจเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ก็ต้องมาสร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนว่าลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ ความเชื่อมโยงเป็นลักษณะอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจเกิดกิเลส เราละได้หรือไม่ เราจะเอาอะไรเข้าไปทดแทน ความเกียจคร้าน เราจะละความเกียจคร้านวิธีไหน เราก็สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบจากน้อยๆ ไปหามากๆ ถึงเวลาใจก็เบาบางจากกิเลส ใจก็จะคลายได้เร็วได้ไว ใจก็จะถึงจุดหมายคือความบริสุทธิ์ได้เร็วได้ไว มีตั้งแต่ความทะเยอทะยานอยากปิดกั้นเอาไว้ ความโลภความโกรธปิดกั้นเอาไว้มันก็ยิ่งห่างไกลธรรมทั้งที่ปฏิบัติธรรม เราต้องมา

ตัวธรรมนั่นแหละคือตัวใจ ตัวใจนั่นแหละคือตัวธรรม แต่เวลานี้เขายังเกิดอยู่ เราต้องมาสร้างผู้รู้ คือการเจริญสติ ช่วงใหม่ๆ เราก็อาจจะไม่เข้าใจทั้งอึดอัด ทั้งฝืน ทั้งทุกสิ่งทุกอย่าง ถ้าเราฝึกจนเกิดความเคยชินแล้ว ใจของเราตกกระแสธรรมแล้วอะไรก็โล่งโปร่งไปหมด อะไรก็ง่ายไปหมด มองเห็นอะไรนี่เป็นบุญอะไรไม่ใช่ประโยชน์เราก็ไม่ทำอะไรที่จะนําทุกข์นําโทษมาให้ เราก็ละเราก็เว้นเราก็ห่าง ไล่เรียงลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้จักอบรมกายของตัวเราเอง อบรมใจของเราของตัวเราเอง อบรมวาจาของตัวเราเอง ปัญญาที่เราฝึกขึ้นมานี่แหละ

แต่เวลานี้เป็นปัญญาของโลกอยู่ ปัญญาทางโลกอยู่ อาจจะถูกต้องอยู่ระดับของสมมติ สมมติเราก็ทำ ไม่ใช่ว่าไม่ทำ เพราะว่าเรายังอาศัยสมมติอยู่ กายของเราเป็นก้อนสมมติ เคารพกันว่าเป็นพ่อเป็นแม่เป็นพี่เป็นน้อง เป็นสามีภรรยา ทำหน้าที่ ทำหน้าที่ให้ดีให้ถูกต้อง อยู่ด้วยพรหมวิหาร อยู่ด้วยความเมตตา เราก็รู้จักหน้าที่ตัวเรา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี

หลวงพ่อก็เพียงแค่พูดให้ฟัง แค่เล่าให้ฟัง ถ้าพวกท่านไม่ไปเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์มันก็ยากที่จะรู้ยากที่จะเห็น ขณะเจริญสติเจริญปัญญาอยู่ก็เอาทันบ้างไม่ทันบ้าง จนกว่ากําลังสติของเราจะกลายเป็นมหาสติ ใจของเราอยู่ในโอวาทของสติปัญญาของเรา จนเอาปัญญาไปใช้ทำหน้าที่แทนได้นั่นแหละถึงจะมีความสุข แต่กายก็ยังเป็นก้อนทุกข์อยู่ดี เราก็ต้องดูแลรักษากายของเราไป

ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ส่วนรูปธรรมบ้างส่วนนามธรรมบ้าง รอบรู้ในโลกธรรมทั้งแปดที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว แล้วบริหารด้วยปัญญา อยู่ด้วยปัญญาล้วนๆ แต่เวลานี้ปัญญาที่จะเข้าไปสะสางภายในมันยังไม่มี มีอยู่นิดๆ หน่อยๆ มันไม่เต็มรอบ เราก็ต้องพยายามเอา อดเอาทนเอา

สามเณร ลูกเณรที่จะบวช เณรทุกองค์เอากลดเอาเต็นท์ไปให้ไปกางที่สวนมะลิวัลย์ ฝั่งทางทิศใต้ให้หมดทุกคน ถ้าฝนตกก็เข้าที่ศาลา จะได้ฝึกเอากลดเอาเต็นท์ไปเตรียมไว้ มีเสื่อยางที่ตัดเอาไว้ เอาไปปูคนละ 2 ผืน 2 ผืนๆ กลางคืนให้ไปอยู่ที่นั่น

ไหว้พระพร้อมๆ กันมีความสุข

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง