หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 28
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 28
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้เจริญสติแล้วหรือยัง เอาตั้งแต่ลุกขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออก หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องนั่นแหละ ท่านเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่อง ทั้งสัมผัสลมหายใจเข้าหายใจออก เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวพร้อม
ถ้ากําลังความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดของใจ ใจปรุงแต่งส่งไปภายนอกลักษณะหน้าตาอาการของใจ ใจเกิดหรือว่าบางครั้งบางคราวก็มีความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด ซึ่งเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า ผุดขึ้นมา ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าความรู้ตัวของเราเห็นการเคลื่อนเข้าไปรวม ใจก็จะดีดออกจากความคิด ออกจากขันธ์ห้า เหมือนกับเราหงายของที่คว่ำ ใจก็จะแยกออก นั่นแหละท่านเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ความรู้ตัวของเราตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของความคิด ใจก็ว่างรับรู้อยู่ ตามดูทุกเรื่องที่เข้ามา
ใจจะเกิดเข้าไปร่วม เราก็ดับ เราก็ละ ใจจะเกิดกิเลสเราก็ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ละที่โน้นละที่นี้ ทําความเข้าใจบ่อยๆ กิเลสหยาบ ความโลภ ความโกรธตัวใหญ่ๆ มันเป็นอย่างไร กิเลสละเอียด ความกังวล ความฟุ้งซ่าน ความลังเลสงสัยต่างๆ ที่เกิดจากใจของเรา นิวรณธรรมเข้าครอบงํา คําว่านิวรณธรรมเป็นลักษณะอย่างไร สติของเราพลั้งเผลอ เรามีความเกียจคร้าน มองเห็นคนอื่นต่ำ ยกตัวเองสูง หรือมองเห็นตัวเองสูง เหยียบย่ำคนอื่น อคติคนอื่น เพ่งโทษ เราพยายามละ พยายามขัดเกลาออกจากใจของเรา
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ก่อนที่จะเป็นทุกลมหายใจเข้าออกได้ กําลังสติของเราต้องต่อเนื่อง เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ตามดูรู้ความเป็นจริง กําลังสติของเราก็จะพุ่งแรง จนค้นคว้าหมดทุกสิ่งทุกอย่าง หมดความสงสัย หมดความลังเลในคําสอนของพระพุทธองค์ คําว่า อัตตา อนัตตา ในหลักธรรมเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร รอบรู้ในดวงใจ รอบรู้ในดวงจิตของเรา
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอบรมใจของเราบ่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าละกิเลสออกจากใจ ดับความเกิดของใจ จนใจไม่เกิด ทําบ่อยๆ ฝึกฝนบ่อยๆ แล้วก็เจริญพรหมวิหารบ่อยๆ เป็นบุคคลที่มีความเพียร เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นบุคคลที่ว่านอนสอนง่าย เจริญสติเข้าไปสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา ผิดถูกชั่วดี สติปัญญาเข้าไปแก้ไขให้ใจรับรู้ ละอกุศล เจริญกุศลให้มากๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ
เราอย่าปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส มีโอกาสกันทุกคน มีโอกาสมีบุญมีวาสนากันทุกคน แล้วแต่จะมาสร้างใหม่ให้สูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆ ทางด้านวัตถุทานเราก็มีโอกาสได้ทํา ญาติโยมทั้งใกล้ทั้งไกลก็มาปวารณาขอเป็นเจ้าภาพกฐินร่วมสามัคคี พวกเราก็มีโอกาสได้มาทําร่วมกัน เพื่อที่ยังกองกฐินอันยิ่งใหญ่ ฝากสร้างมหาเจดีย์ใหญ่ ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน สมบัติของทุกคน พวกเราจากไปบุญกองใหญ่กองนี้ก็จะวางเอาไว้ ตั้งเอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ คนรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างมาสานต่อไม่จบไม่สิ้น ไปอยู่ในที่อานุภาพแห่งบุญก็จะติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าใจของเราจะดับความเกิดได้ ไม่ต้องกลับมากันเกิดกัน อานิสงส์แห่งบุญก็ยังอยู่ ไม่สูญหายไปไหน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
การสร้างองค์พระพุทธรูปองค์แทนพระพุทธเจ้า ก็เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้นะ สิ่งที่จะดับทุกข์ได้เราต้องปฏิบัติตามคําสอนของท่านอีกทีหนึ่ง ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตา อนัตตา สอนเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐ สอนให้มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง มีศรัทธาน้อมกายเข้ามาในพระรัตนตรัย แล้วก็รู้จักการเจริญสติเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ละกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้
สติหมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรมากเลย มีตั้งแต่เรื่องกายเรื่องใจของเรา แล้วก็ความเป็นอยู่ในระดับของสมมติ ก็ยังสมมติให้ดีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าหญิงว่าชายมีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด ยิ่งอยู่รวมกันร่วมกันหลายคนหลายท่าน ก็พยายามให้อภัยทาน อโหสิกรรม แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ทุกคนปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์กันทั้งนั้น บางคนก็หาเจอ บางคนก็หาไม่เจอ ก็ขึ้นอยู่กับวิบากของกรรม กรรมคลายได้เมื่อไร เราก็มองเห็นหนทางเดิน ส่วนการขัดเกลากิเลส เราละกิเลสได้หมดจดเราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์ เราก็ เราก็ได้เอง เพราะว่าใจที่ไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง
การพูดง่าย แต่การลงมือการกระทําจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ความเพียรที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง จนรู้แจ้งเห็นจริง จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการบริหารกาย บริหารใจของเราด้วยปัญญาล้วนๆ ถึงจะมีความสุข อยู่กับสมมติก็เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่อย่างมีความสุข อยู่ที่ไหนก็มีความสุข ก็พยายามพากันทํา อย่าทิ้งเด็ดขาด เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เป็นหน้าที่ของเราแต่ละบุคคล ที่จะดําเนินทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายใน ถ้ามีโอกาสชี้แนะแนวทางกันได้ แต่การลงมือการขัดเกลา การละกิเลส ต้องพยายามทําให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้สักวัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทํานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทําความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
ถ้ากําลังความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะเห็นการเกิดของใจ ใจปรุงแต่งส่งไปภายนอกลักษณะหน้าตาอาการของใจ ใจเกิดหรือว่าบางครั้งบางคราวก็มีความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด ซึ่งเรียกว่าอาการของขันธ์ห้า ผุดขึ้นมา ใจจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าความรู้ตัวของเราเห็นการเคลื่อนเข้าไปรวม ใจก็จะดีดออกจากความคิด ออกจากขันธ์ห้า เหมือนกับเราหงายของที่คว่ำ ใจก็จะแยกออก นั่นแหละท่านเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ความรู้ตัวของเราตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของความคิด ใจก็ว่างรับรู้อยู่ ตามดูทุกเรื่องที่เข้ามา
ใจจะเกิดเข้าไปร่วม เราก็ดับ เราก็ละ ใจจะเกิดกิเลสเราก็ละกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ละที่โน้นละที่นี้ ทําความเข้าใจบ่อยๆ กิเลสหยาบ ความโลภ ความโกรธตัวใหญ่ๆ มันเป็นอย่างไร กิเลสละเอียด ความกังวล ความฟุ้งซ่าน ความลังเลสงสัยต่างๆ ที่เกิดจากใจของเรา นิวรณธรรมเข้าครอบงํา คําว่านิวรณธรรมเป็นลักษณะอย่างไร สติของเราพลั้งเผลอ เรามีความเกียจคร้าน มองเห็นคนอื่นต่ำ ยกตัวเองสูง หรือมองเห็นตัวเองสูง เหยียบย่ำคนอื่น อคติคนอื่น เพ่งโทษ เราพยายามละ พยายามขัดเกลาออกจากใจของเรา
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ฝักใฝ่ในการสร้างคุณงามความดีอยู่ตลอดเวลา อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกมีค่ามากมายมหาศาล ก่อนที่จะเป็นทุกลมหายใจเข้าออกได้ กําลังสติของเราต้องต่อเนื่อง เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ตามดูรู้ความเป็นจริง กําลังสติของเราก็จะพุ่งแรง จนค้นคว้าหมดทุกสิ่งทุกอย่าง หมดความสงสัย หมดความลังเลในคําสอนของพระพุทธองค์ คําว่า อัตตา อนัตตา ในหลักธรรมเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร รอบรู้ในดวงใจ รอบรู้ในดวงจิตของเรา
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาอบรมใจของเราบ่อยๆ จนเป็นอัตโนมัติ จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าละกิเลสออกจากใจ ดับความเกิดของใจ จนใจไม่เกิด ทําบ่อยๆ ฝึกฝนบ่อยๆ แล้วก็เจริญพรหมวิหารบ่อยๆ เป็นบุคคลที่มีความเพียร เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นบุคคลที่ว่านอนสอนง่าย เจริญสติเข้าไปสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา ผิดถูกชั่วดี สติปัญญาเข้าไปแก้ไขให้ใจรับรู้ ละอกุศล เจริญกุศลให้มากๆ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ
เราอย่าปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาส มีโอกาสกันทุกคน มีโอกาสมีบุญมีวาสนากันทุกคน แล้วแต่จะมาสร้างใหม่ให้สูงส่งขึ้นไปเรื่อยๆ ทางด้านวัตถุทานเราก็มีโอกาสได้ทํา ญาติโยมทั้งใกล้ทั้งไกลก็มาปวารณาขอเป็นเจ้าภาพกฐินร่วมสามัคคี พวกเราก็มีโอกาสได้มาทําร่วมกัน เพื่อที่ยังกองกฐินอันยิ่งใหญ่ ฝากสร้างมหาเจดีย์ใหญ่ ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในใจของเราทุกคน ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน สมบัติของทุกคน พวกเราจากไปบุญกองใหญ่กองนี้ก็จะวางเอาไว้ ตั้งเอาไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ คนรุ่นหลังก็จะได้มาสร้างมาสานต่อไม่จบไม่สิ้น ไปอยู่ในที่อานุภาพแห่งบุญก็จะติดตามตัวเราไปทุกภพทุกชาติ จนกว่าใจของเราจะดับความเกิดได้ ไม่ต้องกลับมากันเกิดกัน อานิสงส์แห่งบุญก็ยังอยู่ ไม่สูญหายไปไหน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
การสร้างองค์พระพุทธรูปองค์แทนพระพุทธเจ้า ก็เพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้นะ สิ่งที่จะดับทุกข์ได้เราต้องปฏิบัติตามคําสอนของท่านอีกทีหนึ่ง ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องอัตตา อนัตตา สอนเรื่องหลักของอริยสัจความจริงอันประเสริฐ สอนให้มีปัญญารู้แจ้งเห็นจริง มีศรัทธาน้อมกายเข้ามาในพระรัตนตรัย แล้วก็รู้จักการเจริญสติเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ละกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้
สติหมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรมากเลย มีตั้งแต่เรื่องกายเรื่องใจของเรา แล้วก็ความเป็นอยู่ในระดับของสมมติ ก็ยังสมมติให้ดีไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าหญิงว่าชายมีขันธ์ห้าเหมือนกันหมด ยิ่งอยู่รวมกันร่วมกันหลายคนหลายท่าน ก็พยายามให้อภัยทาน อโหสิกรรม แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ทุกคนปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์กันทั้งนั้น บางคนก็หาเจอ บางคนก็หาไม่เจอ ก็ขึ้นอยู่กับวิบากของกรรม กรรมคลายได้เมื่อไร เราก็มองเห็นหนทางเดิน ส่วนการขัดเกลากิเลส เราละกิเลสได้หมดจดเราไม่อยากจะได้ความบริสุทธิ์ เราก็ เราก็ได้เอง เพราะว่าใจที่ไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ใจที่ไม่เกิดเขาก็นิ่ง
การพูดง่าย แต่การลงมือการกระทําจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรเป็นเลิศ ความเพียรที่ต่อเนื่อง เชื่อมโยง จนรู้แจ้งเห็นจริง จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการบริหารกาย บริหารใจของเราด้วยปัญญาล้วนๆ ถึงจะมีความสุข อยู่กับสมมติก็เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่อย่างมีความสุข อยู่ที่ไหนก็มีความสุข ก็พยายามพากันทํา อย่าทิ้งเด็ดขาด เป็นหน้าที่ของเราทุกคน เป็นหน้าที่ของเราแต่ละบุคคล ที่จะดําเนินทั้งทรัพย์ภายนอกทรัพย์ภายใน ถ้ามีโอกาสชี้แนะแนวทางกันได้ แต่การลงมือการขัดเกลา การละกิเลส ต้องพยายามทําให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ก็จะถึงจุดหมายปลายทางได้สักวัน
สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทํานะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทําความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ