หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 065
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 065
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง เราสร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง แล้วก็รู้จักเอาไปใช้ไปสำรวจใจ รู้สมมติ รู้วิมุตติ วิมุตติก็คือตัวใจนั่นแหละ แต่ตอนนี้เขายังไม่วิมุตติ เขายังไม่หลุดพ้น เพราะว่าเขายังไม่คลายออกจากความคิด ออกจากอารมณ์
เพียงแค่การเจริญสติสร้างความรู้สึกตัว ก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง หรือไม่ทำเลย มีแต่ไปคิดเอา นี่แหละมันขาดตรงนี้มากเลยทีเดียว เราพยายามสร้างความรู้ตัว หัดสังเกต การสร้างความรู้สึกตัวตั้งเอาแต่ตื่นขึ้นมา ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่รู้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้บุญ ใจของทุกคนนั่นเป็นบุญ ฝักใฝ่ในการทำบุญ ฝักใฝ่ในให้ทาน แต่ยังเกิดยังวิ่ง ทำอย่างไรเราถึงจะควบคุมให้เขานิ่ง ให้เขาสงบ แล้วก็ให้เขาคลายออกจากความคิด เราต้องมาสร้างความรู้ตัวขึ้นมาตัวใหม่ ซึ่งเรียกว่า ‘การเจริญสติให้ต่อเนื่อง’
อยู่คนเดียวเราก็หัดสังเกตกายของเรา หัดสังเกตใจของเรา การสร้างความรู้ตัวสัมผัสของลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพียงแค่เรื่องการหายใจ พวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญกัน ก็เลยพลาดโอกาสที่จะเข้าไปรู้จิต รู้ลักษณะของจิตซึ่งเป็นนามธรรม นามรูป นามธรรม กายของเรามีก้อนเป็นก้อนรูป ส่วนใจ หรือว่าจิตของเรานั้นเป็นนาม ลักษณะนาม ลักษณะความปกติ ลักษณะใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะใจที่ไม่เกิดกิเลส ลักษณะใจที่ว่าง วาง ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ก่อนที่เขาจะวาง ว่างจากความยึดมั่นถือ เราต้องรู้เสียก่อน ต้องเห็นเสียก่อน เขาคลายออกจากอาการของความคิดให้ได้เสียก่อน ยืนเดิน นั่งนอน กินอยู่ ขับถ่าย พยายามศึกษา พยายามหัดสังเกต การดับ การควบคุม จากภายในก็ล้นออกสู่ภายนอก ทั้งสมมติยังสมมติให้เกิดประโยชน์ อย่าไปปล่อย อย่าไปเขว พยายามเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ ทุกคนเดินตามคำสอนพระพุทธองค์อยู่ แต่จะเดินช้าเดินเร็ว เดินโค้งเดินตรง เราก็ต้องพยายาม อะไรที่จะตรงที่สุด เราก็พยายาม ไม่ให้ใจของเราไปข้องแวะกับสิ่งโน้น ข้องแวะกับสิ่งนี้ มุ่งเข้าไปในการทำบุญ ในการให้ทาน ในความเสียสละ ในพรหมวิหาร เท่าที่โอกาสเราจะทำได้
ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็ต้องพยายามกันนะ อันนี้เราจะไปบังคับกันไม่ได้หรอก ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ผลบุญของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยใจคอของแต่ละบุคคล ว่าจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำ ไปบังคับอย่างไรก็ไม่ทำ ถ้าไม่เอา จะไปโยนให้อย่างไรก็ไม่เอา บุคคลที่จะเอานั้น ฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสมาธิเป็นอย่างนี้ ลักษณะของสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่มีความสุขเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ว่าง ความว่างเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจเกิดกิเลสกี่ครั้ง กี่เที่ยว ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจสักกี่เรื่อง สมมติภายนอกอะไรยังขาดตกบกพร่อง เรารู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบผิดถูกชั่วดีแล้วหรือยัง เราก็รีบแก้ไขเสีย
ส่วนมากก็มีแต่ไปวิ่งหาแต่สิ่งภายนอกมาทับถมดวงใจของตัวเอง ว่าเป็นของดี เป็นของถูก แต่มองแต่คนโน้น คนโน้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี ไม่เคยมองใจของเราสักที ก็ต้องพยายาม การพูดการจา การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือปฏิบัติขัดเกลาออกจากใจของเราให้หมดจด ต้องใช้ความเพียร ใช้เวลาอย่างยิ่งยวด ต้องเป็นบุคคลที่เจริญพรหมวิหารอย่างเต็มที่ ขัดเกลาออกให้มันหมดจด ให้เหลือแต่สมมติก็มีอยู่ รู้ ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่ที่ไหนก็มีความสุข รู้จักตัวเอง ใช้ตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น จนล้นออกไปสู่สังคมสู่หมู่คณะ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มีแต่ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น
คนเรามองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในหลักธรรมแล้ว แม้แต่ความดีก็ยังเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราไม่ให้หลุดพ้น ความดีความชั่ว ธรรมดำธรรมขาว ท่านให้ละธรรมดำ เจริญธรรมขาว แต่ไม่ยึด ไม่ให้หลง ทำอย่างไรเราถึงจะปล่อย ถึงจะวางได้ เราต้องรู้จักจุดปล่อย รู้จักจุดวาง ก็ใจของเราคลายออกจากอาการของความคิดได้เมื่อไหร่นั่นแหละ จุดปล่อยจุดวาง
เพียงแค่คลาย เพียงแค่แยก ถ้าขาดการตามทำความเข้าใจทุกเรื่อง ทุกขณะ ทุกเวลา ถ้าขาดการดับ การละกิเลสอีก ใจก็ไม่ค่อยจะสงบ ปัญญามากเกินไป มันก็ปัญญามากเกินไปตามทำความเข้าใจ ถ้าไม่รู้จักควบคุมใจ ใจก็ไม่สงบ ต้องให้เสมอภาคกันหมดทั้งสติ ทั้งจิต ทั้งความคิด ทั้งอารมณ์ ทำความเข้าใจแล้วค่อยเป็นค่อยไป จนเสมอภาคกันหมดทุกอย่างนั่นแหละเขาถึงจะอยู่คงที่ได้ พยายามนะ
วันนี้ก็เป็นวันอุโบสถสังฆรรมวันแรม 10 ค่ำ วันนี้ก็ได้ลงอุโบสถสังฆกรรมพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ซึ่งมีเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น ท่านก็จะออกมาร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมด้วย พระเราชีเราก็ช่วยกันจัดสถานที่ ฆราวาสญญาติโยมเราก็พากันช่วยกันดูแลเรื่องกับข้าวกับปลามาถวายพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ก็คงจะเป็นอุโบสถครั้งสุดท้ายในอุโบสถของพรรษานี้ เพราะว่าอุโบสถหน้าก็คงจะเป็นปวารณาออกพรรษากัน
แล้วก็วันนี้ก็ได้มีท่านผู้ใจบุญจากทางกรุงเทพฯ ได้มาเปิดโรงทาน เปิดโรงทานก๋วยเตี๋ยว เปิดโรงทานอาหารตามสั่ง ญาติโยมอยากจะไปทานข้าวทานปลาวันนี้ทั้งวัน ร้านอาหารตามสั่ง ร้านอาหารก๋วยเตี๋ยว ไปทานได้เลยนะ มีท่านผู้ใจบุญมาเปิดเอาไว้ โยมท่านใดอยากมาเปิดโรงทานก็มาสั่งเปิดโรงทานได้เลย มีโอกาสโอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ ก็โยมโก๋จากกรุงเทพฯ ที่มาบวชอยู่ด้วยนี่แหละ ได้มาเปิดโรงทานเอาไว้ให้กับทุกคน หิวเมื่อไหร่ไปทานได้เลย จากเช้าถึงเย็น นี่แหละเป็นบุญ แล้วก็ญาติโยมพากันมาตั้งโรงทานวันอุโบสถ หลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ทุกคน
มาสร้างอานิสงส์แห่งบุญ มาสร้างสถานที่ตรงนี้ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน สวยงาม ร้านอาหารก็สวยงาม ดอกไม้เต็มไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้ อีกไม่เกินปีหน้านี้จัดเต็มพรึ่บไปหมด นี่แหละสวยทั้งวัด มาแล้วก็จิตใจก็ดี มีความสุขนั่นแหละ บุญได้เพิ่มขึ้นอีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ใจของทุกคนเป็นบุญ
อย่าไปยึดติดเราสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์ให้เกิดขึ้น ถ้าถึงวาระเวลาก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นความเป็นจริง เป็นสัจธรรมของชีวิต ขณะที่ยังอยู่ร่วมกันก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น อย่าสร้างความวุ่นวาย อย่าสร้างความเสื่อม อะไรที่จะนำความเสื่อมมาให้ เราพยายามละ อะไรที่จะนำความเจริญมาให้ เราพยายามทำ จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ให้เดินได้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าพากันไปหลง
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ
เพียงแค่การเจริญสติสร้างความรู้สึกตัว ก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง หรือไม่ทำเลย มีแต่ไปคิดเอา นี่แหละมันขาดตรงนี้มากเลยทีเดียว เราพยายามสร้างความรู้ตัว หัดสังเกต การสร้างความรู้สึกตัวตั้งเอาแต่ตื่นขึ้นมา ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้คิด ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่รู้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะไม่ได้บุญ ใจของทุกคนนั่นเป็นบุญ ฝักใฝ่ในการทำบุญ ฝักใฝ่ในให้ทาน แต่ยังเกิดยังวิ่ง ทำอย่างไรเราถึงจะควบคุมให้เขานิ่ง ให้เขาสงบ แล้วก็ให้เขาคลายออกจากความคิด เราต้องมาสร้างความรู้ตัวขึ้นมาตัวใหม่ ซึ่งเรียกว่า ‘การเจริญสติให้ต่อเนื่อง’
อยู่คนเดียวเราก็หัดสังเกตกายของเรา หัดสังเกตใจของเรา การสร้างความรู้ตัวสัมผัสของลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกให้เป็นธรรมชาติที่สุด เพียงแค่เรื่องการหายใจ พวกเราก็ยังทำกันไม่ชำนาญกัน ก็เลยพลาดโอกาสที่จะเข้าไปรู้จิต รู้ลักษณะของจิตซึ่งเป็นนามธรรม นามรูป นามธรรม กายของเรามีก้อนเป็นก้อนรูป ส่วนใจ หรือว่าจิตของเรานั้นเป็นนาม ลักษณะนาม ลักษณะความปกติ ลักษณะใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะใจที่ไม่เกิดกิเลส ลักษณะใจที่ว่าง วาง ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น
ก่อนที่เขาจะวาง ว่างจากความยึดมั่นถือ เราต้องรู้เสียก่อน ต้องเห็นเสียก่อน เขาคลายออกจากอาการของความคิดให้ได้เสียก่อน ยืนเดิน นั่งนอน กินอยู่ ขับถ่าย พยายามศึกษา พยายามหัดสังเกต การดับ การควบคุม จากภายในก็ล้นออกสู่ภายนอก ทั้งสมมติยังสมมติให้เกิดประโยชน์ อย่าไปปล่อย อย่าไปเขว พยายามเดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ ทุกคนเดินตามคำสอนพระพุทธองค์อยู่ แต่จะเดินช้าเดินเร็ว เดินโค้งเดินตรง เราก็ต้องพยายาม อะไรที่จะตรงที่สุด เราก็พยายาม ไม่ให้ใจของเราไปข้องแวะกับสิ่งโน้น ข้องแวะกับสิ่งนี้ มุ่งเข้าไปในการทำบุญ ในการให้ทาน ในความเสียสละ ในพรหมวิหาร เท่าที่โอกาสเราจะทำได้
ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็ต้องพยายามกันนะ อันนี้เราจะไปบังคับกันไม่ได้หรอก ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ผลบุญของแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับอุปนิสัยใจคอของแต่ละบุคคล ว่าจะทำหรือไม่ทำ ถ้าไม่ทำ ไปบังคับอย่างไรก็ไม่ทำ ถ้าไม่เอา จะไปโยนให้อย่างไรก็ไม่เอา บุคคลที่จะเอานั้น ฟังนิดเดียว การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเจริญสมาธิเป็นอย่างนี้ ลักษณะของสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่มีความสุขเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ว่าง ความว่างเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจเกิดกิเลสกี่ครั้ง กี่เที่ยว ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจสักกี่เรื่อง สมมติภายนอกอะไรยังขาดตกบกพร่อง เรารู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบผิดถูกชั่วดีแล้วหรือยัง เราก็รีบแก้ไขเสีย
ส่วนมากก็มีแต่ไปวิ่งหาแต่สิ่งภายนอกมาทับถมดวงใจของตัวเอง ว่าเป็นของดี เป็นของถูก แต่มองแต่คนโน้น คนโน้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี ไม่เคยมองใจของเราสักที ก็ต้องพยายาม การพูดการจา การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือปฏิบัติขัดเกลาออกจากใจของเราให้หมดจด ต้องใช้ความเพียร ใช้เวลาอย่างยิ่งยวด ต้องเป็นบุคคลที่เจริญพรหมวิหารอย่างเต็มที่ ขัดเกลาออกให้มันหมดจด ให้เหลือแต่สมมติก็มีอยู่ รู้ ทำความเข้าใจกับสมมติ เคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่ที่ไหนก็มีความสุข รู้จักตัวเอง ใช้ตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น จนล้นออกไปสู่สังคมสู่หมู่คณะ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง ไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น มีแต่ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น
คนเรามองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในหลักธรรมแล้ว แม้แต่ความดีก็ยังเป็นเครื่องกางกั้นจิตของเราไม่ให้หลุดพ้น ความดีความชั่ว ธรรมดำธรรมขาว ท่านให้ละธรรมดำ เจริญธรรมขาว แต่ไม่ยึด ไม่ให้หลง ทำอย่างไรเราถึงจะปล่อย ถึงจะวางได้ เราต้องรู้จักจุดปล่อย รู้จักจุดวาง ก็ใจของเราคลายออกจากอาการของความคิดได้เมื่อไหร่นั่นแหละ จุดปล่อยจุดวาง
เพียงแค่คลาย เพียงแค่แยก ถ้าขาดการตามทำความเข้าใจทุกเรื่อง ทุกขณะ ทุกเวลา ถ้าขาดการดับ การละกิเลสอีก ใจก็ไม่ค่อยจะสงบ ปัญญามากเกินไป มันก็ปัญญามากเกินไปตามทำความเข้าใจ ถ้าไม่รู้จักควบคุมใจ ใจก็ไม่สงบ ต้องให้เสมอภาคกันหมดทั้งสติ ทั้งจิต ทั้งความคิด ทั้งอารมณ์ ทำความเข้าใจแล้วค่อยเป็นค่อยไป จนเสมอภาคกันหมดทุกอย่างนั่นแหละเขาถึงจะอยู่คงที่ได้ พยายามนะ
วันนี้ก็เป็นวันอุโบสถสังฆรรมวันแรม 10 ค่ำ วันนี้ก็ได้ลงอุโบสถสังฆกรรมพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ซึ่งมีเจ้าคณะอำเภอเมืองขอนแก่น ท่านก็จะออกมาร่วมลงอุโบสถสังฆกรรมด้วย พระเราชีเราก็ช่วยกันจัดสถานที่ ฆราวาสญญาติโยมเราก็พากันช่วยกันดูแลเรื่องกับข้าวกับปลามาถวายพระภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ก็คงจะเป็นอุโบสถครั้งสุดท้ายในอุโบสถของพรรษานี้ เพราะว่าอุโบสถหน้าก็คงจะเป็นปวารณาออกพรรษากัน
แล้วก็วันนี้ก็ได้มีท่านผู้ใจบุญจากทางกรุงเทพฯ ได้มาเปิดโรงทาน เปิดโรงทานก๋วยเตี๋ยว เปิดโรงทานอาหารตามสั่ง ญาติโยมอยากจะไปทานข้าวทานปลาวันนี้ทั้งวัน ร้านอาหารตามสั่ง ร้านอาหารก๋วยเตี๋ยว ไปทานได้เลยนะ มีท่านผู้ใจบุญมาเปิดเอาไว้ โยมท่านใดอยากมาเปิดโรงทานก็มาสั่งเปิดโรงทานได้เลย มีโอกาสโอกาสเปิดให้ สถานที่เปิดให้ ก็โยมโก๋จากกรุงเทพฯ ที่มาบวชอยู่ด้วยนี่แหละ ได้มาเปิดโรงทานเอาไว้ให้กับทุกคน หิวเมื่อไหร่ไปทานได้เลย จากเช้าถึงเย็น นี่แหละเป็นบุญ แล้วก็ญาติโยมพากันมาตั้งโรงทานวันอุโบสถ หลวงพ่อก็ขอขอบใจมากๆ ทุกคน
มาสร้างอานิสงส์แห่งบุญ มาสร้างสถานที่ตรงนี้ให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ของทุกคน สวยงาม ร้านอาหารก็สวยงาม ดอกไม้เต็มไปหมดแล้วเดี๋ยวนี้ อีกไม่เกินปีหน้านี้จัดเต็มพรึ่บไปหมด นี่แหละสวยทั้งวัด มาแล้วก็จิตใจก็ดี มีความสุขนั่นแหละ บุญได้เพิ่มขึ้นอีกสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ใจของทุกคนเป็นบุญ
อย่าไปยึดติดเราสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์ให้เกิดขึ้น ถ้าถึงวาระเวลาก็ได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นความเป็นจริง เป็นสัจธรรมของชีวิต ขณะที่ยังอยู่ร่วมกันก็พยายามสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น อย่าสร้างความวุ่นวาย อย่าสร้างความเสื่อม อะไรที่จะนำความเสื่อมมาให้ เราพยายามละ อะไรที่จะนำความเจริญมาให้ เราพยายามทำ จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เดินตามคำสอนของพระพุทธองค์ให้เดินได้ถึงจุดหมายปลายทาง อย่าพากันไปหลง
เอาล่ะวันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กันพากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันนะ