หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 37

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 37
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552 ลำดับที่ 37
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2552
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
พากันดูดีๆ นะพระเราชีเราก่อนที่จะขบจะฉัน กะประมานในการขบฉันของตัวเราเอง รู้จักพิจารณาปฏิสังขาโย พระบวชใหม่ เณรบวชใหม่ ชีบวชใหม่ อยู่ที่บ้านเราเคยรับประทานวันละมื้อ วันละ 3 มื้อ 4 มื้อ พอเรามาบวชเป็นพระเป็นชีเราก็ลดลง กายของเราเคยรับประทานอาหารหลายมื้อ เขาก็เกิดความหิว จิตก็จะเกิดความอยากปรุงแต่งได้เร็วได้ไว เราก็รู้จักดับ รู้จักควบคุม แล้วก็รู้จักกะประมาณในการรับประทานอาหาร ในการขบฉันของเราด้วย

ถ้ากายหิวนี่จิตจะสั่งได้เร็วได้ไว จิตจะสั่งบอกอันนั้นก็อร่อย อันนี้ก็อร่อย ให้เอาอยู่ ให้รับประทานอยู่ แต่ไม่ให้จิตเกิดความอยาก เราควบคุมจิตของเราให้ได้เสียก่อน แล้วค่อยวิเคราะห์ แล้วค่อยพิจารณาหาต้นเหตุ กว่าจะได้อาหารมาแต่ละมื้อ ได้มาแต่ละชิ้น แต่ละอันยากแสนยาก เราก็ต้องมองซ้ายมองขวา มองบนมองล่าง มีโอกาส มีเวลา ก็อย่าปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าปล่อยเวลาทิ้ง

วันนี้อานิสงส์ใหญ่ บุญใหญ่ที่ได้ตกมาถึงพวกเราแล้ว มีโอกาสก็ขอเชิญชวนญาติโยมทุกคนนะ ทั้งพระทั้งชีนั่นแหละ วันนี้ประมาณสัก 9 โมงเช้า ก็จะได้เทพระพุทธรูปปางประสูติองค์เล็กอยู่ทางด้านฝั่งโรงครัว มีโอกาสก็ขอมาร่วมกัน มาช่วยกันเท มาร่วมกัน มาสร้างอานิสงส์ อานิสงส์ใหญ่เกิดขึ้นเปิดทางให้ อานิสงส์เราอย่าปล่อยให้อานิสงส์ส่วนนี้ตกเลยไป มีโอกาสก็ให้รีบมาช่วยกัน มาช่วยกันทำ มาช่วยกันสร้างให้เป็นบุญใหญ่ ในวันข้างหน้าจะหล่อ จะเทปางประสูติ

วันนี้ประมาณ 9 โมงเช้าก็จะได้พากันหิ้วปูน ขนปูนกัน ส่วนองค์ใหญ่ปางลีลาก็คงจะทำไปเรื่อยๆ ลานใหญ่ก็เทเสร็จเรียบร้อยได้ 2 วัน เทเสร็จเมื่อวานนี้กับวันก่อน เมื่อวานนี้ก็เก็บงานบ้างเล็กน้อย ก็เป็นอานิสงส์ใหญ่ ต่อไปข้างหน้าก็จะได้เป็นลานใหญ่ให้ญาติโยมได้ไปเดิน ไปนั่ง ไปพิจารณากาย พิจารณาจิตของตัวเรา ได้มีโอกาสได้สร้างบุญใหญ่ ได้สร้างพระพุทธรูปใหญ่ให้เป็นที่สักการะบูชา อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุขึ้นไปประดิษฐาน ให้ได้ครบหมดทุกอย่างทั้งทรัพย์ภายใน ทรัพย์ภายนอก วัตถุทาน ทำวัตถุภายนอกให้เป็นอานิสงส์ เป็นสิริมงคล

ทรัพย์ภายใน เราก็รู้จักชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ละคลายความหลง ละทิฐิ ละมานะ ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด หมั่นสำรวจตัวเราตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืนเดินนั่งนอน กินอยู่ขับถ่าย เราต้องรู้กาย รู้จิตของเรา จนกระทั่งสูงสุด จิตบริสุทธิ์สะอาด รับรู้อยู่ภายใน จิตไม่เกิด เราก็มองเห็นทางหนทางว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิด เพราะว่าภพภูมิต่างๆ วิญญาณต่างๆ ในกายของเรานี่ก็มีวิญญาณเข้ามาครอบครองอยู่ ก็วิญญาณของเรานั่นแหละ เข้ามายึดในกายของเรา มาเกิดเป็นภพมนุษย์ แล้วก็มายึด มาติด ในทางสมมติก็เป็นร่างกายของเราอยู่ ในหลักธรรมจริงๆ แล้วก็เป็นแค่เพียงสภาวะธรรมชุมนุมกันเข้ามา มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง

ถ้าไม่ได้อาศัยปัญญาของผู้รู้ ไม่ได้เจริญสติ เจริญภาวนา พิจารณาให้แยบคายก็ยากที่จะเข้าใจ ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร หมั่นวิเคราะห์ หมั่นแก้ไข หมั่นเจริญพรหมวิหาร สร้างบารมีให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ความเสียสละ เสียสละกาล เสียสละเวลา เสียสละกิเลส ละความตระหนี่เหนียวแน่น ละความโลภ ความโกรธ เจริญสติเข้าไปเพื่อที่จะแยกรูปแยกนาม คลายความหลง ความหลงตัวสุดท้ายนี่มันคลายยาก มันเป็นยางเหนียว แล้วก็กิเลสต่างๆ เข้ามาปกปิดเอาไว้ ถ้าไม่ถึงกาล ถึงเวลาก็ยากที่จะคลาย ถ้าบารมีของเรายังไม่แก่กล้าพอก็ยากที่จะแยกรูปแยกนามเดินปัญญาขั้นสูงได้ ถึงแยกรูปแยกนามไม่ได้ จิตใจของเราก็ยังอยู่ในกองบุญ กองกุศล ฝักใฝ่ในบุญอยู่ ก็เป็นอานิสงส์ของทุกคน

มีโอกาสก็อยากไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้งเสียดายเวลา พวกเรานับว่าโชคดีที่ได้เกิดมาในผืนแผ่นดินที่มีพระพุทธศาสนาปักหลักอย่างมั่นคง เราเกิดมาในตระกูลที่เป็นสัมมาทิฐิ ฝักใฝ่ในบุญ การได้เรียน การได้ศึกษา การได้ค้นคว้า ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การชำระสะสางกิเลส เจริญสติเข้าไปคลายจิตออกจากความคิด ออกจากขันธ์ห้า ตรงนี้มันยาก ถ้าไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ถ้าเรารู้แล้วก็ง่าย ถ้าเราไม่เข้าใจก็ยากอยู่ แต่ก็ไม่เหลือวิสัยหรอก ก็ต้องพยายามกันเอา

พระเราก็เยอะ ที่พักที่อาศัยก็ไม่เพียงพอกัน ก็เอาตามอัตภาพของเรานะ บางทีก็อยู่หลังละสองบ้างสามบ้าง อยู่ตามศาลาโล่งๆ โปร่งๆ ศาลาพักศพ ศาลาริมน้ำ สมัยก่อนยิ่งลำบากกว่านี้ ยิ่งไม่มีแม้กระทั่งที่พัก ต้องอยู่ตามร่มไม้ สถานที่ก็ลำบาก ที่พักที่อาศัยก็ลำบาก แม้แต่น้ำจะดื่มจะใช้ก็ต้องไปเข็นเอากลางทุ่งนา แม้แต่ถ้วยชามจะใส่กับข้าวกับปลานี้ก็ยังไม่มีเลย หลวงพ่อยังได้ไปขุดเอาตามหลุมศพมาล้างเอาไว้ใส่กับข้าวกับปลาเลย เดินไปที่ไหนมีแต่หลุมศพ ฝังศพเต็มเกลื่อนไปหมด จะเดินผ่านป่าแต่ละทีนี่ขาถลอกปอกเปิก มีแต่ป่าเพ็กป่าหนาม ไม่ใช่เป็นป่าอย่างนี้หรอก ป่าไม่น่าอยู่น่าอาศัยเท่าไหร่ แห้งแล้งกันดาร

ทุกวันนี้เป็นป่าที่น่ารื่นรมย์ก็เพราะแรงบุญแรงศรัทธา อาศัยกาลอาศัยเวลา ความร่วมมือร่วมใจของแต่ละรุ่นๆ ช่วยกันมา ช่วยกันทำ ช่วยกันสร้างให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ รุ่นต่อไปก็จะได้มาสร้างมาสานต่อ พวกเราก็มีโอกาสได้มาสร้างเอาไว้ ได้มาทำเอาไว้ แล้วก็ได้อัญเชิญสิ่งที่เป็นสิริมงคลมาประดิษฐานเอาไว้ พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูปหยกขาว หยกเขียวหยกใหญ่ พระพุทธรูปองค์หลวงปู่ใหญ่อยู่กลางป่าท่านก็ศักดิ์สิทธิ์ จะพยายามสร้างให้เป็นแหล่งบุญ พาหมู่พาคณะ พาญาติโยมสร้างให้เป็นแหล่งบุญของทุกคน ในวันข้างหน้า ฝากไว้ให้กับสมมติ ฝากเอาไว้ให้กับแผ่นดิน มีโอกาสก็ขอเชิญญาติโยมทุกคนมาร่วม มาช่วยกัน

ถ้าเราทำมากก็เป็นของเรา เราทำน้อยก็เป็นของเรา คนอื่นเขาทำเราก็พลอยอนุโมทนาสาธุด้วย เราก็ได้บุญได้อานิสงส์ในส่วนนั้นด้วย ไม่ใช่ว่ามีแต่ความอิจฉาริษยา แต่อยากจะทำลาย อันนี้จะเป็นบาปติดตัวของเรา เราต้องพยายามน้อมใจของเราให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ทำไปแล้วก็ไม่เสียหลาย ไม่เสียหายอะไร ระลึกนึกถึงเมื่อไหร่จิตใจของเราก็อิ่มเบิกบาน บุคคลที่ไม่เคยทำ ไม่เคยสร้าง จะให้ระลึกนึกถึงสิ่งคุณงามความดี มันก็ไม่มีให้เราละลึกนึกถึง มันจะไประลึกนึกถึงได้อย่างไรเพราะว่าไม่เคยทำ ไม่เคยสร้าง วัดไม่เคย เข้าบุญไม่เคยทำ เวลาจะหมดลมหายใจให้ระลึกนึกถึงวัด ให้ละลึกนึกถึงพระ มันจะไประลึกนึกถึงได้อย่างไร เพราะไม่เคยทำมาก่อน ไม่มาสนใจว่าศาสนาท่านสอนเรื่องอะไร ปฏิบัติอย่างไร การเจริญพรหมวิหาร การเจริญสติ การแยกรูปแยกนาม อะไรคือรูป อะไรคือนาม แม้แต่การเจริญสติก็ยังไม่เข้าใจ การสร้างสติรู้ตัวที่ต่อเนื่อง

สติปัญญาทางโลกนั้นเป็นอัจฉริยะกันเต็มเปี่ยม ไม่ใช่ว่าทุกคนไม่มีสติ ทุกคนก็มีสติ มีปัญญา แต่เป็นสติปัญญาระดับของโลกิยะ สติปัญญาของโลกุตระ เราต้องเจริญ เราต้องสร้าง ต้องทำให้มีให้เกิด สติไม่มีเราก็ต้องสร้างให้มี สมาธิไม่มีเราก็ต้องทำให้มี จิตของเราฟุ้งซ่าน จิตของเราเกิดความกังวล จิตของเราเกิดกิเลส เราก็ต้องรู้จักดับ รู้จักควบคุม สร้างจากน้อยๆ ไปหามากๆ ไม่ใช่ว่าทำอะไรปุ๊บปั๊บก็อยากจะได้เลย มันไม่ได้ คนเราจะขึ้นสู่ที่สูงได้ก็หมั่นสร้างอานิสงส์ สร้างตบะสร้างบารมีให้กับตัวเอง ตรวจดูเรา แต่ละวันความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ศรัทธาของเรามีเต็มเปี่ยม พรหมวิหารความเมตตา การชำระสะสางกิเลส เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเกียจคร้าน เราก็พยายามละความเกียจคร้านออกจากใจของเรา

อย่าไปปิดกั้นตัวเองว่าไม่มีโอกาส ว่าไม่มีเวลา บุคคลมีบุญฟังนิดเดียวเท่านั้นแหละ เอาไปประพฤติไปปฏิบัติ สำรวจตัวเราซึ่งมีอยู่แล้ว ขอให้สำรวจให้ถูกทาง ถูกวิธีเท่านั้นแหละก็จะไปเร็วไปได้ไว วันนี้ก็คงจะอากาศปลอดโปร่ง ก็ขอเชิญนะอานิสงส์เกิดขึ้น ก็ขอเชิญญาติโยมท่านใดมีเวลาว่างก็มาช่วยกันหล่อ ช่วยกันเท เทปูนคนละถังสองถังฝากเอาไว้ ต่อไปในข้างหน้าก็จะได้เป็นแหล่งบุญใหญ่ให้กับมหาชน อานิสงส์จากจุดน้อยๆ ที่พวกเราร่วมกันช่วยกันสร้างขึ้นมา ก็จะจุดประกายให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า อานิสงส์ก็จะตกทอดถึงเรา ไปอยู่ที่ไหนก็ไม่ได้ลำบาก

สร้างองค์พระพุทธรูปองค์แทนพระพุทธเจ้า ใครไปใครมาก็ได้กราบได้ไหว้ อานิสงส์ไม่มีจบ เราซื้อรถเบนซ์สักคันหนึ่งมีใครไปกราบไปไหว้หรือไม่ เรามาสร้างองค์พระ ใคร ญาติโยมท่านใดที่มีจิตศรัทธามาแล้วก็มากราบมาไหว้ นั่นแหละอานิสงส์ต่างกันมากมาย มากราบมาไหว้เป็นบุญ ใจก็เป็นบุญ บุคคลที่มีสติมีปัญญาก็จะมองให้ทะลุลึกสูงขึ้นไปอีก พระพุทธองค์ท่านสอนอะไร เรื่องอะไร การละกิเลสละอย่างไร ก็จะเดินตามคำสอนของท่าน ท่านสอนเรื่องทุกข์ เรื่องดับทุกข์ ท่านสอนเรื่องหลักของอริยสัจ เดินอย่างไร เดินตามทาง อะไรคือทาง อริยมรรคมีองค์แปด หนทางเดิน เราจะเดินอย่างไร การเจริญพรหมวิหาร การเจริญวิปัสสนาเป็นอย่างไร ท่านสอนเอาไว้หมด พวกเราจะเดินตามหรือไม่เท่านั้นเอง

หลวงพ่อก็ได้เพียงแค่เล่าให้ฟัง หลวงพ่อก็ไม่มีปัญญาอะไรมากมาย ก็รู้เพียงนิดๆ หน่อยๆ ก็เอามาเล่าให้ฟัง การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ จะไปอยู่ที่ไหนก็เหมือนเดิม จะไปจับชายจีวรของพระพุทธองค์อยู่ ท่านก็ยังบอกว่ายังไม่รู้ท่าน ใครรู้เรา ใครเห็นธรรมคนนั้นเห็นเรา ใครเห็นเราคนนั้นเห็นธรรม หมายถึงรู้จิตเห็นจิต แล้วก็รู้จักชำระสะสางกิเลสออกจากจิตจากใจของเราให้หมดจด

มองโลกในทางที่ดี คิดดี ทำดี ใจของเราดีเราก็มองเห็นโลกนี้ดี ถึงภายนอกไม่ดีใจของเราก็ดีอยู่เหมือนเดิม แต่ละวันตื่นขึ้นมาจิตมีมลทินแล้วก็รีบแก้ไข ไปเพ่งโทษคนนั้นบ้าง คนนี้บ้าง ออกทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง เราก็พยายามละ พยายามดับ มีแต่ของเราทั้งนั้น เราก็ต้องพยายามดับ อย่าให้มีอย่าให้เกิดขึ้น ถึงเขาจะมีก็เป็นเรื่องของเขา เรามาละของเรา ส่วนของเรา แก้ไขของเรา

อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็ยิ่งเพิ่มความเมตตาให้มากๆ เพิ่มกำลังสติ เพิ่มกำลังปัญญา เพิ่มความรับผิดชอบให้มากๆ ทุกคนก็มีหน้าที่ รู้จักหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบ ถ้าไม่รู้จักหน้าที่แล้วอยู่คนเดียวก็ไม่มีความสุข อยู่หลายคนก็ไม่มีความสุข ถ้าต่างคนต่างมีหน้าที่ รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ ขยันหมั่นเพียร รู้จักสละแบ่งปัน คอยประคับประคองซึ่งกันและกันให้ถึงจุดหมายปลายทางให้เร็วให้ไว อยู่หลายคนก็มีความสุข อยู่น้อยคนก็มีความสุข ถ้าไม่เห็นแก่ตัว

ตั้งใจรับพรกันนะ

ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่าน จงสร้างความรู้ตัว หรือว่าเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของตัวเราเอง ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปาณสติ’ นั่งตามสบายนะ ไม่ต้องพนมมือ วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ให้ทั่วท้องลองดสิ การสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ โดยที่ไม่บังคับลมหายใจ กายของเราก็สบายขึ้นเยอะ อย่าไปเกร็งร่างกาย ใจของเราก็จะสงบระงับลงไป

ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่เราสูดเข้าไปยาวๆ เขาก็จะกระทบปลายจมูกของเราได้เด่นชัด นั่นแหละความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา เวลาลมหายใจเข้า เวลาลมหายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องเวลาลมเข้าลมออก เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้รู้สัมผัสของลมหายใจ พวกเรายังฝึกไม่เกิดความเคยชินเลย พวกเรายังทำไม่เคยชิน ไม่ชำนาญกันเลย ทั้งที่จิตเป็นบุญ จิตที่ฝักใฝ่ในบุญ ปัญญาที่เกิดจากจิตยังเป็นปัญญาธรรมอยู่ ยังเป็นธรรมโลกีย์อยู่

เราต้องสร้างสติเข้าไปสำรวจจิตของเรา ไปคลายจิตของเราออกจากความคิด ออกจากขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ แล้วก็ตามดู เราก็จะเห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ซึ่งเรียกว่าเห็น ‘อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา’ เห็นความเปลี่ยนแปลง เห็นความไม่เที่ยงของกองสังขารของตัวเราเอง อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม คนเราขาดการทำความเข้าใจให้ต่อเนื่อง มีแต่จะเอา อยากได้แต่ธรรม แต่การกระทำมันไม่ถูกวิธี มีแต่ไปนึกเอาไปคิดเอา ไปสร้างก็ไปสร้างด้วยปัญญาที่เกิดจากจิต ปัญญาที่เกิดจากกิเลส

การเจริญสติ ความหมายของการเจริญสติก็เพื่อที่จะเข้าไปคลายความหลง เรายังคลายความหลงไม่ได้ เพราะปัญญาเก่าที่เกิดจากจิต เกิดจากขันธ์ห้าเขาเร็วเขาไว เราต้องใช้สมถะเข้าไปดับ เข้าไปยับยั้ง เข้าไปควบคุมให้เขาช้าลง กำลังความรู้ตัวก็จะมากขึ้น จนกว่ากำลังสติเห็นการก่อตัวของขันธ์ห้า ของจิตเคลื่อนเข้าไปรวมกันนั่นแหละ เขาจะแยกออกจากกันเอง

ถ้าตามดูรู้เห็นตรงนี้ได้ เราก็จะเดินปัญญาเข้าสู่วิปัสสนาได้ มองเห็นชัดเจนทะลุปรุโปร่ง นั่นเรียกว่า ‘จิตตกกระแสธรรม’ จิตของเราก็อยู่ในกระแสธรรมอยู่ อยู่ในกระแสบุญอยู่ แต่ยังไม่ตกกระแสธรรมที่แท้จริง อยู่ในกระแสบุญอยู่ อยู่ในกองบุญกองกุศลอยู่ ถ้าพูดตามหลักความเป็นจริงก็ยังอยู่ในความหลงอยู่ แต่หลงอยู่ในฝ่ายกุศล ถ้าเราแยกรูปแยกนามได้เมื่อไหร่ สัมมาทิฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงถึงจะเปิดทางให้ ทีนี้เราละกิเลส ดับความเกิดให้หมดจดมันถึงจะจบ จบด้วยสติ จบด้วยปัญญา มองเห็นหนทาง ทำหน้าที่รับผิดชอบด้วยสติด้วยปัญญา ก็คงจะไม่เหลือวิสัยหรอก พยายามหมั่นทำความเข้าใจกันเอา

อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับอานิสงส์ผลบุญผลทาน วิบากกรรมของแต่ละบุคคลที่สร้างสะสมมา บางคนบางท่านก็สร้างสะสมมามาก บางคนบางท่านก็สร้างสะสมมาน้อย เราก็พยายามอย่าท้อถอย หมั่นวิเคราะห์ หมั่นพิจารณา หมั่นสร้างบารมี ความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ศรัทธา สัจจะ วิริยะความเพียร ขันติความอดทนให้ถูกที่ถูกทาง ถูกกาลถูกเวลาอยู่ตลอดเวลา การสำรวมกาย สำรวมอินทรีย์ของตัวเรา ทวารทั้งหกของเรา หูตาจมูกลิ้นกายเขาทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณของเราทำหน้าที่อย่างไร กายอยู่ที่ไหน ใจอยู่ที่ไหน ก็ปฏิบัติลงอยู่ที่นั่นแหละ ยืนเดินนั่งนอนก็ให้เป็นเพียงแค่อิริยาบถ

ถ้าเราเข้าใจแล้วอยู่ที่ไหนก็เป็นวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำจิตให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ก็ต้องพยายามกัน อย่าไปประมาท บุคคลที่ประมาทเหมือนกับบุคคลที่ตายแล้ว เราก็ต้องพยายามกันนะ พระเราชีเราก็พยายามขยันหมั่นเพียร ทำงานภายนอก งานภายใน งานสมมติ งานวิมุตติ งานชำระสะสางกิเลส เราก็ต้องทำกัน ลึกลงไปที่ใจต้นเหตุ แล้วก็กาย แล้วก็วาจา สำรวมกาย สำรวมวาจา แล้วการกระทำภายนอกสมมติของเราก็เพื่อยังให้เกิดประโยชน์ เราก็พลอยได้รับประโยชน์กันด้วย คนอื่นมาก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย เป็นการชำระสะสางกิเลสละ ความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเห็นแก่ตัว เป็นการเจริญพรหมวิหารอยู่ในตัว ก็ต้องพยายามกัน

ตั้งสติระลึกรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าออกกระทบปลายจมูกของเรา อย่าไปเพ่ง อย่าไปบังคับ ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ใจให้โปร่ง กายให้เบา มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกให้ชัดเจนนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ นี่เพียงแค่เล่าให้ฟัง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง