หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 40
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 40
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 40
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 มีนาคม 2556
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ไม่ต้องไปพิจารณาอะไรทั้งนั้นตอนนี้ เวลานี้ เพียงแค่สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่องนี่แหละสำคัญ ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ฝึกบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน ความรู้ตัว สติ ก็จะตั้งมั่นขึ้น ความระลึกรู้ตัว รู้กาย รู้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ให้เกิดความเคยชิน ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิด
ใจเกิดกิเลสเป็นอย่างไร ใจส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ลักษณะอาการของใจเป็นอย่างไร เราก็จะรู้เป็นสองส่วน ส่วนบน คือความรู้สึกรับรู้ที่เราสร้างขึ้นมา ส่วนกลางใจ ก็คือตัวใจ หรือว่าตัววิญญาณในขันธ์ห้าของเรา เขาปกติ เขาเรียกว่าสมาธิ ความสงบ ถ้าการก่อตัวการเกิดส่งออกไปภายนอก ถึงจะมีกิเลสบ้าง ไม่มีกิเลสบ้าง หรือเป็นกุศล หรือว่าอกุศล ต้องแจงออกไปอีกว่าเป็นเรื่องอะไรอีก ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดผุดขึ้นมา ตัววิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร
ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นอาการเกิดของวิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวมกับอาการของวิญญาณ ขณะที่เรารู้ ขณะที่เขาก่อตัว ขณะที่เขาเกิด เหมือนกับขโมยวิ่งกระโดด ขโมยจะเข้าไปลักของอยู่ในบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านเห็นเขาก็จะรีบกระโดดออก รีบเผ่นหนี ตัววิญญาณก็เหมือนกัน กับอาการของขันธ์ห้าก็เหมือนกัน เขาผุดขึ้นมาตัววิญญาณจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ขณะนั้น เห็นขณะนั้นปุ๊บ ตัววิญญาณก็จะดีดออกจากอาการของความคิด เหมือนกับเราดึงสายยางรัดๆ ตึงๆ แล้วก็เอากรรไกรไปตัด มันก็จะเด้งออกจากกันเนี่ยแหละเขาก็เรียกว่า ตัดวงกลมของวัฏสงสาร ตัดวงกลมของวิบากกรรม ตัววิญญาณก็จะดีดออก ออกจากความคิด เขาก็จะหงาย
แต่ก่อนเขาคว่ำอยู่ เขาคว่ำอยู่ เขาก็จะหงาย ที่เขาเรียกว่า หงายของที่คว่ำ ก็ตรงนี้เลย หงายแล้วเขาก็จะว่าง เขาก็จะโล่ง เขาก็จะโปร่ง กายก็จะเบา ไอ้ความคิดที่เขาดีดออกจากความคิด ที่เขาผุดขึ้นมาปรุงแต่ง นั่นเขาก็จะเห็น เห็นการเกิดการดับของความคิด ของขันธ์ห้า บางทีก็เป็นกุศล บางทีก็เป็นอกุศล บางทีก็เป็นกลางๆ นี่แหละเขาถึงว่ารอบรู้ในกองสังขารในขันธ์ห้าของตัวเรา ถ้าเป็นเรื่องอดีต ก็เป็นอาการของสัญญา เป็นกองของสัญญา บางทีก็เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ตัววิญญาณของเราเข้าไปรวม เขาเรียกว่าเข้าไปเสวย เข้าไปเสวยอารมณ์นั้นๆ บางทีก็เกิดจากตัววิญญาณโดยตรงเลยก็มี
ถ้าเราหัดสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เราก็จะเห็น แต่เวลานี้ตัวสังเกตของเรามีน้อย เพราะว่าตัวสติที่เราสร้างขึ้นมานี่ ภายใน 5 นาที มีความเชื่อมโยงกันต่อเนื่องกันได้สัก 5 นาที10 นาที 20 นาทีหรือไม่ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญนั่นแหละ เราพยายามดูให้ชัดเจนในกายของเรา มีกันหมดทุกคน หลงกันหมดทุกคน ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่เกิดนี่ก็หลงเกิด แต่ทีนี้เขามาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ก่อร่างสร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเอง เราต้องมาคลายความหลงตรงจุดนี้ มาทำความเข้าใจ แล้วหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงตรงนี้ แล้วก็ละกิเลสออกจากใจของเรา เราก็รู้จักทำหน้าที่บริหารกายของเรา ไปจนกว่าธาตุขันธ์จะแตกดับนั่นแหละ
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ทำหน้าที่อย่างไร ตัววิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร แต่เวลานี้ตัววิญญาณตัวขันธ์ห้ามาครอบคลุม มาบงการหมด ท่านถึงให้มาเจริญสติมาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเข้าไปอบรมใจ ไปควบคุมใจ ไปหมั่นพร่ำสอนใจตัวเรา แต่เวลานี้กำลังสติของเราไม่ค่อยจะได้ฝึกให้ต่อเนื่อง จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
เพียงแค่สติเน้นลงที่กาย ก็ยังลำบากอยู่ มันก็เลยพลาดโอกาสพลาดทรัพย์ตัวสูง คือความสะอาดความบริสุทธิ์ อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม มันก็ปิดกั้นเอาไว้หมด ในหลักธรรมท่านให้ละความอยาก ละความหวัง แต่การกระทำด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผลให้มันถูกต้อง มีให้เป็น ทำให้เป็น รู้จักหน้าที่ให้ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกระแสธรรม ทุกเรื่องในชีวิต อย่าให้พลาดโอกาสแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อันนี้
เพียงแค่กายก็ยังไม่รู้จักควบคุม วาจาก็ยังไม่รู้จักควบคุม เรื่องใจก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เรื่องการเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่องกัน มันจะไปได้อะไรล่ะ สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้ เพราะว่าแต่ละบุคคล ความขยันหมั่นเพียรมาไม่เหมือนกัน บางคนก็ฝักใฝ่สนใจ บางคนก็ขยันหมั่นเพียรมาก บางคนก็เกียจคร้าน มันจะไปได้อะไร เพียงแค่ภาระหน้าที่สมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเราเองมันก็ยังลำบากอยู่ ถ้าคนไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ก็ต้องพยายามนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 29 มีนาคม 2556
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ไม่ต้องไปพิจารณาอะไรทั้งนั้นตอนนี้ เวลานี้ เพียงแค่สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่องนี่แหละสำคัญ ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอ เราก็เริ่มขึ้นมาใหม่ ฝึกบ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน ความรู้ตัว สติ ก็จะตั้งมั่นขึ้น ความระลึกรู้ตัว รู้กาย รู้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ให้เกิดความเคยชิน ลึกลงไปเราก็จะรู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิด
ใจเกิดกิเลสเป็นอย่างไร ใจส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ลักษณะอาการของใจเป็นอย่างไร เราก็จะรู้เป็นสองส่วน ส่วนบน คือความรู้สึกรับรู้ที่เราสร้างขึ้นมา ส่วนกลางใจ ก็คือตัวใจ หรือว่าตัววิญญาณในขันธ์ห้าของเรา เขาปกติ เขาเรียกว่าสมาธิ ความสงบ ถ้าการก่อตัวการเกิดส่งออกไปภายนอก ถึงจะมีกิเลสบ้าง ไม่มีกิเลสบ้าง หรือเป็นกุศล หรือว่าอกุศล ต้องแจงออกไปอีกว่าเป็นเรื่องอะไรอีก ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดผุดขึ้นมา ตัววิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร
ถ้าเรามีความรู้ตัวที่ต่อเนื่อง เราก็จะเห็นอาการเกิดของวิญญาณเคลื่อนเข้าไปรวมกับอาการของวิญญาณ ขณะที่เรารู้ ขณะที่เขาก่อตัว ขณะที่เขาเกิด เหมือนกับขโมยวิ่งกระโดด ขโมยจะเข้าไปลักของอยู่ในบ้าน ถ้าเจ้าของบ้านเห็นเขาก็จะรีบกระโดดออก รีบเผ่นหนี ตัววิญญาณก็เหมือนกัน กับอาการของขันธ์ห้าก็เหมือนกัน เขาผุดขึ้นมาตัววิญญาณจะเคลื่อนเข้าไปรวม ถ้าเรามีความรู้ตัวอยู่ขณะนั้น เห็นขณะนั้นปุ๊บ ตัววิญญาณก็จะดีดออกจากอาการของความคิด เหมือนกับเราดึงสายยางรัดๆ ตึงๆ แล้วก็เอากรรไกรไปตัด มันก็จะเด้งออกจากกันเนี่ยแหละเขาก็เรียกว่า ตัดวงกลมของวัฏสงสาร ตัดวงกลมของวิบากกรรม ตัววิญญาณก็จะดีดออก ออกจากความคิด เขาก็จะหงาย
แต่ก่อนเขาคว่ำอยู่ เขาคว่ำอยู่ เขาก็จะหงาย ที่เขาเรียกว่า หงายของที่คว่ำ ก็ตรงนี้เลย หงายแล้วเขาก็จะว่าง เขาก็จะโล่ง เขาก็จะโปร่ง กายก็จะเบา ไอ้ความคิดที่เขาดีดออกจากความคิด ที่เขาผุดขึ้นมาปรุงแต่ง นั่นเขาก็จะเห็น เห็นการเกิดการดับของความคิด ของขันธ์ห้า บางทีก็เป็นกุศล บางทีก็เป็นอกุศล บางทีก็เป็นกลางๆ นี่แหละเขาถึงว่ารอบรู้ในกองสังขารในขันธ์ห้าของตัวเรา ถ้าเป็นเรื่องอดีต ก็เป็นอาการของสัญญา เป็นกองของสัญญา บางทีก็เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ตัววิญญาณของเราเข้าไปรวม เขาเรียกว่าเข้าไปเสวย เข้าไปเสวยอารมณ์นั้นๆ บางทีก็เกิดจากตัววิญญาณโดยตรงเลยก็มี
ถ้าเราหัดสังเกตดูอยู่บ่อยๆ เราก็จะเห็น แต่เวลานี้ตัวสังเกตของเรามีน้อย เพราะว่าตัวสติที่เราสร้างขึ้นมานี่ ภายใน 5 นาที มีความเชื่อมโยงกันต่อเนื่องกันได้สัก 5 นาที10 นาที 20 นาทีหรือไม่ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญนั่นแหละ เราพยายามดูให้ชัดเจนในกายของเรา มีกันหมดทุกคน หลงกันหมดทุกคน ถ้าไม่หลงไม่เกิด เพียงแค่เกิดนี่ก็หลงเกิด แต่ทีนี้เขามาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ก่อร่างสร้างขันธ์ห้ามาปิดกั้นตัวเอง เราต้องมาคลายความหลงตรงจุดนี้ มาทำความเข้าใจ แล้วหมั่นพร่ำสอนใจของเราให้รู้เห็นตามความเป็นจริงตรงนี้ แล้วก็ละกิเลสออกจากใจของเรา เราก็รู้จักทำหน้าที่บริหารกายของเรา ไปจนกว่าธาตุขันธ์จะแตกดับนั่นแหละ
กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น กาย ทำหน้าที่อย่างไร ตัววิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร แต่เวลานี้ตัววิญญาณตัวขันธ์ห้ามาครอบคลุม มาบงการหมด ท่านถึงให้มาเจริญสติมาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเข้าไปอบรมใจ ไปควบคุมใจ ไปหมั่นพร่ำสอนใจตัวเรา แต่เวลานี้กำลังสติของเราไม่ค่อยจะได้ฝึกให้ต่อเนื่อง จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร
เพียงแค่สติเน้นลงที่กาย ก็ยังลำบากอยู่ มันก็เลยพลาดโอกาสพลาดทรัพย์ตัวสูง คือความสะอาดความบริสุทธิ์ อยากจะได้ธรรม อยากจะรู้ธรรม มันก็ปิดกั้นเอาไว้หมด ในหลักธรรมท่านให้ละความอยาก ละความหวัง แต่การกระทำด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผลให้มันถูกต้อง มีให้เป็น ทำให้เป็น รู้จักหน้าที่ให้ถูกต้อง ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกระแสธรรม ทุกเรื่องในชีวิต อย่าให้พลาดโอกาสแม้แต่สิ่งเล็กๆ น้อยๆ อันนี้
เพียงแค่กายก็ยังไม่รู้จักควบคุม วาจาก็ยังไม่รู้จักควบคุม เรื่องใจก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เรื่องการเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่องกัน มันจะไปได้อะไรล่ะ สิ่งพวกนี้บังคับกันไม่ได้ เพราะว่าแต่ละบุคคล ความขยันหมั่นเพียรมาไม่เหมือนกัน บางคนก็ฝักใฝ่สนใจ บางคนก็ขยันหมั่นเพียรมาก บางคนก็เกียจคร้าน มันจะไปได้อะไร เพียงแค่ภาระหน้าที่สมมติก็ยังช่วยเหลือตัวเราเองมันก็ยังลำบากอยู่ ถ้าคนไม่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ก็ต้องพยายามนะ
เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา