หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 27

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 27
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 27
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 27
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 มีนาคม 2556

พากันดูดีๆ นะ พระเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้งอย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา​ ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามรู้กายรู้ใจ รู้การหายใจเข้าออก รู้ความปกติ ไม่ใช่ว่าจะไปเลือกกาลเลือกเวลา รู้จักการสร้างความรู้ตัวแล้วก็สร้างให้ต่อเนื่อง เราก็รู้จักเอาไปใช้ หมั่นสำรวจใจของเรา การเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของความคิดเขาเกิดอย่างไร ทำไมเขาถึงหลง ทำไมเขาถึงเป็นทาสของกิเลส ทำอย่างไรใจของเราถึงจะสะอาด กิเลสหยาบกิเลสละเอียด เราต้องหมั่นสำรวจหมั่นตรวจตา อย่าไปเลือกกาลเลือกเวลา เวลาโน้นเวลานี้ ใช้การไม่ได้ เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้ได้ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ทุกเรื่องๆ

การทำบุญให้ทาน ทุกคนมีศรัทธากันเต็มเปี่ยม แต่การเกิดการดับของความคิดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมว่าเขาเกิดอย่างไร ใจของเราเป็นธาตุรู้ แต่ทั้งที่รู้ รู้เขาก็เกิด ท่านถึงให้มาเจริญสติ คือสร้างความรู้ตัวตัวใหม่เอาไปวิเคราะห์ต้นเหตุให้ทัน รู้ไม่ทันต้นเหตุเราก็รู้จักควบคุมก็เรียกว่าสมถะ ควบคุมใจ แล้วก็รู้เท่าทันการก่อตัวการเกิดในกายเนื้อของเรา อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม ส่วนนามก็คือความคิด ส่วนรูปนี้มี​ ​1 กองคือกองกาย ส่วนนามนั้นมี 4 กอง กองวิญญาณตัวสุดท้ายที่เราต้องแยกต้องคลาย กองสังขาร กองความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่ง มันมีหมด มีเหตุมีผลทุกอย่างเลย

ถ้าเรามาเจริญสติเข้าไปให้รู้เท่าทันต้นเหตุ เราก็จะเห็น รู้จริตของใจของเรา ใจของเราเป็นกุศลหรือว่าอกุศล ใจของเรามีมลทินหรือว่ามีกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเราให้เป็น แล้วก็หมั่นสร้างตบะสร้างบารมี ความอดทน อดกลั้น ความเสียสละ ความอ่อนน้อมถ่อมตน การฝักใฝ่ การสนใจ การสำเหนียกเราต้องมีอยู่ตลอดเวลา ต้องเป็นผู้เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ยิ่งพระเรายิ่งพยายามเพิ่มความเพียร เพราะว่าได้ออกมาศึกษาตรงนี้โดยตรง ได้ออกบวชออกมาศึกษาชีวิตของเรา มาศึกษากายศึกษาใจของเรา แม้แต่ความอยากมีอยากเป็น อยากไปอยากมา ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ไม่อยากมา อยากในรูป ในรส ในกลิ่น ในเสียง อยากในอาหาร เราก็ต้องดู ไม่ให้ใจของเราเกิดความอยากเลยแม้แต่นิดเดียว ให้เป็นการทำหน้าที่ด้วยปัญญา

แต่เวลานี้ปัญญาคือสติปัญญาของเรายังไม่คล่องแคล่ว เพราะว่าเรายังไม่ได้สร้างให้ต่อเนื่อง แล้วก็ยังไม่รู้จักเอาไปใช้ มีตั้งแต่ปัญญาเก่า ปัญญาโลกียะคล่องแคล่วว่องไว ปัญญาที่เกิดจากจิตจากวิญญาณ ปัญญาเก่า อาจจะอยู่ในกองบุญกองกุศลแต่การเกิดของเขามีอยู่ตลอด ถ้าเราแจงออกแยกออกเราก็จะเห็น เห็นแล้วก็รู้จักทำความเข้าใจ รู้จักสำรวจจนให้วิญญาณของเราอยู่เหนือทุกอย่าง

มีโอกาสก็ขอเชิญญาติโยมเราทุกคนได้พากันมา มาศึกษาตัวเรานั่นแหละไม่ได้ศึกษาอะไรหรอก อยู่ที่บ้านเราก็ศึกษาใจศึกษากาย ทำหน้าที่ของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าไปวัดแล้วถึงจะทำการศึกษา เราต้องศึกษาตั้งแต่ตื่นขึ้น รู้จักดำเนินชีวิตให้ไปใช้ตลอดเวลา ดวงจิตของเราเป็นอย่างนี้ อะไรที่จะเป็นบุญเป็นกุศลเราก็รีบทำ อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง เสียดายเวลา อะไรที่จะเป็นบุญ บุญมากบุญน้อย บุญใกล้บุญไกล บุญปัจจุบัน เราก็ต้องรีบทำเสีย อย่าให้คนอื่นต้องได้บังคับได้เคี่ยวเข็ญ เรามีโอกาสทำเราก็รีบทำ ทำบุญให้ตัวเราก่อน ให้จิตใจเราก่อน ก็ล้นออกไปสู่ลูกสู่หลาน สู่ครอบครัว สู่พี่สู่น้อง ก็จะกว้างขวางออกไป ทำฐานรู้ฐานในกายในใจของเราให้ชัดเจนเสียก่อนก็จะได้บุญ ทรัพย์ภายในก็เต็มเปี่ยม ทรัพย์ภายนอกก็ได้ประโยชน์อยู่ในระดับของสมมติ

อะไรคือสมมติ อะไรคือวิมุตติ พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอะไรเราต้องทำความเข้าใจให้กระจ่าง เพราะว่าท่านสอนเรื่องความจริงของชีวิต แต่คนเรานี่จะปกปิดความจริงในกายของเรา แม้แต่ตัวใจก็ยังหลอกตัวเอง ตัววิญญาณก็ยังเกิด แต่ความเกิดนั้นก็ยังปิดปกปิดตัวของวิญญาณเอาไว้ ถ้าเขาไม่หลง เขาก็ไม่เกิด หลงเกิด แล้วก็หลงกาย หลงขันธ์ห้าของตัวเรา แยกรูปแยกนามไม่ได้ สมมติภายนอก ปัญญาเราอาจจะว่าเราไม่ลง นอกจากบุคคลที่เจริญสติเข้าไปแจง เข้าไปแยกได้เท่านั้นแหละถึงจะรู้ว่าตัวเราหลง นอกจากบุคคลที่เจริญสติให้ต่อเนื่องถึงจะรู้ว่าตอนก่อนโน้นเป็นแค่เพียงสติปัญญาของโลกียะของสมมติ มันต้องชัดเจนทุกเรื่อง​ พระพุทธเจ้าท่านชี้ให้เห็นเหตุเห็นผลทุกเรื่อง ท่านถึงบอกให้เชื่อ

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนแล้วหรือยัง เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการสนใจกันมากเลยทีเดียว อยากจะได้ตั้งแต่บุญ อยากจะเอาตั้งแต่บุญ อยากจะรู้ตั้งแต่ธรรม อยากสร้างคุณงามความดี ตรงนั้นเป็นความอยากที่เป็นฝ่ายกุศล

เราต้องพยายามดูรู้ให้ชัดเจน ทั้งอยากทั้งไม่อยาก เราต้องสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจ หายใจเข้าออกให้ต่อเนื่อง รู้ความรู้สึกรับรู้เรื่องลมหายใจเข้าออกก็ยังไม่เป็นธรรมชาติ เพียงแค่จะเวลาจะดูจะรู้ที กายก็อึดอัด ความรู้ตัวก็พลั้งเผลอ ทั้งที่ใจก็เป็นบุญนั่นแหละ

เราพยายามฝึก ในหลักธรรมท่านเรียกว่า​ อานาปานสติ จากน้อยๆ ไปหามากๆ จนเป็นอัตโนมัติ จนเรารู้เท่าทันการก่อตัวของจิต การก่อตัวของวิญญาณนั่นแหละ เขาเกิดอย่างไร ทำไมเขาถึงไปหลงเอาขันธ์ห้า ถ้าเราสังเกตทัน​ ตัวใจกับอาการหายใจแยกออกจากกัน เราถึงจะเข้าใจความหมายของคำว่าอัตตากับอนัตตา เข้าใจ รู้เห็นเข้าใจคำว่าสมมติวิมุตติ เห็นการก่อตัว เห็นการตั้งอยู่ เห็นการเกิดของวิญญาณ ซึ่งว่าเรียกว่ารู้อริยสัจคือความจริง ความไม่เที่ยง

เราต้องพยายามแจงให้ชัดเจน ให้เห็นเป็นชิ้นเป็นอันซึ่งอยู่ในกายเนื้อของเรานี่แหละ ไม่เหลือวิสัย เราก็ต้องพยายามหมั่นสร้างตบะ​ สร้างบารมี สร้างอานิสงส์แม้จะน้อยๆ ก็อย่าไปมองข้าม เราพยายามหมั่นสร้างคุณงามความดีให้มีให้เกิดขึ้น มีธรรมะมีไว้สอนตัวเรา​ สอนใจของเรา ธรรมชาติคือธรรมชาตินั่นแหละ แม้แต่ใจก็กลับคืนสู่ธรรมชาติคือการไม่เกิด แต่เวลานี้เขาเกิดมาตั้งนาน กว่าเราจะมาฝึกหัดปฏิบัติขัดเกลาตัวจิตตัววิญญาณของเราได้ก็ต้องอาศัยบารมี ในความเสียสละ ในการละกิเลส ในการเจริญพรหมวิหารต่างๆ จนกว่าใจของเราจะไม่เกิด ใจไม่เกิดแล้วก็ยิ่งสร้างอานิสงส์มากมายมหาศาลกัน ก็ต้องพยายามกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง สูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินเถอะ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ไปอยู่ที่ไหนเราต้องเจริญสติเข้าไปรู้ใจของเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเลือกกาลเลือกเวลา เราหายใจตั้งแต่เกิดนั่นแหละ ถ้าเราหยุดหายใจก็หมดสภาพทันที คนเราอยู่ด้วยอากาศ อยู่ด้วยอาหาร มันเกี่ยวเนื่องกันหมด ถ้าเราไม่ศึกษา เราไม่มีใครศึกษาให้เราหรอก นอกจากตัวเราเอง

ในการทำบุญให้ทานทางด้านวัตถุทาน พวกเรามีโอกาสได้ทำร่วมกัน ได้สร้างได้ฝากเอาไว้ทุกที่ แต่การละกิเลสก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวของเรา ความรู้ปัญญาเราไม่ถูกต้อง เราก็อาศัยปัญญาของพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผยแล้วดำเนินตามที่ท่านบอก ให้รู้ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ถ้ารู้แล้วเห็นแล้ว หมดความสงสัยแล้ว มีตั้งแต่จะละกิเลสออกให้มันหมดจดจากใจของเราจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจให้ชัดเจนกันนะ

พากันไว้พร้อมๆ กันค่อยไปทำความเข้าใจกันต่อนะ อันนี้เพียงแค่เล่าให้ฟังเท่านั้นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง