หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 12

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 12
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 12
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2556 ลำดับที่ 12
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 มกราคม 2556

เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย วางใจให้สบาย ไม่ต้องพนมมือ หลวงพ่อเพียงแค่พูดแค่ย้ำแค่เตือนให้พวกท่านได้รู้จักการสร้างความรู้ตัว รู้ว่า รู้จักการเจริญสติเพื่อที่จะเข้าไปวิเคราะห์กายวิเคราะห์ใจของตัวเราเอง เป็นเรื่องของทุกคน ที่จะต้องทำความเข้าใจว่าชีวิตของเราเกิดมาอย่างไร ไปอย่างไร

ทำไมจิตของเราถึงหลง หลงในส่วนหยาบส่วนละเอียด หลงในการเกิด หลงในการสร้างภพสร้างชาติ เราต้องมาเจริญสติให้ต่อเนื่อง เพื่อที่จะเข้าไปหาเหตุหาผล เห็นเหตุเห็นผลภายใน ให้จิตของเรารู้เห็นความเป็นจริง แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราหรือว่าพร่ำสอนจิตของเรานั่นแหละ ไม่ใช่ว่าไปนึก เอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างโน้น ว่าจะเป็นอย่างนี้ เพราะว่าทุกสิ่งมีเหตุมีผลหมด พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุ ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดแต่เหตุ เหตุจากภายใน เหตุจากภายในเหตุจากภายนอก

จิตของเราเกิด ความเกิดถ้าเขาไม่หลงเขาคงไม่เกิด เพียงแค่การเกิด การปรุงการแต่ง อันนี้ระดับต้นเลยทีเดียว อาการของจิต อาการของขันธ์ห้าอีก รวมกันเข้าไปอีกชั้นหนึ่งอีก กิเลสหยาบกิเลสละเอียดซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรม ขันธ์ห้าของเราซึ่งมีกายเนื้อมีหนังมาห่อหุ้มอีกหลายชั้น ที่มาปกปิดดวงจิตหรือว่าดวงวิญญาณเอาไว้ เขาหาเหตุเขาสร้างเหตุมาปิดอำพรางตัวเขาเอาไว้ การเกิดการปรุง การแต่งอีก เขาก็ปิดบังอำพรางตัวของเขาเอาไว้ นิวรณธรรมต่างๆ มลทินต่างๆ เขาก็มาปิดบางอำพรางตัวของเขาเอาไว้

พระพุทธองค์ท่านถึงให้มาเจริญสติเจริญพรหมวิหาร เข้าไปหาเหตุหาผล ความรู้ตัวตัวใหม่นี้เราต้องสร้างขึ้นมา ปัญญาตัวใหม่ อาศัยกายเนื้อ อาศัยสติลงที่กายเนื้อ อย่างเช่น เรารู้ลมหายใจเข้าหายใจออก รู้ให้ต่อเนื่องอันนี้เขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ ถ้ารู้ได้ต่อเนื่อง เขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวพร้อม รู้กาย เวลาใจจะเกิด เราก็จะเห็นอาการของใจ

แต่เราบางทีเราตัวใจไปมั่นหมายเอาหมดทุกสิ่งทุกอย่างว่าเป็นปัญญาที่แท้จริง อันนั้นไม่ใช่ปัญญาที่แท้จริง เป็นปัญญาของโลกียะ ปัญญาของกิเลส ปัญญาของความหลง บางทีตัวใจนี้ก็เกิดความทะเยอทะยานอยาก ความอยาก ในหลักธรรมทั้งอยากไปอยากมา ไม่อยากไปไม่อยากมา ต้องดับ ละออกให้มันหมดจด

คนที่จะเข้าถึงความหมาย เข้าถึงความเป็นจริงได้ ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร เป็นบุคคลที่มีความเสียสละอย่างยิ่งยวด แต่ละวันตื่นขึ้นมา เราได้น้อมสำรวจใจของเราแล้วหรือยัง ใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่านหรือว่าเกิดความลังเล กิเลสเกิดขึ้นที่กายหรือเกิดขึ้นที่ใจ ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรม สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือ การวิเคราะห์ การสร้างความรู้ตัวก็ทำให้ได้ต่อเนื่องกันเถอะ ทั้งที่ใจเป็นบุญนั่นแหละ

ใจมันเกิดอยู่แล้ว ความคิดกับใจมันปรุงแต่งรวมกันไปอยู่แล้วมีกันทุกคน จะมีมากมีน้อย ลองอดพูดอดคิด สังเกตดูความคิด คนทั่วไปแม้แต่วาจาก็ยังไม่รู้จักรักษา ไม่รู้จักควบคุม ใจกับความคิดของใจ การเกิดของใจก็ไม่รู้จักดับ อาจจะดับได้เป็นบางเรื่อง ความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ แต่ละวันๆ ส่วนมากก็มีตั้งแต่สร้างเหตุภายนอกมาทับถมดวงใจของตัวเอง เรื่องแล้วเรื่องเล่าๆ สารพัดเรื่องมาปกปิดเอาไว้จนมิดชิดเป็นดินพอกหางหมู กว่าจะขัดกว่าจะเกลา เพียงแค่ระดับของสมมติมันก็ยังยากลำบาก อันโน้นก็ยังติดขัด อันนี้ก็ยังค้างคา อันนั้นก็ยังหมักหมมสารพัดเรื่อง เราต้องค่อยแกะ ค่อยแงะ ค่อยคลาย

เพียงแค่ระดับของสมมติ ระดับความเป็นอยู่ของสมมติของกายนั้นเราก็ต้องพยายามทำให้ไม่ให้ลำบาก มันก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจ จะเอาตั้งแต่ธรรม แต่ภายนอกก็ยังลำบากมันก็ไปยาก เพราะว่าสมมติกับวิมุตติก็อาศัยอิงอาศัยกันอยู่เกื้อหนุนกันอยู่ ปากท้องของเราก็ยังมี พี่น้องของเราก็ยังมี สังคมของเราก็ยังมี เราต้องทำความเข้าใจให้รอบรู้

ธรรมกับโลกก็อยู่ร่วมกัน โลกกับธรรมก็อยู่ร่วมกัน ถ้าเราเข้าใจ อยู่ที่ไหนเราก็จะอยู่กับธรรม อยู่กลางโรงหนังกลางตลาดเราก็จะอยู่กับธรรม เพราะกายเป็นคนทำ จิตเป็นองค์ธรรม แต่เวลานี้จิตของเราเป็นโลก กายของเรายังเป็นก้อนโลก เพราะว่าจิตของเรายังไม่ได้คลายออกจากความหลง ถ้าเราไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาอยู่ ถ้าเรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเราถึงจะรู้ว่าสติแต่ก่อนนั้นเป็นสติปัญญาของโลกเขา ไม่ใช่สติปัญญาที่จะเข้าไปชำระสะสาง เข้าไปทำความเข้าใจกับตัววิญญาณในกายของเราจริงๆ

เราก็ต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง ทุกคนก็มีบุญอยู่แล้ว ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีโอกาส อย่าไปผัดดวันประกันพรุ่ง วันนั้นถึงจะทำวันนี้ถึงจะทำ เวลานี้ อย่างนั้นเป็นบุคคลที่ประมาทอยู่ จงเป็นบุคคลที่เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา พยายามทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลก ทำความเข้าใจกับสิ่งที่พระพุทธองค์สอน

ท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องทุกข์ อะไรคือทุกข์ ความหมายของทุกข์นั้นเป็นลักษณะอย่างไร ส่วนเรื่องหลักของอริยสัจความจริง ความจริงก็อยู่ในกายของเรานี่แหละ ส่วนเรื่องขันธ์ห้า ขันธ์ห้าของเรา ร่างกายของเราประกอบขึ้นมาได้อย่างไร ทำหน้าที่อย่างไร ท่านชี้แนะแนวทางไว้หมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะทำความจริงให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเราได้หรือไม่เท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามกันนะ

เอาล่ะ วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาค้นคว้าเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง