หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 108

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 108
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 108
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
มีความสุขกันทุกคน ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้รู้จักวิธีการเจริญสติแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาด ละไม่ได้เด็ดขาด ก็ขอให้หยุด ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายของเราก็จะสงบ มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกชัดเจน ความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ ก็จะหยุดคลายหายไป ความรู้สึกลมสัมผัสที่ปลายจมูกของเราก็จะเด่นชัด นั่นแหละเขาเรียกว่าความรู้ตัว เรามาเจริญความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เรียกว่าสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม ตั้งแต่ยังไม่ได้ตื่นโน่น ตั้งแต่ความรู้ตัวตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ รู้กาย รู้ลมหายใจ อันนี้เรียกว่ารู้กาย ลึกลงไปเราก็รู้ความปกติของใจ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ที่จะลุก จะก้าว จะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ เมื่อทำภาระหน้าที่ต่างๆ ใจก็สงบตั้งมั่นอยู่ สติที่เราสร้างขึ้นมาพากายไปใจรับรู้ เป็นแค่เวลานี้การเจริญสติของเราก็มีบ้าง ไม่ต่อเนื่อง เราพยายามทำให้ต่อเนื่องให้รู้ทุกอิริยาบถ

ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลง ในส่วนลึกใจหลงอะไร ทำให้เกิดอัตตาตัวตน แนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็น้อมนํามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม ก็ให้น้อมกายน้อมใจ มีศรัทธาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย แล้วก็เจริญสติ รู้จักลักษณะของคําว่าสติรู้ตัว อยู่ปัจจุบันทุกขณะลมหายใจเข้าออกทุกขณะจิต จนต่อเนื่อง จนเชื่อมโยง จนเอาไปอบรมใจของเราได้ ขยันหมั่นเพียร จนกว่าใจจะคลายออกจากความคิด ซึ่งเรียกว่าแยกรูปแยกนาม นี่แหละท่านถึงว่าความเห็นถูก หรือว่าทิฏฐิ ความเห็นถูก เห็นถูกแล้วก็ตามดูตามรู้ตามเห็น เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล

สติปัญญาของเรานี้แหละไปชี้เหตุชี้ผล ให้ใจของเรามองเห็นความเป็นจริง ใจของเราก็จะปล่อยวาง ความยึดมั่นถือมั่น ปล่อยวางอัตตาตัวตน ปล่อยวางความคิดอารมณ์ เห็นเป็นกองๆ เห็นเป็นขันธ์ๆ ที่ท่านว่า กายของเรานี้มีอยู่ห้าขันธ์ ส่วนกองรูป กองนาม กองวิญญาณ กองความคิด กองอารมณ์ มีที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ แต่เรายังไม่เห็น เรารู้อยู่ว่าเราคิดเราทำ ใจของเราหลงอยู่ในความคิด หลงอยู่ในอารมณ์ตรงนั้นอยู่ นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละ ที่จะจําแนกแจกแจง ให้รู้เห็นตามความเป็นจริง ต้องพยายาม

ท่านสอนเรื่องชีวิต สอนเรื่องการดำเนินชีวิตให้ถูกที่ถูกทาง มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ ทุกคนก็มีบุญ ถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนก็ปฏิบัติธรรมกันมา แต่จะอยู่ในระดับไหนเท่านั้นเอง เราต้องการที่จะให้มองเห็นความเป็นจริงแล้วก็พยายามเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง ไม่ต้องกลับมาเกิดกันโน่น เราละกิเลสไม่ได้หมดจด ก็วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ถ้าไม่หมดจริงๆ จะไปต่อภพหน้า

วันนี้ก็ได้มีคณะญาติโยมทางกรุงเทพ ทางคณะของบริวารของคุณโยมจิ๋วหรือว่าคุณป้าจิ๋ว ท่านให้บริวารได้มาเปลี่ยนบรรยากาศ ได้ทำบุญให้กับหมู่ให้กับคณะ ให้กับบริวาร ให้บริวารได้มีโอกาส ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนสถานที่ มาถึงที่วัดก็ อย่าไปกังวลอะไร ทำใจให้สบาย ทำกายให้สบาย มีอะไรเราก็ช่วยกันทำ เอาการงานเป็นการปฏิบัติ ทำความสะอาดที่โน่นบ้างที่นี่บ้าง เห็นว่าวันนี้จะพากันทำจิตอาสาอะไรดีล่ะ เห็นว่าไปทะเลาะกับปูน ไปตีปูนนะ ไปตีปูนช่วยท่านอาจารย์ต้อมทำพญานาค ไปตีปูนไปนวดปูน ช่วยอาจารย์ต้อม ช่วงบ่ายๆ ช่วงเที่ยง ช่วงบ่ายๆ ค่อยทำถนนหนทางกัน คนละเล็กละน้อย ก็จะได้มีความสุขฝากฝังเอาไว้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน

อยู่ที่บ้านเราก็ขยันหมั่นเพียร อยู่ที่ทำงานเราก็ขยันหมั่นเพียร ไม่ให้ใจเกิดความโลภ เกิดความโกรธ เกิดความทะเยอทะยานอยาก ขยันหมั่นเพียรด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติ ด้วยปัญญา ตื่นขึ้นมา บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าเรารู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็จะเข้าใจในชีวิต ว่าเราจะดำเนินชีวิตอย่างไร เราขาดตกบกพร่องตรงไหน เราก็จะได้เติมเต็มด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยเหตุด้วยผล

แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีการสนใจฝักใฝ่ คําว่าลักษณะของสติรู้ตัวเป็นอย่างไร การเจริญสติเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจที่สงบเป็นสมาธิเป็นอย่างไร ลักษณะของใจหรือว่าวิญญาณอยู่ในกายของเราเป็นหน้าตาอาการอย่างไร เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปดูรู้เท่าทัน แต่เวลานี้กําลังสติของเราอาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่ต่อเนื่อง ไม่เชื่อมโยง เราก็ต้องพยายาม หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง เพียงแค่ชี้แนะ อุบายบอกวิธี บอกแนวทาง ถ้าคนมีอานิสงส์มีบุญมีสติมีปัญญาฟังนิดเดียว ไปเดินไปรออยู่ที่ฝั่งโน้น ฝั่งคือความบริสุทธิ์ของใจ ฝั่งพระนิพพาน

แต่เวลานี้ใจทั้งเกิดด้วย ทั้งหลงด้วย ทั้งยึดด้วย กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด มีหมดอยู่ในกายของเรา กายของเรานี่สนามรบเป็นอย่างดี เจริญสติเข้าไป วิเคราะห์หาเหตุหาผล ชี้เหตุชี้ผล เห็นด้วยทำความเข้าใจได้ด้วย แล้วก็ละได้ด้วย สักวันหนึ่งก็คงจะถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี เวลานี้พยายามสร้างความรู้ตัวให้ได้ทุกอิริยาบถนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง