หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 107
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 107
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เรื่องทุกเรื่อง พันธะภาระหน้าที่ต่างๆ ถึงเราจะแยกแยะไม่ได้ ทำความเข้าใจไม่ได้ ก็ขอให้หยุดเอาไว้เสียก่อน ฝืน สร้างความรู้ตัว สร้างความรู้สึกรับรู้ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบกันมากขึ้น
เริ่มบ่อยๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ อิริยาบถ จะลุก จะก้าว จะเดินให้เรามีความรู้ตัว ลึกลงไปเราก็จะได้รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปรุงแต่งเป็นอย่างนี้ อาการของใจเป็นอย่างนี้ อาการของความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจเคลื่อนเข้าไปรวม ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมก็เป็นลักษณะอย่างนี้ แต่เวลานี้ความรู้ตัวเนี่ยมันมีนิดหน่อย มีไม่ต่อเนื่อง เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้เข้มแข็ง เอาไปอบรมใจ ปรับสภาพใจของเรา
ใจของเรามีความอ่อนแอ เราก็พยายามเพิ่มความเข้มแข็ง ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ ใช้สมถะเข้าไปดับ กำหนดลมหายใจหรือว่าสร้างความรู้ตัว อยู่ที่ลมหายใจ หรือว่าเอาคําบริกรรมเข้าไปกำกับ หมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเรามีความแข็งกระด้าง เราพยายามละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่นก็พยายามละ คลายความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการให้ การ เอาออก ทำตรงกันข้ามกับกิเลส กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น เขาทำหน้าที่อย่างไร ใจทำหน้าที่อย่างไร
แต่เวลานี้ใจเป็นตัวบงการ เขาหลงมานาน เขาหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด จนกระทั่งมาสร้างภพของมนุษย์ มากายเนื้อของเรานี่แหละ ทั้งตัว ทั้งหมด ทั้งดุ้น ทั้งตัวตนนี่แหละ เขาเรียกว่าภพมนุษย์ ภพมนุษย์ทั้งภพนี่แหละ จนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละ ภพมนุษย์ตรงนี้ถึงจะแตกสลาย ใจก็จะไปต่อ ตราบใดที่มันยังเกิดอยู่ นั่นก็ไปด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เพราะว่ามันยังหลงอยู่ ถ้าหลงอยู่ในคุณงามความดี หลงอยู่ในบุญในกุศลก็เป็นฝ่ายที่ดี ถ้าเป็นฝ่ายที่อกุศล เราก็แย่เลยทีเดียว
เราพยายามแก้ไข ยิ่งฝึกไปเท่าไร ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไร ยิ่งทำความเข้าใจ ฝึกไปฝึกมาๆ ก็เห็นตัวละเอียดเยอะๆ ตัวมลทินต่างๆ คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ กิเลสของเราทั้งนั้นๆ เราพยายามละ พยายามแก้ไข มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ใจมันจะเกิด เราก็รู้จักดับจักหยุด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มี ไม่มีความคิด ไม่มีปัญญา
ปัญญาเก่านี่เขาหลงมาตั้งนานแล้ว นํามาแก้ไขปรับปรุงใหม่ บริหารใหม่ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ยกระดับใจของเราออกให้รับรู้ผิดถูกชั่วดีอย่างไร สติปัญญาไปแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ไปที่โน่นที่นี่เพื่อที่จะไปศึกษาธรรม ก็ศึกษากายศึกษาใจของเรานั่นแหละ แล้วก็สร้างความขยันหมั่นเพียรลงไป อย่าไปเห็นแก่ตัว อย่าไปเห็นแก่ความเกียจคร้าน อย่าไปเห็นแก่กิเลส ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ความตระหนี่เหนียวแน่น พยายามเอาออกให้หมด จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญา
หลวงพ่อก็เล่าของเก่า ชี้แนะเหตุผลให้ดู นอกจากพวกท่านจะไปทำกายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ การเจริญสติที่เชื่อมโยงเป็นอย่างนี้นะ การอดการข่ม เอาสติปัญญาไปบริหารแทน ใจรับรู้ ใจมันผลักไสหรือไม่ ใจเป็นกลางหรือไม่ เราสำรวจตั้งแต่ตื่นขึ้นมาโน่น ใจเกิดความอยาก ความโลภ ความโกรธ หรือว่าใจเกิดความกลัว การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ไปที่ไหนก็ ถ้าฝักใฝ่ ท่านก็พูดเรื่องเดียวนี่แหละ ก็พูดเรื่องการเจริญสติ การละกิเลสนี่แหละ ไม่ได้ไปพูดเรื่องอะไร ถ้าเราเข้าใจวิธีแนวทางแล้ว อยู่คนเดียวก็ดูเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา ถึงเวลาประจวบเหมาะมันก็คงจะถึงจุดหมาย กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็ดับมันเมื่อนั้นแหละ ก็ต้องพยายามกันนะ
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน เพราะว่าความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เมื่อวานนี้ก็มาตั้งสอง มาทุกวันๆ เห็นความตาย ให้เราเห็นทุกวัน เราก็จะได้ไปเหมือนกัน ไม่รู้จะไปช่วงไหน เวลาไหน ขณะยังไม่ถึงเวลา เราก็พยายามเตรียมพร้อม อะไรที่จะเป็นบุญเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ ไม่ได้เสียทีเสียเที่ยว
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อ อบรมใจของตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นทุกอิริยาบถ
เริ่มบ่อยๆ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ อิริยาบถ จะลุก จะก้าว จะเดินให้เรามีความรู้ตัว ลึกลงไปเราก็จะได้รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปรุงแต่งเป็นอย่างนี้ อาการของใจเป็นอย่างนี้ อาการของความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจเคลื่อนเข้าไปรวม ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมก็เป็นลักษณะอย่างนี้ แต่เวลานี้ความรู้ตัวเนี่ยมันมีนิดหน่อย มีไม่ต่อเนื่อง เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมาให้ต่อเนื่อง แล้วก็ให้เข้มแข็ง เอาไปอบรมใจ ปรับสภาพใจของเรา
ใจของเรามีความอ่อนแอ เราก็พยายามเพิ่มความเข้มแข็ง ใจของเรามีความกังวล มีความฟุ้งซ่าน เราก็รู้จักหยุด รู้จักดับ ใช้สมถะเข้าไปดับ กำหนดลมหายใจหรือว่าสร้างความรู้ตัว อยู่ที่ลมหายใจ หรือว่าเอาคําบริกรรมเข้าไปกำกับ หมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ใจของเรามีความแข็งกระด้าง เราพยายามละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีความตระหนี่เหนียวแน่นก็พยายามละ คลายความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการให้ การ เอาออก ทำตรงกันข้ามกับกิเลส กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหก หู ตา จมูก ลิ้น เขาทำหน้าที่อย่างไร ใจทำหน้าที่อย่างไร
แต่เวลานี้ใจเป็นตัวบงการ เขาหลงมานาน เขาหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด จนกระทั่งมาสร้างภพของมนุษย์ มากายเนื้อของเรานี่แหละ ทั้งตัว ทั้งหมด ทั้งดุ้น ทั้งตัวตนนี่แหละ เขาเรียกว่าภพมนุษย์ ภพมนุษย์ทั้งภพนี่แหละ จนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละ ภพมนุษย์ตรงนี้ถึงจะแตกสลาย ใจก็จะไปต่อ ตราบใดที่มันยังเกิดอยู่ นั่นก็ไปด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เพราะว่ามันยังหลงอยู่ ถ้าหลงอยู่ในคุณงามความดี หลงอยู่ในบุญในกุศลก็เป็นฝ่ายที่ดี ถ้าเป็นฝ่ายที่อกุศล เราก็แย่เลยทีเดียว
เราพยายามแก้ไข ยิ่งฝึกไปเท่าไร ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไร ยิ่งทำความเข้าใจ ฝึกไปฝึกมาๆ ก็เห็นตัวละเอียดเยอะๆ ตัวมลทินต่างๆ คนโน้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ กิเลสของเราทั้งนั้นๆ เราพยายามละ พยายามแก้ไข มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ใจมันจะเกิด เราก็รู้จักดับจักหยุด ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มี ไม่มีความคิด ไม่มีปัญญา
ปัญญาเก่านี่เขาหลงมาตั้งนานแล้ว นํามาแก้ไขปรับปรุงใหม่ บริหารใหม่ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ยกระดับใจของเราออกให้รับรู้ผิดถูกชั่วดีอย่างไร สติปัญญาไปแก้ไข ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ตลอดเวลา เป็นเรื่องของเรา ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น ไปที่โน่นที่นี่เพื่อที่จะไปศึกษาธรรม ก็ศึกษากายศึกษาใจของเรานั่นแหละ แล้วก็สร้างความขยันหมั่นเพียรลงไป อย่าไปเห็นแก่ตัว อย่าไปเห็นแก่ความเกียจคร้าน อย่าไปเห็นแก่กิเลส ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ ความตระหนี่เหนียวแน่น พยายามเอาออกให้หมด จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญา
หลวงพ่อก็เล่าของเก่า ชี้แนะเหตุผลให้ดู นอกจากพวกท่านจะไปทำกายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ การเจริญสติที่เชื่อมโยงเป็นอย่างนี้นะ การอดการข่ม เอาสติปัญญาไปบริหารแทน ใจรับรู้ ใจมันผลักไสหรือไม่ ใจเป็นกลางหรือไม่ เราสำรวจตั้งแต่ตื่นขึ้นมาโน่น ใจเกิดความอยาก ความโลภ ความโกรธ หรือว่าใจเกิดความกลัว การได้ยินได้ฟังได้อ่าน ไปที่ไหนก็ ถ้าฝักใฝ่ ท่านก็พูดเรื่องเดียวนี่แหละ ก็พูดเรื่องการเจริญสติ การละกิเลสนี่แหละ ไม่ได้ไปพูดเรื่องอะไร ถ้าเราเข้าใจวิธีแนวทางแล้ว อยู่คนเดียวก็ดูเรา แก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา ถึงเวลาประจวบเหมาะมันก็คงจะถึงจุดหมาย กิเลสเกิดขึ้นเมื่อไร เราก็ดับมันเมื่อนั้นแหละ ก็ต้องพยายามกันนะ
ทั้งพระทั้งโยมทั้งชีขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกสักหน่อยก็ได้พลัดพรากจากกัน เพราะว่าความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เมื่อวานนี้ก็มาตั้งสอง มาทุกวันๆ เห็นความตาย ให้เราเห็นทุกวัน เราก็จะได้ไปเหมือนกัน ไม่รู้จะไปช่วงไหน เวลาไหน ขณะยังไม่ถึงเวลา เราก็พยายามเตรียมพร้อม อะไรที่จะเป็นบุญเราก็ทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ทำ ไม่ได้เสียทีเสียเที่ยว
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อ อบรมใจของตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็นทุกอิริยาบถ