หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 87

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 87
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 87
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 87
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 ตุลาคม 2558

มีความสุขกันทุกคน อากาศตื่นเช้าขึ้นมาก็พายุคงผ่านไปแล้วเนอะ หรือว่าจะมีอยู่ เมื่อวานนี้ก็ฝนตกพรำๆ วันนี้ส่วนหนึ่งก็พากันไปช่วยผูกเหล็กทำพญานาคใหญ่ ก่อเสาฐานพญานาค ส่วนทางหน่วยเจาะก็กําลังจะดำเนินกันไป ถึงเวลาก็ได้ขุดได้เจาะ ฝนฟ้าพายุหายไปก็คงอะไรก็จะโล่งโปร่ง เดี๋ยวนี้ก็ได้ 20-30% แล้วแหละ สถานที่ก็คอยดูแลรักษากันไป ต้นไม้ก็ดูแลกันไป ทุกคนเข้ามาในที่นี้ก็ช่วยกัน รู้จักแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา หมั่นพร่ำสอนตัวเรา ปกครองตัวเอง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นปกครอง อะไรพอละ อะไรพอเจริญ อะไรพอดำเนิน นั่นแหละ แนวทางของพระพุทธองค์ ปกครองไม่ต้องปกครอง ถ้าคนเรารู้จักแก้ไขตัวเราแล้วก็ทุกคนก็อยู่หลายคนก็แก้ไขตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีตัวบทกฎหมาย ไม่มีข้อวัตรปฏิบัติ พอดูข้อวัตรปฏิบัติ อะไรผิดอะไรถูก

ตั้งแต่การเกิดของใจของวิญญาณที่ทั่วไป แล้วก็ข้อวัตรปฏิบัติเขียนมันเต็มเปี่ยมไปหมด ทั้งตามที่โน่นบ้างทีนี่บ้าง ตั้งแต่ปากทางถึงก้นครัว ดูแลแล้วมีแต่ขยะสกปรกรกรุงรัง มันจะไปเขียนไปโอ้ไปอวดไปนั่น ส่วนมากก็เป็นเสียอย่างนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปบอกไปกล่าวไปเขียนให้มันยุ่งยากลําบาก ดูแลที่ใจของตัวเรา อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไข ให้เข้า ให้รู้ ให้ถึง ให้เข้าถึงจุดหมายปลายทางให้ปรากฏขึ้นที่ใจ ตามแนวทางของพระพุทธองค์ ก็ต้องพยายามกัน

ทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เราต้องทำความเข้าใจกรรม กรรมทางด้านความคิด ทางด้านอารมณ์ ทางด้านขันธ์ห้า แล้วก็กรรมตัวเก่ากรรมตัวใหม่ แล้วก็ละกรรม อยู่เหนือกรรม แล้วก็สร้างกุศลกรรม ไม่หลงกรรม

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเรา ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง บางคนบางท่านก็สร้างอยู่แต่สร้างไม่ต่อเนื่องนิดเดียว บางทีก็ปล่อยปละละเลย มีแต่นึกเอาคิดเอา จะไปทำบุญอย่างเดียว อยากเอาบุญอย่างเดียว ความอยากนั่นแหละพาให้เราเข้ามาถึงวัด ความอยากนั่นแหละทำให้เราเข้าถึงจุดหมาย ทีนี้เราก็มาเปลี่ยนจากความอยาก มาเจริญสติเข้าไปคุมความอยาก เข้าไปสังเกตวิเคราะห์ทำไมใจถึงอยาก ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงคิด ทำไมความคิดกับใจรวมกันเป็นตัวเดียวเป็นขันธ์ห้า แล้วก็มีส่วนรูปธรรมคือร่างกายของเรามาปกปิดอีก

นอกจากแนวทางของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละ ถึงจะรู้ความจริงตรงนี้ ท่านให้เจริญสติเจริญปัญญา มีศรัทธาน้อมกายของเราเข้ามาเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย ศรัทธาเฉยๆ ก็ยังไม่รู้ไม่เห็น เราต้องปฏิบัติขัดเกลาตัวเรา สร้างสติเข้าไปดู เข้าไปรู้ เข้าไปเห็น ใหม่ๆ ก็อาจจะรู้ไม่ทัน เพราะว่ากําลังสติของเรามีไม่เพียงพอหรือแทบไม่มีเลย มีตั้งแต่สติปัญญาอยู่ในระดับของสมมติ เอาไปควบคุมได้เป็นบางเรื่องบางครั้งบางคราว

สติปัญญาในทางธรรม เราต้องรู้ถึงฐานการเกิดของวิญญาณ ลักษณะของวิญญาณหรือว่าตัวใจ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากความคิดเห็นเป็นคนละส่วนๆ กันเป็นอย่างไร ใจที่พลิกใจที่หงายเป็นอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร ต้องรู้แจ้งเห็นจริงทำความเข้าใจ ปรากฏขึ้นที่ใจ ยอมรับความเป็นจริง จนมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง จนมองเห็นเป็นธรรมดา

ช่วงใหม่ๆ นี่กิเลสมารต่างๆ เขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แม้แต่ตัววิญญาณตัวใจเขายังหลอกตัวเองตลอดเวลา แล้วเขาก็หาสิ่งดีๆ มาหลอก นอกจากกําลังสติปัญญาจะเฉียบแหลมเร็วไว วิเคราะห์ชี้เหตุที่ผล เห็นเหตุเห็นผล ทำความเข้าใจ แล้วจะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องปัญญาทำหน้าที่ ขยันหมั่นเพียร นั่นพูดง่ายสำหรับบุคคลที่มีความเข้าใจ มันจะยากสำหรับบุคคลที่ยังไม่รู้ไม่เห็น แต่ก็อย่าไปทิ้งบุญ ในการทำบุญในการให้ทาน ในการสร้างตบะบารมี เรามีความเสียสละเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีการสนใจฝักใฝ่ ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความจริงใจต่อตัวเราหรือเปล่า รู้จักแก้ไขปรับปรุงทั้งงานภายนอกงานภายใน เพียงแค่งานระดับของสมมติ เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี สมมติของเราก็จะไม่ได้ลําบาก เราติดขัดอะไร

เพราะว่าทุกคนเกิดมาก็มีบุญ บุญเก่าถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ บุญใหม่ก็รู้จักฝักใฝ่ รู้จักสนใจ รู้จักสร้างขึ้นมา บุญสมมติเราสร้างร่วมกันได้ มีโอกาสหลวงพ่อก็พาทำทุกอย่างเท่าที่โอกาสจะเอื้ออํานวย เวลานี้เดี๋ยวนี้หลวงพ่อก็พาทำมหาเจดีย์ใหญ่พุทธเมตตาหลวง พุทธในนามของพระพุทธองค์นามของพระพุทธเจ้า แล้วก็เมตตาหลวงได้รับความเมตตาจากพระพุทธองค์ คำสอนของท่านได้ค้นพบ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้หลายร้อยหลายพันปี พวกเราก็ปฏิบัติให้รู้ให้ปรากฏขึ้นที่ใจตามคําสอนของท่าน

ท่านถึงบอกให้เชื่ออริยสัจ ความจริงอันประเสริฐ เป็นลักษณะอย่างไร อริยสัจสี่เป็นอย่างไร การเจริญพรหมวิหารเป็นอย่างไร การกระทำการลงมือเป็นอย่างไร ทำไมท่านถึงว่ากายของเรานี่เป็นกองเป็นขันธ์เป็นก้อน มันรวมกันได้อย่างไร เราต้องพยายามวิเคราะห์พิจารณา เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น

พวกเราเกิดมาแล้วก็ไม่มีอะไรที่จะเอาติดตัวไปได้หรอก นอกจากบุญกับบาป ผู้รู้ทั้งหลายก็ละทั้งบุญละทั้งบาป สร้างบุญแต่ไม่หลงยึดติดในบุญ โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด พวกเราก็มีโอกาสได้มาร่วมกัน เดี๋ยวนี้ก็กําลังจะเริ่มได้ 20-30% รอประชุมกันเข้าให้เป็นองค์มหาเจดีย์ใหญ่ แล้วก็จะได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาประดิษฐาน ยากที่จะได้พระบรมสารีริกธาตุจากส่วนที่ท่านเสด็จมามากมาย มีบุญ สถานที่ก็มีบุญ พวกเราก็มีบุญ ได้ทำสถานที่รองรับ ฝากฝังเอาไว้บุญระดับสมมติ เราจุดเทียนเล่มเดียว ต่อไปในวันข้างหน้าคนโน้นคนนี้ก็มาจุดสว่างไสว หลวงพ่อก็ขอบอกกล่าวทุกคน เป็นบุญของพวกท่าน บุญของหลวงพ่อ หลวงพ่อก็จัดการของตัวเองทั้งภายนอกภายใน แล้วก็อนุเคราะห์ในระดับของสมมติเท่าที่โอกาสจะเปิดให้ ก็ต้องพยายามกัน บอกกล่าวกันทุกคนนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดนึงก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็ให้รู้ว่าขณะนี้มีลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรานะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง