หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 36

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 36
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 36
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 36
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 25 มีนาคม 2558

มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆ นะ พระเราชีเราสามเณรพิจารณาปฏิสังขาโย กะประมาณในการขบฉันของตัวเราเอง ยิ่งฝึกใหม่ๆ กายก็หิว ใจก็จะเกิดความอยาก สามเณรน้อยถ้าอยากเราให้ไม่ให้เอา ไม่อยากค่อยเอา ท่านเจ้าคุณตรวจบาตรทุกวันนะ ทีนี้ท่านเจ้าคุณตรวจบาตรทุกวันเริ่มดีขึ้น สามเณรก็ดีขึ้น ขยันหมั่นเพียร ช่วยกันทำโน่นบ้างทำนี่บ้าง ท่านเจ้าคุณพาทำความสะอาด ท่านอาจารย์จิตร์พาปลูกต้นไม้ มีอะไรเราก็ช่วยกัน นี่แหละจะได้ติดเป็นนิสัยมาผูกพันตัวเรา แก้ไขตัวเราไม่เกียจคร้าน สร้างความขยันหมั่นเพียรตั้งแต่ตัวน้อยๆ พยายามช่วยกันดูแลความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย อย่าไปทิ้งระเกะระกะ ถุงพลาสติกหรือขวดต่างๆ อย่าไปทิ้งให้ลงน้ำหรือว่าอย่าไปทิ้งตามถนนหนทาง ให้ทิ้งลงถังขยะ เดินผ่านไปเจอก็พยายามเก็บ จะได้มีความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อย ฝึกไปทีละน้อยโตขึ้นไปก็จะได้เก่งๆ

พระเราก็ขยันหมั่นเพียรกัน เจริญสติไปด้วย เอาการเจริญสติกับการกับงาน สังเกต วิเคราะห์ทำความเข้าใจ มีความสุข ความเกียจคร้านของเรามีหรือไม่ มีสติเราพลั้งเผลอได้อย่างไร ใจส่งไปภายนอกได้อย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ขณะทำการทำงานใจของเราสงบนิ่งหรือไม่ เราทำไปเพื่อประโยชน์อะไร เราก็จะได้วิเคราะห์ไปด้วย พิจารณาไปด้วย มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข อะไรเราขาดตกบกพร่องเราก็รีบทำ ทำเพื่อให้เกิดประโยชน์ ไปที่ไหนมีแต่งาน มองเห็นแต่งาน ถ้าเราเข้าใจ จิตใจของเรามีความแข็งกระด้าง เราก็พยายามละความแข็งกระด้าง สร้างความอ่อนน้อม ให้มีให้เกิดขึ้น ยังไม่ครบ 15 วันเลยจะพากันสึกเสียแล้ว กําลังจะทำงานเป็น ช่วยกันขนอิฐขนโน่นขนนี่ ปลูกต้นไม้ ขยันหมั่นเพียร กลางคืนท่านอาจารย์ ท่านเจ้าคุณก็พาเดินจงกรม พาเจริญสติ อยู่ต่อนะถึงสิ้นเดือนเลยนะเอาไหม ไม่สงสารท่านเจ้าคุณหรือ อยู่ด้วยกันแป๊บเดียวจะสึกแล้ว อย่าลืมนะ

ช่วงเที่ยงช่วยเปิดประตูด้วย ก็คงจะมาประมาณสักบ่ายโมง บ่ายโมงหรือบ่ายสองโมง คณะรัฐมนตรีประจำสำนักรัฐมนตรีจะมาเยี่ยมวัดมาชมวัด มากราบไหว้พระ รายงาน มารายงานตัว ทางอะไร คสช. อะไร ทางทหารมาขอนแก่น มาขอนแก่น ก็มารายงานตัว ผมยศโน่นยศนี่อยู่ที่โน่นที่นี่ ดีจังมารายงานตัว ผู้กำกับภาคมาประจำที่นี่ก็มารายงานตัว มาผมมาขอนแก่นแล้ว ทางท่านเจ้าคุณทางกรุงเทพฯ เถรสมาคมก็มาหา แรงบุญที่ไหนก็พากันมาหมดนั่นแหละ

ถ้าไม่แก้ไขตัวใจของเรา ปรับปรุงใจของเรา ทุกคนเกิดมาตายหมด ทุกคนเกิดมาตายหมด ไม่ตายช้าก็ตายเร็ว แต่ยังไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ตายหรอก ให้เรารู้จักตัวเรา แก้ไขตัวเรา ละทิฏฐิ ละมานะ ละอัตตาตัวตนออกให้มันหมด มองเห็นหนทางเดินว่าจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ต่อไปท่านเจ้าคุณนี้ลําบากแล้ว เด็กนักเรียนจะมาเยอะ อบรมเด็กนักเรียนทั้งตัวเล็กตัวน้อยจนกระทั่งถึงตัวโตเข้ามาหา วันนั้นหมอขอเข้ามาที่จะพากันมา มายัง มาแล้วเหรอห้าสิบคน ได้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นแหล่งบุญ แหล่งบุญใหญ่ ตรงไหนเป็นแหล่งบุญ เหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาก็ย่อมจะหลั่งไหลมา เพราะเป็นกฎของธรรมชาติ

ทุกคนก็ปรารถนาที่อยากจะอยู่กับบุญ อยากจะได้บุญ อยากหาทางดับทุกข์ อยากหาทางหลุดพ้น ความอยากนั่นแหละพามา ถ้ามาถึงแล้วท่านก็ให้ละความอยาก ดับความเกิด ให้รู้จักการเจริญสติเข้าไปอบรมใจตัวเรา ปรับปรุงใจตัวเรา เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามหาทางช่วยเหลือตัวเรา จนกระทั่งถึงระดับหลักใจให้มีเครื่องอยู่ เครื่องอยู่ของใจก็คือความบริสุทธิ์ ใจที่ไม่เกิด ใจไม่มีกิเลส ใจที่คลายจากความหลง เขาก็จะว่างเขาก็จะบริสุทธิ์ อำนาจแห่งใจ การสร้างกําลังใจให้หนักแน่น

วิธีการแนวทางนั้นนะ พระพุทธเจ้าท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผยตั้งนาน การพูดง่ายอยู่หรอกแต่การลงมือ การปฏิบัติ การขัดเกลากิเลส ต้องอาศัยความเพียร อาศัยกาลเวลาอาศัยความถูกต้อง ถึงจะถึงจุดหมายปลายทางได้ เขวนิดเดียว ใจมันก็ไม่ถึงจุดหมาย เพียงแค่การเกิดของวิญญาณในกายของเรานั้น เขาก็ไม่นิ่ง เขาก็ไม่เที่ยง คนทั่วไปได้แต่ทำบุญให้ทานก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ การดับความเกิดดับความคิด เอาสติปัญญาไปคิดแทนไปทำหน้าที่แทนเป็นอย่างไร อะไรคือส่วนปัญญา อะไรคือส่วนใจ ใจเกิดอย่างไร ใจหลงความคิดได้อย่างไร กิเลสมาร ขันธมาร จิตมาร ทุกอย่างเลย เราต้องศึกษาด้วยปัญญาให้รู้แจ้งเห็นจริง จนมองเห็นทางทะลุปรุโปร่ง

สามเณรน้อยๆ บางทีก็ร้องห่มร้องไห้ คิดถึงแม่คิดถึงพ่อคิดถึงบ้าน พอมาเจอเพื่อนเราก็เล่นสนุกสนาน ทั้งเณรทั้งหมาน้อยแล้ว ลงกันเล่นน้ำกันไปเล่นน้ำ เด็กเห็นกองทรายก็เล่นทราย เห็นน้ำก็เล่นน้ำ ระวัง ระวังจะจมน้ำนะ ก็ต้องค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ สติปัญญาไม่ใช่จะเร่งเอาอย่างเดียว ปัญญาระดับนี้ วันนี้อาทิตย์หน้าก็ค่อยพัฒนาขึ้นไปเป็นเดือนเป็นปี จนรอบรู้ความเป็นจริง

การขัดเกลากิเลสเป็นอย่างไร ความอดทนอดกลั้นเป็นอย่างไร ตบะเป็นอย่างไร เราอยากเห็นตบะได้ชัดเจน ลองอดคิดลองดูสิ อดคิด อดพูด มันจะคุกรุ่นอยู่ภายในก็ไม่ให้ออกทางวาจานะ ตบะนี่เข้าไปหาตัวใจนะ อยากจะว่าคนอยากจะด่าคนอดๆ ข่มๆๆ เขาเรียกว่าตบะทั้งทางกายทั้งทางใจ มันอยากไปไหนไม่ไปให้มัน อดดับความอยาก มันก็จะนิ่งขึ้นๆๆ ขนาดกายไม่ได้ไป ในใจมันยังวิ่งไปโน่นปู๊ดป๊าดๆๆ บางทีก็เป็นเรื่องบ้าง บางทีก็ไม่เป็นเรื่องบ้าง ก็ฝึกกําลังสติเองเข้มแข็งก็จะเห็นเยอะๆ บางทีมันอดไม่ได้ มันคันปากยุบยิบๆ มันอยากจะพูดๆ

สมัยก่อนช่วงฝึกใหม่ๆ ช่วง 30 ปีก่อน อดพูดอยู่หลายเดือนแต่ใจมันวิ่งอยู่ตลอดเวลา วิ่ง ง่วนอยู่ตลอดเวลา อดทางวาจาแต่ใจมันวิ่ง พอดับข้างในได้ วาจามันก็พูดแล้วทีนี้ สนุกมีความสุข กิเลสตัวไหนจะมาเล่นงานเรา เราแพ้ให้กิเลสกี่เที่ยว ความอยาก บวชเข้ามาใหม่ๆ ละความอยาก อดอาหาร ดับความอยาก พอดับได้สักวันสองวันเท่านั้นแหละ ก็มีเหตุทดสอบ มีพระอยู่ด้วยกันสององค์บวชใหม่องค์หนึ่งกับหลวงพ่ออีกองค์หนึ่งในงานศพ งานศพอยู่บ้านใกล้นากับบ้านโคก เขามานิมนต์ไปงานศพ กิเลสมันเล่นงานเอา พอไปมานิมนต์ในงานศพบ้านใกล้นาเขาเอาของมาถวาย ก็เราบวชนานเป็นเดือนสองเดือน ให้พระบวชวันเดียวก็ของห่อใหญ่ไปถวายพระบวชใหม่ เอาห่อเล็กมาถวายให้เรา เราก็เราบวชก่อนทำไมเราได้ห่อเล็ก ทำไมบวชใหม่ได้ห่อใหญ่ มันทำไมเราไม่ได้ห่อใหญ่ เพียงแค่อยากคิดแค่นั้น เราไม่เอาเลย ดับความอยาก ไม่เอาสิ่งของที่เขาถวายเลยเอาทานต่อเลย ไปงานศพบ้านโคกอีก ไม่เอาอีก มันอยากแค่นั้น เป็นแค่ว่า มันว่าเราบวชก่อนมันอยากได้เยอะกว่า

ไปจุดศพหลวงปู่แหวน เดิน เดินทางไปจากเขาสวนกวาง ขึ้นไปตามเขาขึ้นไปบนภูพาน หลังภูพานนะ ลงทางเมืองเลยขึ้นไปทางนี้ ปีนั้นไปจุดศพหลวงปู่แหวน ไปพักอยู่ดอยนะโม ตอนเช้าก็ออกไปบิณฑบาต ไปบิณฑบาต มันได้ขนมปังก้อนหนึ่งกับผลไม้ มันคิดว่าไม่กลัวไม่อิ่มคิดว่ากลัวไม่อิ่ม แค่นั้นแหละกลับเลย กลับมาเห็นสามเณรนั่งอยู่ตรงที่จะเข้าวัด มันก็เลยยกให้เณรหมดเลย ว่าไม่ต้องให้มันกิน มันกลัวไม่อิ่ม เอากับมันถึงถึงขนาดนั้น มันอยากไม่ให้ไม่เอาให้ ไปบิณฑบาตรอยู่ที่อำเภอพร้าว ไปเจอสาวงาม โอ้แดดก็ส่อง บอกว่าโอ้งามหนอว่าอย่างนั้น ของเต็มบาตร เรียกสามล้อมาเอาหมดเลยให้เอาหมดแล้วไป ให้ไปส่ง บอกให้ไปส่งที่ตรงนั้นตรงนี้ รีบกลับกุฏิเก็บกลดหนีหมดเลย ไม่เอา ไม่ต้องให้มันกินว่าอย่างนั้น ทุกอย่างเลยที่พิจารณา ที่สารพัดอย่างท่านเจอภพภูมิต่างๆ วิญญาณต่างๆ วิญญาณที่มาเล่นงานเราก็หนัก ต่อสู้กันแต่เราไม่สู้เรายอมแพ้ แต่เขาก็ไม่กล้าทำอะไร ทั้งเจอเหตุการณ์ต่างๆ สารพัดอย่าง อดอาหารนี้ทีละ 20 กว่าวันก็มี อาหาร หลับอดนอนนี่ทีละ10 8 9 คืน ทั้งกลางคืนทั้งกลางวันตามดูใจ เอามันทุกอย่าง และยิ่งรู้เราก็ยิ่งเพิ่มความเพียรเป็นทวีคูณ ถ้าจะมาเล่นสนุกสนานกัน เหมือนกับพวกท่านนี่ มันไปไม่ถึงจุดหมายนะ พยายาม

ตั้งใจรับพรกัน

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความระลึกรับรู้สัมผัสทางลมหายใจให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยง เพียงแค่การทำให้ต่อเนื่อง ให้เชื่อมโยงตรงนี้ก็ลําบากก็ยังยากอยู่ ทั้งที่ใจก็ปรารถนาอยากจะได้บุญ ใจก็ปรารถนาอยากจะเข้าถึงธรรม การเกิดของใจ การปรารถนาของใจนั่นแหละคือความไม่นิ่ง ความไม่เที่ยง

เรามาสร้างความรู้ตัวเข้าไปอบรมใจ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิดในหลักธรรมซึ่งท่านเรียกว่าแยกรูปแยกนาม ต้องรู้ เห็นอาการ ต้องแยกให้ได้ คลายให้ได้ ตามดูเห็นความเกิดความดับ เห็นวิญญาณในขันธ์ห้าของเรา ว่าขันธ์ห้าของเรามีลักษณะหน้าตาอาการเป็นอย่างไร ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ ใจเกิดกิเลสขณะเขาก่อตัว เราดับได้ตั้งแต่ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ ถึงไม่เกิดกิเลส ใจส่งไปภายนอกได้อย่างไร เรื่องอะไร เป็นกุศลหรือว่าอกุศล

เราต้องศึกษา เราต้องพิจารณาตามทำความเข้าใจให้เต็มรอบ การเดินปัญญาขั้นสูงไม่ได้ก็ขอให้อยู่ในการสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี เป็นพื้นฐาน เป็นเข้าพกเข้าห่อให้สืบต่อไปในวันข้างหน้า ความจริงนั้นมีอยู่ในกายของเราหมด เราต้องพยายามดูรู้กายของเราให้ได้ รู้ใจของเราให้ได้ อบรมกายวาจาใจของเราให้อยู่ในกองบุญ

อยู่กับสมมติเคารพสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อะไรคือสมมติอะไรคือวิมุตติ เราต้องรู้ต้องถึง ต้องเห็น ต้องทำความเข้าใจ ก็ต้องพยายามมีไม่มาก พยายามสร้างสะสมคุณงามความดีไปให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้ให้เชื่อมโยงให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง