หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 35

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 35
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 35
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 35
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 มีนาคม 2558

มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา สามเณรน้อยตื่นขึ้นมา เราพยายามดูเรา แก้ไขเราอะไรขาดตกบกพร่อง นอนดึกตื่นดึกที่บ้านตามอำเภอใจ มาบวชเป็นพระเป็นชี เป็นเณรก็ต้องมีกฎมีระเบียบในตัวเราเองแก้ไขตัวเราเอง ที่บ้านเคยวิ่งเคยเล่นสนุกสนาน มาอยู่วัดมาบวชเป็นพระเป็นชีก็ต้องแก้ไข ยิ่งสามเณรพยายามแก้ไขปรับปรุงตัวเราให้อยู่ในความเป็นระเบียบ จากน้อยๆ ไปหามากๆ ค่อยพัฒนาไปเรื่อยๆ จากคนขยันหมั่นเพียร จะได้ติดตามตัวเราไปในวันข้างหน้า หนักเอาเบาสู้

เห็นว่าพากันนอนอยู่ที่เต็นท์หรือที่ศาลา นอนเต็นท์อยู่ที่สวนมะลิวัลย์นะ ได้เปรียบพระชีนะ กลางคืนก็ได้กลิ่นหอมดอกไม้หลายๆ นานาพันธุ์ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ได้ชมดอกซากุระ เต็มต้นเต็มสวนไปหมด ใครยังไม่ได้เห็นสวนมะลิวัลย์ ต้นดอกกัลปพฤกษ์หรือต้นซากุระเมืองไทยออกดอกก็ไปดูนะ เดี๋ยวดอกไม้ร่วงเสียก่อนไม่เห็นความสวยงาม ทั้งดอกซากุระ ทั้งดอกชมนาด ดอกการะเวก ดอกกระดังงาลนไฟ ไม้ดอกสารพัดอย่างหอมกรุ่น อยู่ในสวนมะลิวัลย์

อำนาจแห่งบุญจนได้เป็นสวน อีกสักหน่อยก็แสงแดดส่องไม่ถึง ต้นไม้ขึ้นปกคลุม ให้ความร่มรื่นร่มเย็น ไปนั่งภาวนา นั่งเจริญสติอยู่ใต้ร่มไม้ ถึงเวลาก็ทำการทำงาน ทำโน่นบ้าง ทำนี่บ้าง ว่างๆ ก็พากันปลูกต้นไม้ ปลูกต้นวาสนากัน ไล่ปลูกที่โน่นที่นี่ ถ้าโตขึ้นมาออกดอกก็จะหอมกรุ่นไปทั่วป่า นี่แหละเป็นการสร้างอานิสงส์สร้างบุญบารมีกัน ไม่ใช่ว่าจะไปนั่งหลับตาอย่างเดียว

เราต้องพยายามให้ใจของเราสงบ ปราศจากการเกิด ปราศจากกิเลสให้ได้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย ขณะทำการทำงาน สติต้องดูรู้ รู้ใจของตัวเรา อบรมใจของตัวเรา ถึงเราเดินปัญญาขั้นสูงดับกิเลสละกิเลสไม่ได้เด็ดขาด ก็จะเป็นพื้นฐานในการขัดเกลา ในวันข้างหน้าก็ต้องถึงจุดหมาย ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็วพยายามสร้างเอา

กายเนื้อแตกดับแล้วก็วิญญาณก็ไปต่อ วิญญาณในกายของเรานี่แหละ ไม่ใช่วิญญาณที่อื่นหรอก วิญญาณหรือว่าใจของเรานี่แหละ เขาเกิดอย่างไรเขาปรุงแต่งอย่างไร ความเป็นอยู่ในระดับสมมติ เขามีเพียบพร้อมรึเปล่า กายของเราก็ยังต้องการปัจจัยสี่ นี่เราก็ต้องดูแลรักษาทำความเข้าใจ บริหารเข้าไปให้ดีให้ถูก คนเรามาด้วยแรงบุญมาด้วยแรงกรรม กายของเรานี่แหละก้อนกรรม

ญาติโยมทั้งใกล้ทั้งไกลก็พากันมา มาแล้วก็มีความสุขมีจิตที่เป็นบุญ อยากจะละกิเลส เราก็ต้องคอยมาฝึกฝนมาขัดเกลามาละ การเจริญสติ การเจริญสมาธิ การทำความเข้าใจตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลานะ ไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา เราต้องเจริญสติอยู่ตลอดเวลาจนเอาไปใช้ละกิเลสควบคุมใจ อบรมใจของเราได้จนไม่ได้ฝึก จนเป็นอัตโนมัติ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ขับถ่าย

ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียรจริงๆ ถึงจะดับความเกิดได้ ละกิเลสได้ ขัดเกลาตัวเองได้ เราก็ขัดเกลาได้อยู่ แต่มันขัดไม่หมด มันมีแต่ขัดเพิ่ม มีแต่อยากได้บุญอยากได้ธรรม ความอยากนี่ก็เพิ่มแล้ว แต่ก็เป็นเพิ่มในทางกุศลในทางที่ดี ในหลักธรรมท่านก็ให้ทั้งละความอยากละความหวัง แต่การกระทำด้วยสติด้วยปัญญา การเห็นเหตุเห็นผลด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญาตรงนี้แหละที่เรายังไม่เข้าใจ

มีให้เป็น ทำให้เป็น เอาให้เป็น จัดระบบระเบียบของกายของวาจาของใจ ของเราให้เรียบร้อย ระบบระเบียบของสมมติ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้สวยให้งาม ให้เป็นระเบียบ มีหลายสิ่งหลายอย่าง ที่พวกเราช่วยกันแก้ไขกัน แม้แต่สมมติภายนอกเราก็พยายามทำให้ดี ไม่มีใครอยากจะลําบากไม่มีใครอยากจะตกไปสู่ที่ต่ำ ก็พยายามแก้ไข แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา อยู่ตลอดเวลา อานิสงส์ผลบุญผลทานบังคับกันไม่ได้ บางคนก็สร้างมามาก บางคนก็สร้างมาน้อย บางคนก็มาสร้างใหม่ บางคนก็มีเพียบพร้อมทั้งสมมติวิมุตติ บางคนก็มีเพียบพร้อมสมมติ วิมุตติไม่เข้าใจ บางคนก็มีทำความเข้าใจได้แต่สมมติลําบากแล้วก็ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยพัฒนาให้ได้ทั้งสองอย่าง

มีความสุขในชีวิตของตัวเรา อะไรไม่ดีก็รีบแก้ไขล้มแล้วลุกขึ้นใหม่ แก้ไขใหม่มีไม่เยอะ มีไม่มาก ถ้าคนเรารู้จักตัวเราแก้ไขตัวเรา วันที่ 5 ที่ 4 หรือที่ 5 เมษายน ก็จะได้บวชพระ บวชนาคอีกสามสิบกว่า ตามคณะดร.วรภัทร ภู่เจริญกับบริวารจะพากันมาบวช บวชมาทำความเข้าใจกับชีวิต มีโอกาสก็ได้มาอนุโมทนาบุญร่วมกัน

ตั้งใจรับพร

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเรื่องการละกิเลส เรื่องการแยกรูปแยกนาม เรื่องการเดินปัญญานั้นเอาไว้ทีหลัง ขอให้รู้จักการเจริญสติให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง แล้วก็รู้จักควบคุมใจของเราให้ได้จนกว่ากําลังสติของเราจะเร็วไว ให้รู้จักพิจารณาแก้ไขเหตุการณ์ เห็นรู้เห็นทำความเข้าใจได้ นั่นแหละถึงจะพิจารณาตามทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริงได้

แต่เวลานี้กําลังสติเรามีอยู่นิดเดียว อาจจะมีอยู่บ้าง แต่มันไม่ต่อเนื่อง ไม่ต่อเนื่องเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ เพราะความคิดเก่า ปัญญาเก่า อาจจะมีอาจจะอยู่ในบุญในกุศลอยู่ แต่เขายังเกิดอยู่ เขายังหลงอยู่ในความรู้ตรงนั้นอยู่ ก็ต้องพยายามเอา ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ

ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ ความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ ถ้าเราทำให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ว่าแต่ก่อนนั้นสติรู้ตัวตัวนี้เราไม่ค่อยจะเยอะเลย จะเอาไปใช้การใช้งานได้อย่างไร วันหนึ่งมีกี่นาที นาทีหนึ่งมีกี่วินาที นาทีหนึ่งชั่วโมงหนึ่งมีเท่าไรความรู้ตัวของเรามันมีสักกี่ครั้ง จะเอาไปแก้ไขกับความคิดเก่าปัญญาเก่าที่เขาเกิดมาตั้งนาน หลงมาตั้งนาน เราก็ต้องมีความเพียร เพียงแค่สร้างกระทำให้ต่อเนื่องแล้วเอาไปใช้ เอาไปวิเคราะห์ ไปพิจารณา ยิ่งเจริญสติมากเท่าไร เรายิ่งเห็นกิเลสในกายในใจของเราเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรยิ่งทำความเข้าใจ เราก็ค่อยละ แล้วก็อยู่ด้วยปัญญา

พยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง