หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 19

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 19
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 19
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2558 ลำดับที่ 19
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558

มีความสุขกันทุกคน ดูดีๆ นะ พระเราชีเรา อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง พิจารณาปฏิสังขาโย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา รู้กาย รู้ลมหายใจเข้าออก แล้วก็รู้ใจ จะลุกจะก้าวจะเดิน จนกระทั่งถึงเวลานี้ เดี๋ยวนี้ กายรู้ส่วนของรูป รู้ส่วนของนาม รู้ส่วนของวิญญาณในกายของตัวเรา พิจารณาอบรมใจทุกเรื่อง กายทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำหลัง ภารกิจใกล้ ภารกิจไกล เราต้องดู พิจารณา

รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในโลกธรรม รอบรู้ในดวงใจของตัวเราเองอยู่ตลอดเวลา หมั่นพร่ำสอนใจของตัวเราเอง ใจเกิดกิเลสก็รู้จักหยุด รู้จักดับ ใจส่งไปภายนอกก็รู้จักควบคุม ดำเนินสติปัญญา ปัญญาฝ่ายทำความเข้าใจ ปัญญาฝ่ายเกิด ปัญญาฝ่ายดับ ปัญญาที่เกิดจากใจ ปัญญาที่เกิดจากขันธ์ห้ากับใจ ปัญญาที่เกิดจากส่วนสมอง หรือว่าปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ส่วนสติส่วนบน ดูให้ดีๆ ให้กายของเราหิวหรือว่าใจของเราเกิดความอยาก

วันนี้ ช่วงประมาณสัก 3 โมงเช้า ทางเทศบาลมาแจ้งบอกว่าจะมาฉีดยาไรไก่ มาฉีดยาให้ ว่าไรไก่มันเยอะบอกว่าอย่างนั้น จะมาฉีดยาให้ตามป่าตามอะไรต่างๆ ให้ทุกคนเก็บข้าวของปิดให้มิดชิดด้วย ปิดให้มิดชิดเพราะว่าทางเทศบาลจะเอาเครื่องมาฉีดมาพ่น บางทีก็อาจจะเกิดกับข้าวกับปลา หรือว่าของใส่กับข้าวกับปลา ก็พยายามเก็บให้มิดชิด จะได้ไม่โดนยา ไปฉีดไปทั่วป่านั่นแหละเพราะว่าไก่เยอะบอกว่าอย่างนั้น ฉีดกำจัดไรไก่จะได้ไม่ได้เกิดโรค ก็ป้องกันเอาไว้ มันไม่มีอะไรหรอก ก็ป้องกันเอาไว้ แต่เชื้อโรคตัวในใจของเรานะโรคร้าย ที่มันเกิดๆ ดับๆ ที่มันวิ่งเกิดอยู่ตลอดเวลา ตัวนี้สำคัญ ไปพยายามแก้ไขโรคภายใน พยายามละ พยายามดับ พยายามทำความเข้าใจกัน

แต่ละวันๆ พระเราก็เยอะ ชีเราก็เยอะ ฆราวาสญาติโยมมาเที่ยวอีก ฆราวาสญาติโยมมาอาศัยที่วัดอีก ก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียร มีอะไรก็ช่วยกัน ความสะอาด ความเป็นระเบียบ ความเสียสละ การฝักใฝ่ การสนใจ ถ้าเราไม่ช่วยกัน ก็ไม่มีใครที่ไหนจะช่วยกันหรอก ก็คนที่อยู่ด้วยกันนี่แหละช่วยกัน ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ความเป็นอยู่ ดูแลความสะอาด ความเป็นระเบียบ คนทั่วไปนั้นชอบรักสะอาดแต่ชอบสกปรก มาทิ้งมันเกลื่อน ไปเห็นมีตั้งแต่ความเห็นแก่ตัว มีแต่ความเห็นแก่ได้ ดูแลรักษาความสะอาดไม่ค่อยจะมี เพียงแค่ระดับของสมมติ ก็ไม่รู้จักรักษา กายก็ปล่อยเลยตามเลย วาจาก็ปล่อยเลยตามเลย ใจก็ยิ่งยากเข้าไปอีก มันก็เลยห่างไกลธรรม ทั้งที่แสวงหาธรรม

ในเมื่อพวกเราได้มาอยู่ร่วมกัน ก็พยายามสร้างความรับผิดชอบ ความตระหนี่เหนียวแน่น ละความเห็นแก่ตัว มีความขยันหมั่นเพียร ฝึกฝนตนเอง แก้ไขตัวเราเอง แก้ไขใจของเราอยู่ตลอดเวลา ให้รู้ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย สมมติก็ไม่ได้ลําบากอะไรมากมาย แต่ก็รู้จักประหยัดมัธยัสถ์ ไม่ใช่ว่าฟุ่มเฟือยใช้สุรุ่ยสุร่าย ยิ่งฟืนไฟก็รู้จักประหยัด สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ก็รู้จักให้ใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าใช้แล้วเอาไปทิ้งไปทั่ว ใช้การไม่ได้ กว่าจะได้มาแต่ละชิ้นแต่ละอันนี่ลําบาก

เราอยู่ด้วยแรงบุญ แรงศรัทธาของฆราวาสญาติโยม เราก็ต้องรู้จักคุณค่า รู้จักแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ส่วนรวม ในหลักธรรมแล้วประโยชน์ส่วนตัวนี่พยายามกําจัดออกให้หมด ให้เหลือตั้งแต่ประโยชน์ส่วนรวม เราก็พลอยได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่เราทำอยู่แล้ว พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา มีความเสียสละ อดทนอดกลั้น ทั้งภายนอกภายใน อดทนอดกลั้นต่อกิเลสตัวเรา กิเลสข้างนอก กิเลสภายในใจของเราก็แก้ไขกันไป พยายาม

กิเลสภายในนี่เป็นหน้าที่ของตัวเราเองทุกคน ปัญหาภายในใจของเรา ยังเหลือปัญหาข้างนอกที่ทับถมเข้ามาก็แก้ไขกันไป แต่ละวันๆ ปัญหาภายในก็ต้องแก้ ปัญหาข้างนอกก็เข้ามา ก็ช่วยกันแก้ไขกันไป กิเลสภายในนี่ก็ยากแสนยาก ทั้งสมมติทั้งมีวิมุตติ ยังจะมาเกียจคร้านก็ช่วยเหลือไม่ได้ ก็ต้องขยัน ขยันทำความเข้าใจกันเอา เหตุเกิดขึ้นที่กายหรือว่ากิเลสเกิดขึ้นที่ใจ เหตุจากภายในหรือว่าเหตุจากภายนอก ต้องตามดู ตามรู้ ตามเห็น ตามทำความเข้าใจให้ได้ทุกเรื่อง อะไรขาดตกบกพร่องก็รีบแก้ไขเสีย เราจงพยายามฝึกฝนตนเอง ช่วยเหลือตัวเอง แก้ไขตัวเอง แล้วก็แก้ไขในภาพรวม อยู่คนเดียวก็จะมีความสุข อยู่หลายคนก็จะมีความสุข

ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ ใช้ตัวเองไม่เป็น แล้วอย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนจนปากเปียกปากแฉะ มันก็ไม่เอาหรอกถ้าคนไม่เอา ถ้าคนจะฝึก ถ้าคนจะดูจะรู้ ฟังนิดเดียว แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา อะไรที่จะเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์ มาคนเดียว ไปคนเดียว แต่คนทั่วไปชอบจับกลุ่มเป็นกลุ่มเป็นก้อน จะฝึกจะปฏิบัติอะไรก็ให้คนบังคับ ให้คนพาทำ มันก็เลยยาก ต้องขยัน ต้องแก้ไขปรับปรุงตัวเราถึงจะถูก

อยู่ที่ไหนก็เป็นวัด ถ้าเราเข้าใจ ถ้าเรารู้จักดูพิจารณาตัวเอง การฝึกหัดปฏิบัติจะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหน จุดหมายก็เพื่อละกิเลสออกจากใจของตัวเรา ใจของเราเกิดอย่างไร ใจของเราหลงอะไร อะไรคือรูป อะไรคือนาม พระพุทธองค์ท่านสอน ชี้เหตุชี้ผลให้เราปฏิบัติตาม ให้มีปรากฏขึ้นที่ใจของตัวเรา ปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้ ก็พยายามเอา

ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ หยุดกายของเรา นั่งให้สบาย วางกายให้สบาย หยุดใจของเรา ในการนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้ เราก็รู้จักการเจริญสติ เราก็รู้จักการควบคุมใจของตัวเราเอง ฟังไปด้วย ลองน้อม ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจมายาวๆ เราพยายามหัดสร้างความรู้ตัวตรงนี้ให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่

ตั้งแต่เราเกิดมาเราก็หายใจแล้ว แต่เราขาดการทำความเข้าใจว่า การหายใจเข้า หายใจออก เขาเรียกว่า อานาปานสติ มีความรู้ตัว รู้กาย อันนี้รู้ส่วนรูป สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ ถ้าต่อเนื่องเขาก็จะเข้าไปทำความเข้าใจกับตัววิญญาณในกายของเรา ว่าวิญญาณในขันธ์ห้ามีอะไรบ้างซึ่งเป็นส่วนนามธรรม ไอ้ส่วนรูปธรรมนี้มีอยู่หนึ่ง ส่วนนามธรรมมีอยู่ 4 ส่วน

ทำไมใจถึงเกิดความอยาก ทำไมใจถึงปรุงแต่งส่งไปภายนอก ทำไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส เราพยายามดูแลค้นคว้าให้ต่อเนื่อง รู้เห็นความเป็นจริง เห็นเหตุเห็นผล เข้าใจในคําสอนของพระพุทธองค์ น้อมเข้าไปไว้ที่ใจของเรา จะอยู่ จะมา จะไป ก็เป็นเรื่องของปัญญา แต่เวลานี้กําลังสติกําลังปัญญาของเรายังเอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ มีตั้งแต่ปัญญาของสมมติที่เราศึกษาเล่าเรียนมา ผสมโรงกันกับความทะเยอทะยานอยากของตัววิญญาณอีก เขาก็เลยปิดกั้นตัวเขาเอาไว้เสีย ขันธ์ห้า อาการของขันธ์ห้าก็มาปิดกั้นตัววิญญาณเอาไว้

นอกจากบุคคลที่มีความเพียรที่ถูกต้อง นอกจากบุคคลที่มีความเพียรในการขัดเกลากิเลสตัวเราเอง สร้างตบะสร้างบารมี จิตใจก็จะเบาบางได้เร็วได้ไว จะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องปัญญา ทำมากทำน้อย เอามากเอาน้อย ก็อยู่ด้วยพรหมวิหาร อยู่ด้วยความเมตตา ทุกสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบเอามาเปิดเผยท่านเอามาจําแนกแจกแจง ถ้าบุคคลใดที่รู้ที่เห็นทำตามความที่ถูกต้องแล้วน้อมนํามาพิจารณาเปรียบเทียบดู จะเห็นความเป็นจริง หมดทุกอย่างเลย หมดความสงสัย หมดความลังเล พยายามรีบทำ

อย่าเอาทิฏฐิมานะปัญญาของโลกมาตัดสิน อันนี้ตัดสินไม่ได้ นอกจากบุคคลที่รู้ด้วย เห็นด้วย แยกแยะได้ด้วย มีความเป็นกลาง ความว่างเป็นเครื่องตัดสิน ไม่เข้าข้างตัวเองเข้าข้างคนอื่น นั่นแหละ เราก็จะมองเห็นความถูกต้อง ทั้งวิมุตติทั้งสมมติ อะไรคือโลกอะไรคือธรรม ธรรมกับโลกก็อาศัยกันอยู่ กายของเรานี่แหละก้อนโลก ใจของเรานี่แหละองค์ธรรม แต่เวลานี้ใจของเรายังเป็นโลกอยู่ เรามาปรับสภาพใจของเราคลายความหลง แยกรูปแยกนามให้ใจตกกระแสธรรม แล้วละกิเลสดับความเกิดของใจ ให้ใจอยู่ในกระแสธรรมให้ได้ ขณะเรายังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องพยายามกันนะ

สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี สักนาที 2 นาทีก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

พากันไหว้พร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง