หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 42 วันที่ 03 ธันวาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 42 วันที่ 03 ธันวาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 42 วันที่ 03 ธันวาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 42
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 3 ธันวาคม 2559

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจ ที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราได้สร้างความรู้ตัว ได้สํารวจใจสํารวจกายของเราแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่ม ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ

พยายามหัดวิเคราะห์ หัดสร้างความรู้ตัว หรือว่าเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ใจของตัวเรา อบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ทําไมใจถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง ทําไมใจถึงเป็นทาสของกิเลส อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม เราต้องพยายามหัดสังเกตสร้างความรู้ตัวขึ้นมา ส่วนศรัทธานั้นมีกันเต็มเปี่ยมกันหมดทุกคน ศรัทธาแล้วก็เจริญสติให้เกิดปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ไม่ใช่ว่าศรัทธาแบบหลงงมงาย เจริญสติก็ไม่รู้จักลักษณะของสติ ไม่รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ ปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จักอะไรคือตัวธรรม อะไรคือใจ

คําสอนของพระพุทธองค์มีมานาน สอนเรื่องชีวิตของเรา การเกิดการดับของจิตวิญญาณในขันธ์ห้าเป็นอย่างไร การแยกรูปแยกนามเป็นอย่างไร คําว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง รู้แจ้งเห็นจริงของพระพุทธองค์นั้นหมายถึงรู้แจ้งเห็นจริง คลาย แยกรูปแยกนาม รอบรู้ในกองสังขารในวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า เห็นการเกิดการดับของวิญญาณ รู้เห็น ทําความเข้าใจ พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนลงที่ไตรลักษณ์ ลงความว่างหมด

แต่เวลานี้กําลังสติของเรามีไม่เพียงพอ อาจจะมีบ้างกระท่อนกระแท่น เราไม่พยายามเจริญให้มีให้เกิด ให้เข้มแข็ง แล้วก็เอาไปใช้ แต่ละวันๆ อบรมใจของเรา ใจของเรามีความเกียจคร้าน หรือว่าใจของเรามีความโลภ มีความโกรธ หรือว่าใจของเราเกิดปรุงแต่งส่งไปภายนอกได้อย่างไร สาเหตุแห่งทุกข์เป็นอย่างไร เราต้องพิจารณาตัวเอง แก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนไม่มีอะไรที่จะไปแก้ไข จนประคับประคองทําความเข้าใจสมมติ

กายของเรานี่แหละก้อนสมมติไม่ใช่อะไร ถ้าสอนเราไม่ได้ก็อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนจะไม่เกิดประโยชน์ เราเจริญสติเข้าไปหมั่นพร่ำสอนใจของตัวเรา ใจของเรานี่สอนได้ บอกได้ แก้ไขได้ ถ้าเขารู้ความจริง แต่เวลานี้เขายังหลงอยู่ ทําไมถึงว่าหลง เพราะว่าการเกิดนั่นแหละคือความหลงอันลุ่มลึก เกิดปรุงแต่ง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ในภพของมนุษย์ มีกายเนื้อห่อหุ้มเอาไว้ มีขันธ์ห้าซึ่งเป็นส่วนรูปส่วนนามปิดกั้นเอาไว้ แถมใจยังเกิดต่อ ยังปรุงแต่งต่อ ยังเป็นทาสของกิเลสอีก

เราต้องมาเจริญสติลงที่กายของเราให้ได้ ให้รู้เท่ารู้ทัน รู้จักทําความเข้าใจ จนใจของเราคลายหมดจากขันธ์ห้าแยกรูปแยกนามได้ ตามดูรู้เห็นความเป็นจริงได้ ว่าอะไรควรละ อะไรควรจะเจริญ กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสละเอียดเป็นอย่างไร มลทิน นิวรณธรรมเป็นอย่างไร มีอยู่ในกายของเราหมด ขอให้เราทําความเข้าใจให้ปรากฏ อันนี้ส่วนเจริญสติ

การเจริญสติก็เพื่อที่จะเข้าไปอบรมใจ ทําความเข้าใจสมมติวิมุตติ อัตตาอนัตตา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า เราจะละกิเลสอย่างไร ใจเกิดความโลภ เราก็พยายามคลาย พยายามละความโลภ ใจเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ ให้อภัยทานอโหสิกรรม ยิ่งจิตวิญญาณนี้เป็นของละเอียด ถ้าเราไม่ทําความเข้าใจให้ต่อเนื่องจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ

แนวทาง ตำรา ครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทางให้ เราต้องพยายามไปฝึกไปทําความเข้าใจ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย การจําแนกแจกแจง แยกแยะดูสิ ความอยากความหิวเป็นอย่างไร กายทําหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทําหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลก สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร ถ้าเราสอนเราไม่ได้ก็อย่าไปให้คนอื่นเขาสอน ไม่เกิดประโยชน์

เราพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเรา ความเป็นระบบระเบียบทั้งภายนอกภายใน หมั่นศึกษา หมั่นค้นคว้าทําความเข้าใจ คําว่าศีล สมาธิ ปัญญาเป็นลักษณะอย่างไร ต้องพยายามทําความเข้าใจ ทําความจริงให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทาง คือความบริสุทธิ์ความหลุดพ้น มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ทั้งเหล่ามนุษย์ ทั้งเหล่าเทวดาที่มีกายเนื้อ ทั้งไม่มีกายเนื้อ เรามาร่วมกันสร้างประโยชน์ ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุด ประโยชน์ฝากเอาไว้ให้กับแผ่นดิน ประโยชน์ฝากเอาไว้ในใจของเรา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน

พยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทําใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจเข้าหายใจออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทําความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง