หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 19 วันที่ 16 ตุลาคม 2559

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 19 วันที่ 16 ตุลาคม 2559
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 19 วันที่ 16 ตุลาคม 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 19
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 ตุลาคม 2559

มีความสุขกันทุกคน วันนี้ญาติโยมของเราพากันมาทำบุญกันเนื่องในวันออกพรรษากันเยอะทั่วประเทศ มีโอกาสก็ได้มาร่วมบุญ มาสร้างบุญสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้นกับใจของเรา อะไรที่จะเป็นคุณงามความดีให้เรารีบทำ รีบทำความเข้าใจ หมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกตจิตใจของเรา การเกิดการดับของใจ การเกิดการดับของความคิด อะไรคือส่วนรูป อะไรคือส่วนนาม เจริญสติ ลักษณะของสติ

อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง นั่งอยู่ก็รู้ใจ รู้ลมหายใจ หมั่นสังเกต หมั่นทำความเข้าใจ อะไรคือกุศล อะไรคืออกุศล อะไรสิ่งที่ควรดำเนิน อะไรคือเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์สมมติ ประโยชน์วิมุตติ เราพยายามศึกษาค้นคว้า สร้างคุณงามความดีให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ทุกเรื่องในชีวิตของเรา

การเกิด การดับ ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจของเราถึงหลง เราแยกรูปแยกนามไม่ได้ เราถึงไม่เข้าใจว่าความหลง ใจเข้าไปหลงเข้าไปรวมกับขันธ์ห้าเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งต่างๆ มีตั้งแต่ปัญญาของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบ การเจริญสติ การเจริญพรหมวิหาร การสร้างบารมี การขัดเกลากิเลส

คําว่ากิเลสเป็นลักษณะอาการอย่างไร หน้าตาอย่างไร เรารู้ตั้งแต่ชื่อ เราเห็นตั้งแต่เมื่อเขาเกิดแล้ว ความโลภ ความโกรธ ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งความไม่อยาก กิเลสหยาบกิเลสละเอียดซึ่งมีอยู่ในกายในใจของเรา

สภาวะเดิม ใจของทุกคนนั้นสะอาดบริสุทธิ์ ความไม่เข้าใจ ความหลง หลงเกิด หลงเกิดอยู่ในภพน้อยอยู่ในภพใหญ่ จนกระทั่งมาเกิดในภพของมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวใจเอาไว้หรือว่าตัววิญญาณ ขันธ์ห้า กองทั้งห้า ทั้งห้ากอง กองห้าขันธ์ห้าที่เป็นที่เรียกว่า เป็นกองเป็นขันธ์ ที่พวกเราได้ทำวัตรสวดมนต์กันทุกเช้าทุกเย็น ก็เรื่องกาย เรื่องรูป เรื่องนาม เรื่องจิตวิญญาณของเรานี่แหละ สวดมนต์ทำวัตรน้อมดูใจ ให้รู้ ให้เห็น ให้เข้าใจ แล้วก็ทำความเข้าใจ

คําว่าอัตตา อนัตตา ของพระพุทธองค์เป็นอย่างไร การเกิดใจส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร ความคิดซึ่งเป็นลักษณะของนามธรรมจะมองด้วยตาเนื้อมองไม่เห็น เราต้องสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงจนเอาไปวิเคราะห์ จนรู้เท่าทันใจ รู้การเกิดการดับของใจ รู้การคลายของใจออกจากความคิด ซึ่งเรียกว่า แยกรูปแยกนาม สัมมาทิฏฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริงเปิดทางให้ วิปัสสนาญาณเริ่มปรากฏ

การตามดู การรู้ การเห็น การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของความคิดเขาเรียกว่าเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า ส่วนวิญญาณนั้นหรือว่าใจนั้น ว่าง รับรู้อยู่ เราต้องรู้ให้ชัดเจน อะไรคือปัญญา อะไรคือใจ อะไรคืออาการของใจ ถึงจะรู้เรื่องความว่าง เป็นกอง กองรูป กองนาม กองสังขาร กองวิญญาณ ให้เห็นชัดเจน ให้เห็นชัดแจ้ง

ท่านว่าไม่มีตัวมีตน แต่ตัวตนก็ตามที่เรามองเห็นก็คือร่างกาย อัตภาพร่างกายของเราก็มองเห็นเป็นตัวเป็นตนอยู่ เป็นตัวเป็นตนในทางสมมติ เป็นโน่นเป็นนี่เป็นหญิงเป็นชาย ในหลักธรรมแล้วท่านก็มองให้เห็นเป็นสภาพสภาวะธรรม เกิดขึ้นจากประชุมกันเข้าของดิน น้ำ ลม ไฟ แล้วก็มีวิญญาณหรือว่าตัวใจที่มาหลงมายึดว่าเป็นตัวตนของเรา ก็เลยเกิดความทุกข์ ใจก็เลยทุกข์ ใจก็เลยหนัก กายก็เลยหนัก

ท่านให้วิเคราะห์พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง เห็นความเกิดขึ้น เห็นความตั้งอยู่ เห็นความดับไป ทั้งทางรูปทั้งทางนามธรรม ทางรูปกายของเรานี่แหละเขาเรียกว่า ก้อนรูป ก็มีความเสื่อม มีความเสื่อมมีความสลาย ไม่ว่าจะยากดีมีจน ไม่ว่าจะเป็นปุถุชนหรือพระมหากษัตริย์ ดังที่พระเจ้าอยู่หัวของพวกเราได้สวรรคต ถึงจะเป็นพระเจ้าอยู่หัว ถึงจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินก็ไม่อาจที่จะอยู่เหนือกฎของไตรลักษณ์ กฎของความเป็นจริงได้ ถึงวาระเวลาท่านก็ได้จากไป ขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ท่านก็ยังประโยชน์ให้กับมหาชน ให้กับประชาชนของท่านมากมาย

พวกเรามีโอกาสได้มาร่วมมาช่วยกัน สร้างคุณงามความดีตอบแทนบุญคุณของท่าน ที่ได้มาอาศัยแผ่นดินซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ในพระบรมโกศ ก็มาสร้างคุณงามความดีตอบแทนบุญคุณแผ่นดินตอบแทนบุญคุณของท่าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนระลึกนึกถึงคุณงามของความดีของท่านที่ได้สร้างเอาไว้ ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน ฝากเอาไว้ในประชาชนของท่าน ท่านได้พาประพฤติปฏิบัติชักนําชี้แนะแนวทางวิธีการให้ประชาชนได้อยู่ดีมีความสุข จนกระทั่งถึงวาระเวลาของท่าน ท่านก็ได้สวรรคตได้จากพวกเราไป

ในการสร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างอานิสงส์ของท่านก็ได้สร้างมามากมาย พวกเรามีโอกาสก็ได้มาทำบุญตอบแทนคุณของแผ่นดิน ตอบแทนคุณของพระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา เย็นนี้มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องเรามาร่วมกันเวียนเทียน ไหว้พระสวดมนต์ ระลึกนึกถึงแผ่ส่วนบุญกุศลถึงพระเจ้าอยู่หัวซึ่งอยู่ในพระบรมโกศของพวกเรานะ มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องทุกคน การสร้างคุณงามความดี สร้างได้ตลอดเวลา

ทุกลมหายใจเข้าออก ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา การวิเคราะห์ใจ การสำรวมกายใจ สำรวมวาจา สำรวมใจ การสังเกตการวิเคราะห์ การขัดเกลากิเลสออกจากจิตออกจากใจของพวกเรา กิเลสหยาบเป็นอย่างไร กิเลสส่วนนามธรรมก็มีเหตุมีผล สมมติก็มีเหตุมีผล แต่เราเข้าไม่ถึงเหตุถึงผล เราอาจจะเห็นเหตุเห็นผลอยู่ในระดับของสมมติ ในระดับของหลักธรรมของปัญญาแล้ว เราต้องเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ เข้าไปจําแนกแจกแจง จนเห็นความไม่เที่ยงของขันธ์ห้า ของความคิด ของอารมณ์ รู้ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่เป็นสมาธิเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างนี้ ต้องรู้ด้วย เห็นด้วย ทำความเข้าใจได้ด้วย จนใจยอมรับความเป็นจริง

การปล่อย การวาง วางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ถ้าใจไม่คลาย ใจไม่ได้ทำความเข้าใจ สติปัญญาชี้เหตุชี้ผลไม่ได้ ใจก็ไม่ยอมรับความเป็นจริง เพราะว่าเขาเกิดมานาน เขาหลงมานาน เราจะให้เขาปล่อยเขาวางแค่นาที 2 นาที เป็นไปไม่ได้ เราต้องค่อยเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสของกิเลสเขาก็ไม่เอา ถ้าเขาถึงความบริสุทธิ์

เพียงแค่การเกิดของความคิดเขาก็ปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเขาเอาไว้ มาสร้างขันธ์ห้าคือมาสร้างอัตภาพร่างกายของเรานี่แหละปิดกั้นตัวใจเอาไว้ หลังจากมีร่างกายเจริญเติบโตขึ้นมา การเกิดการดับของใจก็ยังเกิดต่อ ความคิดของเรานั่นแหละก็ยังเกิดต่อ เกิดไปแล้วก็เป็นทาสของกิเลสอีก เป็นทาสของความโลภ ความโกรธ ความทะยานทะยานอยาก ทั้งความอยากทั้งความไม่อยาก ตราบใดที่มีการเกิดของใจนั่นแหละก็คือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด

ทำอย่างไรเราถึงจะเจริญสติเข้าไปดู รู้ทันตั้งแต่ต้นเหตุของการเกิด เข้าไปอบรมใจของเรา เข้าไปคลาย สังเกตวิเคราะห์จนใจคลายออกจากความคิด คลายออกจากขันธ์ห้าว่าเป็นเรื่องอะไร ตรงนี้ก็ถ้าไม่มีความเพียร เพียรจริงๆ ก็ยากนะ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียร ความเพียรเป็นเลิศ เป็นบุคคลที่มีการฝักใฝ่สนใจ วิเคราะห์สังเกต แต่ละวันๆ ใจของเราไปอย่างไรมาอย่างไร ความอ่อนน้อมถ่อมตนของใจของเรามีหรือไม่ ทิฏฐิมานะ ความเห็นแก่ตัว การขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา อบรมใจของเราให้อยู่ในพรหมวิหาร ให้อยู่ในความอ่อนน้อมถ่อมตน ขัดเกลากิเลสออกจากจิตจากใจของเรา ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่กิน ไม่เห็นแก่นอน

คําสอนของพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบมานาน ท่านเอามาเปิดเผย เราต้องพยายามยังคําสอนของท่านให้ปรากฏ ให้รู้ ให้เห็นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ อย่าไปเชื่อแบบหลงงมงาย การเจริญสติก็ไม่รู้จักลักษณะของสติ การปฏิบัติธรรมก็ไม่รู้จักลักษณะของธรรม เราจะเข้าถึงได้อย่างไร เราต้องรู้จักลักษณะของการเจริญสติ ความสืบต่อความต่อเนื่อง การเอาไปใช้การใช้งาน อบรมใจของตัวเองอยู่ตลอดเวลาจนเป็นอัตโนมัติ ในการดู ในการรู้ ในการทำความเข้าใจว่าอะไรถูกอะไรผิด เราก็จะเข้าถึง

เราการดำเนินการปฏิบัติของเรามี ที่ถูกที่ถูกทาง เราไม่อยากจะเข้าถึงก็ต้องเข้าถึง เราไม่อยากได้เราก็ได้ ถ้าการขัดเกลากิเลสมี การละกิเลสมี เราไม่อยากให้ใจของเราสะอาดบริสุทธิ์ ใจของเราก็ต้องสะอาดบริสุทธิ์เพราะว่าการละกิเลส การขัดเกลาการเอาออก กิเลสหยาบกิเลสละเอียด

วิธีการแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้จําแนกแจกแจงเอาไว้หมด ใจเกิดความโลภก็ละความโลภ ใจเกิดความโกรธก็พยายามดับความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม ให้อภัยทาน อโหสิกรรม ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงหลงก็เจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล อะไรคือรูปอะไรคือนาม ชี้เหตุชี้ผลจนใจยอมรับความเป็นจริง จนใจคลายออกจากความยึดมั่นถือมั่น ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักละกิเลส

สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว หมั่นทำบุญ หมั่นให้ทาน หมั่นรักษาศีล คําว่า ‘ศีล’ ศีลสมมติเป็นอย่างไร ศีลวิมุตติเป็นอย่างไร การขัดเกลากิเลส ทุกวิถีทางที่จะนําพาทำให้ใจของเราสะอาดทำให้ใจของเราบริสุทธิ์ เราก็ต้องพยายามกัน ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน

การไปฝึกหัด การไปปฏิบัติ ก็คือการทำความเข้าใจให้ถูกต้อง การทำความเข้าใจให้ถูกต้องไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เราต้องหมั่นวิเคราะห์ใจของเราจนไม่มีอะไรที่จะให้เหลือวิเคราะห์ จนอยู่เป็นปกติ จนธรรมดา ธรรมชาติของใจที่ไม่มีกิเลส ธรรมชาติของใจที่ไม่เกิด ช่วงใหม่ใหม่ก็อาจจะฝืน แต่ละวันๆ ใจของเราเกิดสักกี่เที่ยว ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราสักกี่ครั้ง

การทำบุญให้ทานพวกเรามีโอกาสได้มาสร้างบุญร่วมกัน ได้มาทำบุญให้ทาน ถวายทาน ทางวัตถุทานนี้มีโอกาสพ่อแม่พาทำ ตั้งแต่ปู่ย่าตายายพากันทำมา การสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี ทุกคนก็สร้างกันมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แล้วก็มาพบพระพุทธศาสนา อยู่ในประเทศที่มีพระพุทธศาสนา อยู่ในประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นองค์อุปถัมภ์เชิดชู

ในหลักธรรมของพระพุทธองค์ พวกเรามีโอกาสมาก อย่าไปผัดวันประกันพรุ่งเสียดายเวลา การทำความเข้าใจ การขัดเกลากิเลส การศึกษาค้นคว้าชีวิตของเรา เราก็ต้องทำ ทำทุกอย่าง ทำทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ภายในประโยชน์ภายนอก

ประโยชน์ภายในคือทำใจของเราให้บริสุทธิ์ ให้สะอาด ค่อยขัดเกลาทีละเล็กทีละน้อย ค่อยสร้างสะสมคุณงามความดี สักวันหนึ่งเดี๋ยวก็เต็ม เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหาร รับประทานไปเรื่อยๆ อิ่มเราก็รู้ว่าอิ่ม การทำบุญ การให้ทาน การละกิเลส การขัดเกลา เราทำไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งจิตใจของเราก็เข้าถึงความบริสุทธิ์ อย่าว่าไม่ทำ เราต้องทำเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่ไร่ที่นา ที่ทำการที่ทำงาน

โอกาสเปิดกาลเวลาเปิด บุคคลที่มีบุญย่อมจะไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง ย่อมจะไม่ปล่อยเวลาทิ้ง หลวงพ่อก็เพียงแค่บอกกล่าวชี้แนะแนวทางวิธีการเท่านั้น พวกท่านจะรับ พวกท่านจะทำหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับตัวของพวกท่านเอง มีโอกาสก็เปิดโอกาสให้กับทุกคน โอกาสให้กับทุกคนสร้างคุณงามความดี สร้างอานิสงส์ใหญ่ฝากเอาไว้ให้กับแผ่นดิน ฝากเอาไว้ให้กับสถานที่ เหล่ามนุษย์เหล่าเทวดาทั้งหลายย่อมจะมาอนุโมทนาสาธุ ได้ตั้งบุญกองใหญ่เอาไว้ในแผ่นดินไม่จบไม่สิ้น พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็จะมาสร้างต่อ มาสานต่อในเมื่อพวกเราได้วางรากฐานเอาไว้ ได้สร้างวัตถุแทนองค์พระพุทธเจ้า

คําสอนของท่านก็มีอยู่ การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนาม การละกิเลส กิเลสหยาบเป็นอย่างนี้ กิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้ การเกิดการดับของวิญญาณหรือว่าใจเป็นลักษณะอย่างนี้ การเข้าถึงวิธีการเข้าถึงเป็นลักษณะอย่างนี้ ไม่ใช่ว่าไปนึกเอาไปคิดเอา เราต้องเจริญสติเข้าไปเห็นเหตุเห็นผล ใจคลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนาม ตามทำความเข้าใจในหลักของอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ตามดูให้ได้ทุกเรื่องด้วย ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงายปฏิบัติแบบงมงาย แต่ทุกคนก็มีจิตใจที่เป็นบุญเป็นสัมมาทิฏฐิ แต่ยังขาดปัญญาที่จะเข้าไปแยกรูปแยกนาม ตามดู รู้ เห็นให้ได้ทุกเรื่องเท่านั้นเอง ก็ต้องพยายามกัน

ทั้งพระทั้งโยมทั้งชี อยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ให้มีความสมัครสมานสามัคคี มีความร่วมมือกัน อะไรก็ให้ช่วยกันช่วยกันทำ ยังสมมติของเราให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ว่าไม่ใช่หน้าที่ของตัวเรา เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่ได้มาร่วมกันเคยสร้างบุญร่วมกันมาถึงได้มาอยู่ร่วมกัน มีอะไรก็ให้ช่วยกัน ให้รู้จักวิเคราะห์ให้รู้จักพิจารณา เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา อันนี้บุญของระดับของสมมติ บุญระดับวิมุตติ สมมติกับวิมุตติก็อยู่ร่วมกันนั่นแหละ ใจกับกายก็อยู่ร่วมกันนั่นแหละ แต่เราขาดการเจริญสติเข้าไปแยกแยะ รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็ขอให้อยู่ในบุญเอาไว้

ถึงวันละเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน เหมือนกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชซึ่งอยู่ในพระบรมโกศของพวกเราซึ่งท่านก็ได้เสด็จสวรรคต จากพลัดพรากจากพวกเรา ท่านก็ได้สร้างคุณงามความดีเอาไว้มากมายมหาศาลให้กับปวงชนชาวไทยของเรา มีโอกาสก็ขอเชิญพี่น้องเราน้อมนําสิ่งที่ท่านได้ชี้แนะแนวทางมาประพฤติมาปฏิบัติ เพื่อยังชีวิตของเราให้อยู่ในคุณงามความดีตอบแทนบุญคุณของท่าน ตอบแทนบุญคุณที่ได้มาอาศัยอยู่ในประเทศนี้ซึ่งมีพระมหากษัตริย์ซึ่งมีพระคุณอย่างสูง ซึ่งได้ช่วยมีประเทศชาติบ้านเมืองของเราให้ได้ร่มเย็นอยู่ดีมีความสุขกัน เย็นนี้ก็ขอเชิญพากันมาทำวัตรสวดมนต์ มานั่งสมาธิ แผ่เมตตาจิตถึงพระองค์ท่าน ให้แผ่ตลอดเวลา ระลึกนึกถึงอยู่ตลอดเวลา

ถ้าอยากจะดับทุกข์ได้ก็ต้องขัดเกลากิเลสให้หมดจด ดับความเกิดของเราให้สิ้นซาก มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ใจของเราเกิดกิเลสตัวไหนบ้างเราก็พยายามค่อยขัด ค่อยเกลา ค่อยเอาออก ถึงวาระเวลาก็เดินถึงจุดหมายไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ไม่ถึงพรุ่งนี้ก็ถึงเดือนหน้า ปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำนี่แหละจะเป็นเข้าพกเข้าห่อไปต่อเอาภพหน้า ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่

พากันตั้งใจรับพรกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง