หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 5 วันที่ 5 กันยายน 2559
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 5 วันที่ 5 กันยายน 2559
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2559 ลำดับที่ 5
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 5 กันยายน 2559
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน เสียงก็สักแต่ว่าเสียง เราน้อมเข้าไปดูรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่
พยายามฝึกตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกปั๊บให้ต่อเนื่อง ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง เป็น 1 นาที 2 นาที 3 นาที ความต่อเนื่องความเชื่อมโยง ความเป็นอัตโนมัติ ความรู้ตัวถ้าเราสร้างให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ว่าแต่ก่อนโน้นความรู้ตัวตัวนี้ไม่ค่อยจะมี มีตั้งแต่ความคิดที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้าที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดซึ่งมีกันทุกคน
จิตแต่ละดวงฝักใฝ่ในการทำบุญ อยากได้บุญ อยากทำบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความอยากก็เลยปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด ความอยาก ความเกิด เขามาเกิด เขามาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเราเอง ตัวใจเอาไว้ แล้วเขาก็เกิดต่อ เราต้องมาเจริญสติ มาสร้างตบะ มาสร้างบารมีเพื่อที่จะอบรมใจของเรา แก้ไขใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายจากความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามนั่นแหละ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกเปิดทางให้
การขัดเกลากิเลสแต่ละวันๆ เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละทั้งกําลังกาย กําลังใจ เรามีความเพียบพร้อมในการสังเกตในการวิเคราะห์ เรามีความซื่อสัตย์สุจริต เรามีสัจจะกับตัวเองหรือไม่ ตื่นขึ้นมาลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร คําว่าสมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย
ทุกเรื่องในชีวิต ที่การดำเนินชีวิตของเรา อะไรที่จะเป็นบุญก็ให้รีบทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ก็ให้รีบทำ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า ถ้าเราทำโลกนี้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเสียเวลาปล่อยเวลาทิ้ง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขารคือในร่างกายของเรานี่แหละ ให้รอบรู้ในวิญญาณในขันธ์ห้าคือใจของเรานั่นแหละ ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่ากายสมมติของเราก็ยังมีอยู่ แต่ละวันตื่นขึ้นมาให้รีบแก้ไข การดำเนินชีวิตของเรา การแก้ไขชีวิตของเรา ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร ศีลสมมติศีลวิมุตติ สื่อความหมายของภาษาธรรมของภาษาโลก สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามมาแก้ไข ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็ลําบาก อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนถ้าสอนตัวเราไม่ได้
ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติลงที่กาย แล้วก็เอาไปอบรมใจของตัวเรา กระหนาบแล้วกระหนาบอีก แก้ไขแล้วแก้ไขอีก จนกว่าใจของเราจะคลายออก แยกรูปแยกนามได้ มองเห็นตามความเป็นจริง เขาก็จะปล่อยก็จะวางเอง ถ้าถึงวาระถึงเวลาอานิสงส์บุญบารมีของเรามีเพียบพร้อม
หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้มาร่วมกัน ทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่ส่งบริวารมาช่วย มาช่วยการช่วยงาน มาสร้างอานิสงส์ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน มาสร้างอานิสงส์ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลางให้เป็นสมบัติของส่วนรวม พวกเรามีโอกาสมาก มีโอกาสมากก็ได้มาทำ การทำบุญให้ทานมีโอกาสร่วมกันได้ แต่การละกิเลสต้องขึ้นอยู่กับตัวของเรา
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เราต้องสํารวจตรวจตราดู จนรู้แจ้งเห็นจริงหมด จนหมดความสงสัย หมดความลังเล มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน การเกิดทางกายเนื้อก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณต้องเกิดสักกี่เที่ยว เราหนุนกําลังสติปัญญา เราสร้างกําลังสติปัญญาไปเกิดแทนได้หรือไม่
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือปฏิบัติตรงนี้แหละสำคัญ ก็ต้องพยายามปฏิบัติขัดเกลาตัวเราทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 5 กันยายน 2559
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายของเราก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน เสียงก็สักแต่ว่าเสียง เราน้อมเข้าไปดูรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา หายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่
พยายามฝึกตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกปั๊บให้ต่อเนื่อง ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ มีความรู้ตัวทั่วพร้อม รู้จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง เป็น 1 นาที 2 นาที 3 นาที ความต่อเนื่องความเชื่อมโยง ความเป็นอัตโนมัติ ความรู้ตัวถ้าเราสร้างให้ต่อเนื่องเราก็จะรู้ว่าแต่ก่อนโน้นความรู้ตัวตัวนี้ไม่ค่อยจะมี มีตั้งแต่ความคิดที่เกิดจากใจ เกิดจากขันธ์ห้าที่เราไม่ได้ตั้งใจคิดซึ่งมีกันทุกคน
จิตแต่ละดวงฝักใฝ่ในการทำบุญ อยากได้บุญ อยากทำบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ความอยากก็เลยปิดกั้นตัวเขาเอาไว้หมด ความอยาก ความเกิด เขามาเกิด เขามาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเราเอง ตัวใจเอาไว้ แล้วเขาก็เกิดต่อ เราต้องมาเจริญสติ มาสร้างตบะ มาสร้างบารมีเพื่อที่จะอบรมใจของเรา แก้ไขใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายจากความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามนั่นแหละ สัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกเปิดทางให้
การขัดเกลากิเลสแต่ละวันๆ เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ เรามีความเสียสละทั้งกําลังกาย กําลังใจ เรามีความเพียบพร้อมในการสังเกตในการวิเคราะห์ เรามีความซื่อสัตย์สุจริต เรามีสัจจะกับตัวเองหรือไม่ ตื่นขึ้นมาลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร คําว่าสมมติวิมุตติเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องแจงให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย
ทุกเรื่องในชีวิต ที่การดำเนินชีวิตของเรา อะไรที่จะเป็นบุญก็ให้รีบทำ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ก็ให้รีบทำ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์ในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า ถ้าเราทำโลกนี้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าไปเสียเวลาปล่อยเวลาทิ้ง ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขารคือในร่างกายของเรานี่แหละ ให้รอบรู้ในวิญญาณในขันธ์ห้าคือใจของเรานั่นแหละ ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่ากายสมมติของเราก็ยังมีอยู่ แต่ละวันตื่นขึ้นมาให้รีบแก้ไข การดำเนินชีวิตของเรา การแก้ไขชีวิตของเรา ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างไร ศีลสมมติศีลวิมุตติ สื่อความหมายของภาษาธรรมของภาษาโลก สักแต่ว่าดู สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าฟังเป็นอย่างไร เราก็ต้องพยายามมาแก้ไข ถ้าบอกตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนก็ลําบาก อย่าไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนถ้าสอนตัวเราไม่ได้
ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติลงที่กาย แล้วก็เอาไปอบรมใจของตัวเรา กระหนาบแล้วกระหนาบอีก แก้ไขแล้วแก้ไขอีก จนกว่าใจของเราจะคลายออก แยกรูปแยกนามได้ มองเห็นตามความเป็นจริง เขาก็จะปล่อยก็จะวางเอง ถ้าถึงวาระถึงเวลาอานิสงส์บุญบารมีของเรามีเพียบพร้อม
หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคนที่ได้มาร่วมกัน ทั้งหน่วยงานต่างๆ ที่ส่งบริวารมาช่วย มาช่วยการช่วยงาน มาสร้างอานิสงส์ฝากเอาไว้ในแผ่นดิน มาสร้างอานิสงส์ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลางให้เป็นสมบัติของส่วนรวม พวกเรามีโอกาสมาก มีโอกาสมากก็ได้มาทำ การทำบุญให้ทานมีโอกาสร่วมกันได้ แต่การละกิเลสต้องขึ้นอยู่กับตัวของเรา
การเจริญสติเป็นอย่างนี้ การเชื่อมโยงเป็นอย่างนี้ ทุกอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน กินอยู่ ขับถ่าย เราต้องสํารวจตรวจตราดู จนรู้แจ้งเห็นจริงหมด จนหมดความสงสัย หมดความลังเล มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน การเกิดทางกายเนื้อก็เกิดมาแล้ว เกิดทางด้านจิตวิญญาณต้องเกิดสักกี่เที่ยว เราหนุนกําลังสติปัญญา เราสร้างกําลังสติปัญญาไปเกิดแทนได้หรือไม่
การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน ทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือปฏิบัติตรงนี้แหละสำคัญ ก็ต้องพยายามปฏิบัติขัดเกลาตัวเราทั้งข้างนอกทั้งข้างใน ตั้งแต่ตื่นขึ้นจนถึงจุดหมายปลายทางกัน อย่าพากันปล่อยเวลาทิ้ง
สร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ