หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 71 วันที่ 21 สิงหาคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 71 วันที่ 21 สิงหาคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 71 วันที่ 21 สิงหาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 71
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 สิงหาคม 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง เราพยายามสร้างความรู้ตัวตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ จนความรู้สึกรับรู้ต่อเนื่อง แล้วก็เข้มแข็ง เอาไปใช้การใช้งานรู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้เท่าทันการเกิดของขันธ์ห้าหรือว่าความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด

เจริญสติเข้าไปอบรมใจของตัวเราเองจนเป็นปัญญา จากสติก็กลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็กลายเป็นมหาปัญญา จากมหาปัญญาก็จะกลายเป็นปัญญารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในวิญญาณในกายของเรา รอบรู้ในขันธ์ห้า รอบรู้ในความคิด รอบรู้ในอารมณ์ รอบรู้ในใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่นิ่งสงบเป็นอย่างนี้ เราพยายามหมั่นอบรมใจของเราอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนไม่มีอะไรที่จะเข้าไปกักขังในดวงใจของเรา

เวลานี้ใจของทุกคนยังเกิดยังหลงอยู่ เราอาจจะว่าเราไม่หลง นอกจากบุคคลที่มาเจริญสติเข้าไปดูรู้เห็นจนใจคลายจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามได้ ถึงจะมองเห็นความหลง ถ้ายังแยกรูปแยกนามไม่ได้นี่ก็อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติ ถูกอยู่ในระดับของโลกียะ ยังอยู่ในอานิสงส์ของบุญ สร้างบุญสร้างอานิสงส์ สร้างตบะสร้างบารมี อบรมใจของเราบ่อยๆ ไม่ว่าเรื่องอะไร ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาทุกเรื่อง ทุกเรื่องจนกระทั่งหมดลมหายใจ

คนเราจะไปอย่างไรมาอย่างไร ใจของเราหลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด แล้วก็หลงมาสร้างขันธ์ห้าสร้างภพมนุษย์ มีขันธ์ห้าห่อหุ้มตัวเองเอาไว้ แล้วก็เกิดต่อ ความเกิด ความคิดของเรานั่นแหละเกิดต่อ ตัวใจนั่นแหละเกิดต่อ เกิดต่อยังไม่พอ ยังก็มีอาการของขันธ์ห้ามาร่วมรวมกัน แล้วก็รวมเป็นทาสของกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด มีหมดอยู่ในใจของเราอยู่ในกายของเรา ถ้าเราหมั่นน้อมวิเคราะห์พิจารณาดูรู้อยู่บ่อยๆ ตามแนวทางของพระพุทธองค์ว่าท่านสอนเรื่องอะไร สอนเรื่องหลักความจริงของชีวิตว่าอัตตาเป็นอย่างไร อนัตตาเป็นอย่างไร อนิจจัง ทุกขังอนัตตาเป็นอย่างไร

การสร้างบุญสร้างบารมี ทุกคนได้สร้างกันมาดี ทำมากทำน้อยก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของแต่ละบุคคล แต่การเดินปัญญา สังเกตวิเคราะห์อบรมใจ จนใจแยกออกจากขันธ์ห้านี้ตรงนี้ก็ยังอาจจะรู้เป็นบางคนบางท่าน ยังไม่รู้เข้าไปถึงต้นเหตุ พระพุทธองค์ท่านชี้ลงที่เหตุ เหตุทางสมมติ เหตุวิมุตติ การบริหารใจบริหารกาย บริหารสมมติ เราก็ต้องพยายามศึกษาค้นคว้าในตัวตนของเราให้รู้แจ้งเห็นจริง ให้ปรากฏขึ้นที่ใจ

อะไรคือตัวใจ อะไรคือตัวปัญญา ซึ่งท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน ตนตัวแรกคือตัวสติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ แล้วก็เอาไปใช้การใช้งานให้ได้ ไม่ใช่ว่าสร้างขึ้นมาแล้ว เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ ใจก็ยังเกิดอยู่เหมือนเดิม ขันธ์ห้าก็ยังปรุงแต่งใจอยู่เหมือนเดิม ใจก็ยังเป็นทาสกิเลสอยู่เหมือนเดิม การทำบุญให้ทานนั้นก็มีอยู่ เราก็ต้องพยายามศึกษากัน ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพิจารณาขยันหมั่นเพียร

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาความรู้ตัวเป็นอย่างไร กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทำไมวิญญาณหรือว่าใจถึงเกิดใจถึงหลง เราก็เจริญสติเข้าไปรู้ รู้เท่ารู้ทัน รู้กันรู้แก้ แล้วก็รู้บริหารให้อยู่กับสมมติอย่างมีความสุข ก็ต้องพยายามเอา การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การลงมือทำจริงๆ ต้องเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศถึงจะเข้าถึงความจริงตรงนี้ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเราพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหนบ้าง ใจส่งไปภายนอกสักกี่เรื่อง ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราสักกี่ครั้ง การทำบุญให้ทานถวายทานทางด้านวัตถุทาน ทานอารมณ์ ทานกิเลสเป็นอย่างไร เราต้องรู้แจ้งให้ได้ขณะที่เรายังมีกําลังอยู่ ไม่รู้วันนี้ก็ต้องรู้พรุ่งนี้ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่แก้ไขใหม่ เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่เรื่องของคนอื่น

แต่ส่วนมากก็ไปดูตั้งแต่เรื่องของคนอื่น คนโน้นเป็นอย่างนั้น คนนั้นเป็นอย่างนี้ คนภายนอกนั้นก็ช่างเขา ดูความเกิดภายใน ทำไมไปอคติไปเพ่งโทษ ไอ้นั่นภายนอก เรามาจัดการกับจิตวิญญาณในกายของเรานี้ให้มันถึงจุดหมายปลายทาง จนมองเห็นความเป็นจริงได้นั่นแหละ ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกัน

เราพยายามทำสมมติเรียกว่าปรุงแต่งสมมติให้น่าอยู่น่าอาศัย สมมติภายนอก สมมุติภายในกายของเรานี่แหละก้อนสมมติ ใจของเรามายึดมาติด เราคลายภายในได้มันก็วางข้างนอกได้หมด ส่วนข้างนอกเราก็ช่วยกันทำ อะไรไม่ดีก็ช่วยกันแก้ไข ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาที่พัก ที่อาศัย ที่หลับ ที่นอน ที่อยู่ที่กิน เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดี ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ธรรม ความขยันหมั่นเพียรไม่มี มีแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ มันก็ไม่รู้เรื่องอะไร

ทำไมใจของเราถึงทุกข์ ทำไมกายของเราถึงทุกข์ เราก็ต้องรีบแก้ไขด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา ขยันด้วยเหตุด้วยผลด้วยสติด้วยปัญญา สมมติเรามายุ่งเกี่ยวเรามาอาศัยอยู่ ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณในกายของเรา ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อะไรคือโลกอะไรคือธรรม เราต้องรู้ต้องเห็น ส่วนมากเราก็รู้ด้วยปัญญาของโลกีย์ แต่ยังเข้าไม่ถึงฐานหรือว่าต้นเหตุของใจ อยากจะรู้ใจในภาพรวม เขาหลงอยู่ในภาพรวมอยู่

เราต้องพยายามเจริญสติเข้าไปชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนใจมองเห็นความเป็นจริงยอมรับความเป็นจริงได้ การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา การหลงกายหลงขันธ์ห้าเขาก็ไม่เอา การเป็นทาสกิเลสของเขาก็ไม่เอานั่นแหละ สติสมาธิปัญญาก็จะรักษาเรา

วันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง