หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 70
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 70
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย สูดลมหายใจเข้าไปยาวยาวลึกๆ สัก 2-3 เที่ยว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน
เราพยายามสร้างความรู้ตัวรู้กายให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ ฝึกฝนตัวเราให้เกิดความเคยชิน ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ลักษณะของสติความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่เกิดที่ปรุงแต่งส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะอาการของความคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมแล้วก็ไปร่วมกันได้อย่างไร จนเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร อันนี้เป็นสิ่งที่ละเอียด ละเอียดลึกลงไปอยู่ในกายของเรา ตัวใจกับอาการของใจ คือเข้าไปรวมเข้าไปร่วมทำให้เกิดอัตตาตัวตน
เราพยายามมาสร้างความรู้ตัวเข้าไปอบรมใจ วิเคราะห์ใจของเราทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนกระทั่งถึงเวลาหมดลมหายใจนั่นแหละ เราพยายามศึกษาทำความเข้าใจขณะที่เรายังมีกําลัง ยังมีกายเนื้อ ยังมีลมหายใจ ถ้าหมดลมหายใจไปแล้วก็มีตั้งแต่เรื่องบุญเรื่องบาปเรื่องกรรม แต่เราต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างให้ชัดเจน อยู่ในกายของเรานี่แหละไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อันนี้คือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาจนเอาไปใช้
ส่วนความเพียรต่างๆ ศรัทธา ทุกๆ คนก็มีกันเต็มเปี่ยม การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ซึ่งมีอยู่ในใจของเราหมด การละได้บ้าง ละไม่ได้บ้าง ฝักใฝ่สนใจ ถ้ายังเจริญสติไม่ต่อเนื่องเราก็ยากที่จะสังเกตการเกิดของใจได้ ก็ต้องพยายามกัน
ตําราครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ เป็นแค่เพียงแผนที่ พวกเราจะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา อย่าไปโทษคนอื่นจงโทษตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ความหลงนี้ ใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ความหลงใจที่เกิดเป็นโน่นเกิดเป็นนี่ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นเราอย่าเพิ่งไปให้วุ่นวายกับเขา เรามาดูใจซึ่งอยู่ในกายของเรานี้ว่าเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจเกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราทำความเข้าใจได้ เราละได้หรือไม่ ความเพียรของเรามีต่อเนื่องหรือเปล่า เราก็พยายามดู มีไม่มาก แต่มันก็เยอะอยู่ ซึ่งอยู่ในกายของเรา ก็ต้องพยายามกัน
เพียงแค่สติระลึกรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราอาจจะมีอยู่แต่ไม่เยอะ เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ กําลังสติที่เราฝึกมาต้องต่อเนื่องเข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งานได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าได้ ตามดูรู้เห็น รู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า รู้วิญญาณในกายในขันธ์ห้า ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณ ให้รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ก็ต้องพยายามกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดแก้ไขใหม่ เราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเรา
คําสอนแนวทางของพระพุทธองค์นั้นท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน แล้วก็เอามาเปิดเผย เอามาจําแนกแจกแจงให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย เชื่อด้วยเห็นเหตุเห็นผล รู้เหตุรู้ผล อันนี้เป็นส่วนรูป อันนี้เป็นส่วนนาม ส่วนนามมีอะไรบ้าง ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราก็ต้องพยายามศึกษาทำความเข้าใจให้หมดความสงสัย หมดความลังเล จนใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่อยู่ในความว่าง ทรงความว่างเป็นอย่างนี้ เราก็จะได้มองเห็นชัดเจน จนใจของเราปล่อยวาง รู้จักจุดปล่อยรู้จักจุดวาง ถ้าใจแยกจากขันธ์ห้าไม่ได้เราก็ไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวาง
ท่านถึงให้เจริญสติ หัดวิเคราะห์ หัดอบรมใจ หมั่นขัดเกลาใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนกว่าใจของเราจะคลายจากขันธ์ห้า ละกิเลสได้หมดจด มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง อันนี้ใจของเราหลงมาตั้งนาน หลงมาเกิด มีความเกิดก็มีความหลง ซึ่งเป็นกิเลสละเอียด ความเกิดนี่แหล่ะคือตัวละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ใจเราหลงมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างร่างกายขึ้นมา แล้วก็มาอยู่ในกาย มายึดติดแล้วก็เกิดต่อ กายเนื้อแตกก็ไปตามวิบากของกรรม
ถ้าเรามารู้เรื่องกรรม รู้เรื่องการเกิดการดับ แยกแยะได้ทำความเข้าใจได้ ใจของเราก็อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสกิเลสเขาก็ไม่เอา แต่เราต้องทำความเข้าใจให้รอบรู้หมดทุกอย่าง ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข วางใจให้สบาย วางกายให้สบาย มองเห็นหนทางเดิน
พยายามสร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ
เราพยายามสร้างความรู้ตัวรู้กายให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้สึกพลั้งเผลอเราก็เริ่มใหม่ ฝึกฝนตัวเราให้เกิดความเคยชิน ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ลักษณะของสติความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่ปกติเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะของใจที่เกิดที่ปรุงแต่งส่งไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างนี้ ลักษณะอาการของความคิดหรือว่าอาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจผุดขึ้นมา ใจเคลื่อนเข้าไปรวมแล้วก็ไปร่วมกันได้อย่างไร จนเป็นสิ่งเดียวกันได้อย่างไร อันนี้เป็นสิ่งที่ละเอียด ละเอียดลึกลงไปอยู่ในกายของเรา ตัวใจกับอาการของใจ คือเข้าไปรวมเข้าไปร่วมทำให้เกิดอัตตาตัวตน
เราพยายามมาสร้างความรู้ตัวเข้าไปอบรมใจ วิเคราะห์ใจของเราทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ จนกระทั่งถึงเวลาหมดลมหายใจนั่นแหละ เราพยายามศึกษาทำความเข้าใจขณะที่เรายังมีกําลัง ยังมีกายเนื้อ ยังมีลมหายใจ ถ้าหมดลมหายใจไปแล้วก็มีตั้งแต่เรื่องบุญเรื่องบาปเรื่องกรรม แต่เราต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างให้ชัดเจน อยู่ในกายของเรานี่แหละไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อันนี้คือสติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาจนเอาไปใช้
ส่วนความเพียรต่างๆ ศรัทธา ทุกๆ คนก็มีกันเต็มเปี่ยม การละกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ซึ่งมีอยู่ในใจของเราหมด การละได้บ้าง ละไม่ได้บ้าง ฝักใฝ่สนใจ ถ้ายังเจริญสติไม่ต่อเนื่องเราก็ยากที่จะสังเกตการเกิดของใจได้ ก็ต้องพยายามกัน
ตําราครูบาอาจารย์ก็เป็นแค่เพียงแผนที่ เป็นแค่เพียงแผนที่ พวกเราจะดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับตัวของเรา อย่าไปโทษคนอื่นจงโทษตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา ความหลงนี้ ใจนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ตั้งแต่ยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ความหลงใจที่เกิดเป็นโน่นเกิดเป็นนี่ อยู่ในภพน้อยภพใหญ่ อันนั้นเราอย่าเพิ่งไปให้วุ่นวายกับเขา เรามาดูใจซึ่งอยู่ในกายของเรานี้ว่าเป็นอย่างไร ใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ส่งไปภายนอกเป็นอย่างไร ใจเกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เราทำความเข้าใจได้ เราละได้หรือไม่ ความเพียรของเรามีต่อเนื่องหรือเปล่า เราก็พยายามดู มีไม่มาก แต่มันก็เยอะอยู่ ซึ่งอยู่ในกายของเรา ก็ต้องพยายามกัน
เพียงแค่สติระลึกรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน เราอาจจะมีอยู่แต่ไม่เยอะ เอาไปใช้การใช้งานไม่ได้ กําลังสติที่เราฝึกมาต้องต่อเนื่องเข้มแข็งเอาไปใช้การใช้งานได้ ชี้เหตุชี้ผลได้ จนใจของเราคลายออกจากขันธ์ห้าได้ ตามดูรู้เห็น รู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้า รู้วิญญาณในกายในขันธ์ห้า ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร ให้รอบรู้ในดวงวิญญาณ ให้รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ว่าอะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ก็ต้องพยายามกัน ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา ผิดพลาดแก้ไขใหม่ เราสอนเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเรา
คําสอนแนวทางของพระพุทธองค์นั้นท่านได้ค้นพบมาตั้งนาน แล้วก็เอามาเปิดเผย เอามาจําแนกแจกแจงให้ทุกคนได้ปฏิบัติตามให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา ท่านถึงบอกให้เชื่อ ไม่ใช่ว่าเชื่อแบบงมงาย เชื่อด้วยเห็นเหตุเห็นผล รู้เหตุรู้ผล อันนี้เป็นส่วนรูป อันนี้เป็นส่วนนาม ส่วนนามมีอะไรบ้าง ซึ่งมีอยู่ในกายของเรา เราก็ต้องพยายามศึกษาทำความเข้าใจให้หมดความสงสัย หมดความลังเล จนใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่อยู่ในความว่าง ทรงความว่างเป็นอย่างนี้ เราก็จะได้มองเห็นชัดเจน จนใจของเราปล่อยวาง รู้จักจุดปล่อยรู้จักจุดวาง ถ้าใจแยกจากขันธ์ห้าไม่ได้เราก็ไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวาง
ท่านถึงให้เจริญสติ หัดวิเคราะห์ หัดอบรมใจ หมั่นขัดเกลาใจของเราอยู่ตลอดเวลา จนกว่าใจของเราจะคลายจากขันธ์ห้า ละกิเลสได้หมดจด มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ถ้าไม่เกิดก็ไม่หลง อันนี้ใจของเราหลงมาตั้งนาน หลงมาเกิด มีความเกิดก็มีความหลง ซึ่งเป็นกิเลสละเอียด ความเกิดนี่แหล่ะคือตัวละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด ใจเราหลงมาสร้างขันธ์ห้า มาสร้างร่างกายขึ้นมา แล้วก็มาอยู่ในกาย มายึดติดแล้วก็เกิดต่อ กายเนื้อแตกก็ไปตามวิบากของกรรม
ถ้าเรามารู้เรื่องกรรม รู้เรื่องการเกิดการดับ แยกแยะได้ทำความเข้าใจได้ ใจของเราก็อยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง การเกิดเป็นทุกข์เขาก็ไม่เกิด การเป็นทาสกิเลสเขาก็ไม่เอา แต่เราต้องทำความเข้าใจให้รอบรู้หมดทุกอย่าง ถึงจะอยู่อย่างมีความสุข วางใจให้สบาย วางกายให้สบาย มองเห็นหนทางเดิน
พยายามสร้างความรู้ตัวให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พร้อมๆ กัน ค่อยไปศึกษาทำความเข้าใจให้ต่อเนื่องทุกอิริยาบถ