หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 54 วันที่ 10 มิถุนายน 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 54 วันที่ 10 มิถุนายน 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 54 วันที่ 10 มิถุนายน 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 54
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 10 มิถุนายน 2560

โยมมาจากไหน เข้ามาข้างใน มาจากไหนกันผู้เฒ่า มาจากไหนกันๆ บ้านใหม่ ที่ไหนนะ มาตั้งแต่เช้ามาเที่ยวมาชม ดีจังฝักใฝ่ในบุญ จำอายุตัวเองได้อยู่หรือเปล่า ไม่ใช่โกหกหรือ ความจํายังดีๆ นั่นแหละความจํายังดี ก็พยายามระลึกนึกถึงบุญ สร้างบุญอะไรเอาไว้ก็ระลึกนึกถึง อะไรที่ไม่ดีถ้าเรานึกถึงแล้วนําความทุกข์มาให้ เราก็พยายามละไม่ให้คิด

มีครั้งหนึ่ง มีคหบดีที่ขอนแก่นรวยมาก มีลูกสาวลูกชาย แต่ลูกสาวลูกชายไปอยู่เมืองนอกหมดทุกคน ก็มีพยาบาลที่ขอนแก่นนั่นแหละที่โรงพยาบาล ศูนย์นั่นแหละคอยดูแลคอยรักษาอยู่ อยากจะได้เครื่องอะไรท่านก็ซื้อให้ ทำบุญให้กับโรงเรียนให้กับโรงพยาบาล เป็นโรคหัวใจก็ซื้อเครื่องหัวใจ เป็นโรคอะไรก็ซื้อให้หมด แต่ไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยเข้าวัด อายุมากขึ้นๆ แก่ เป็นคหบดีในเมืองขอนแก่นทุกวันนี้ยังมีลมหายใจอยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เรื่องร่วมยี่สิบกว่าปีก่อน ทีนี้เป็นทุกข์หนักเป็นทุกข์ พยาบาลชวนไปวัดไหนก็ไม่ไป เป็นทุกข์กลัวตัวเองจะตาย ทุกข์สารพัดอย่าง คิดเป็นทุกข์หนัก พยาบาลก็หลอกล่อให้ไปวัดไหนก็ไม่ไป

ก็เลยโชคดีอย่างไรก็ไม่รู้นะ พยาบาลชวนมาวัดหลวงพ่อก็เลยตัดสินใจมา มาแล้วก็มาเล่าเรื่องทุกข์ให้ฟัง ลูกสาวลูกชายก็ไปอยู่ที่เมืองนอก เงินทองก็เยอะแยะ กลัวตายเป็นทุกข์หนักก็เลยมาหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เลยบอกจะไปยากอะไร ไม่ถึงเวลาตายก็ไม่ตายหรอก สองคนผัวเมียคู่นี้ตั้งแต่แต่งงานกันมา เอาอย่างนี้ ให้ทำอย่างที่หลวงพ่อบอกนะ ไปจดรายละเอียดที่เคยทำบุญกันมาตั้งแต่แต่งงานกันมา ตั้งแต่ก่อนยังไม่แต่งงานว่าทำบุญอะไรบ้าง ซื้ออะไรให้กับทางโรงเรียนให้กับทางโรงพยาบาล ไล่มาจดมาราคาเท่าไร แล้วเอามาให้หลวงพ่อ หลวงพ่อจะแผ่เมตตาให้ก่อน

ท่านก็เลยไปพากันไปไล่ไปจดมา ทำบุญอันโน้นทำบุญอันนี้ ไม่มีเรื่องที่จะให้คิดไปถึงความตาย ความเจ็บ ก็เลยคิดตั้งแต่เรื่องบุญ จดมาได้ 2-3 หน้ากระดาษเอามาให้หลวงพ่อ แล้วก็บอกว่าหลวงพ่อยังไม่หมดนะบอกเลย จดไปได้ยี่สิบแปดล้านยังไม่หมดยังเหลืออยู่อีกนะ ว่านั้น อย่างนั้นก็ไปไล่จดมาใหม่ไล่ทบทวนของเก่ากลับไปกลับมา ทำให้ผู้เฒ่าสองคนนั้นมีความสุขขึ้น มีความสุขขึ้นนั่นแหละ

ขณะทั้งที่ได้ทำบุญแต่ไม่ระลึกนึกถึงบุญ มีตั้งแต่คิดถึงเรื่องความตาย ไม่มีใครดูแล ไม่มีใครช่วยเหลือ เอาไปเอามาก็เลยจดรายงานมาส่งหลวงพ่อแทบทุกเดือน แทบทุกอาทิตย์ ก็เลยอยู่กับกองบุญมีความสุข ถึงหมดลมหายใจก็ยังอยู่กับกองบุญ นั่นแหละท่านก็พยายามโน้มน้าวจิตใจให้อยู่ในกองบุญเอาไว้ ป่านนี้ก็คงจะไปกันหมดแล้วมั้งน้อ ช่วงนั้นมาหาก็เจ็ดสิบกว่าแล้ว หรือถ้าอยู่ ก็อยู่อายุเป็นร้อยแล้วช่วงนี้ พยายามเอาเด้อผู้เฒ่า อย่าไปคิดตั้งแต่ มีแม่บ้านหรือเปล่าล่ะ คิดถึงแม่บ้านแล้วโกรธให้แม่บ้านนะไม่ไหวนะ คิดถึงแม่บ้านก็ทำบุญให้แม่บ้าน ชวนแม่บ้านมาวัดมันถึงจะถูก

ตั้งใจรับพรกัน
----------

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ อดทนนั่งไปอีกสักนิดหนึ่ง นั่งตามสบายวางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย ฟังหลวงพ่อไปด้วย น้อมสังเกต สร้างความระลึกรู้ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว เพียงแค่เรื่องการหายใจพวกเราก็ขาดการสังเกตขาดการวิเคราะห์มากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจเป็นบุญ ปรารถนาอยากจะได้บุญ ฝักใฝ่ในบุญ บุญนั้นได้อยู่แล้ว ใจของเราปรารถนาที่จะมาทำบุญ เพียงแค่ความสงบเรายังดำเนินเข้าไม่ถึง บางทีบางครั้งบางคราวใจก็สงบแต่เราขาดผู้รู้ คือขาดสติเข้าไปดู เราพยายามสร้างความรู้ตัวรู้กาย รู้เท่ารู้ทัน รู้แก้รู้กัน

อะไรคือใจ ลักษณะของใจที่ปกติเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะของอาการของขันธ์ห้า ความคิดผุดขึ้นมาอย่างไร ใจเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องเราก็อาจจะเห็นได้สักวันหนึ่ง เราก็ต้องพยายาม ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องจากหนึ่งครั้งสองครั้งสามครั้ง จากนาทีเป็น 2 นาที 3 นาที เป็น 5 นาที เป็นชั่วโมง จนกว่าเราเอาสติปัญญาของเราไปใช้ ไปอบรมใจ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล จนกําลังความรู้ตัวของเราสังเกตใจเคลื่อนเข้าไปรวมกับอาการของขันธ์ห้า

ใจจะพลิกจะหงายเหมือนกับหงายของที่คว่ำ ใจก็จะว่างกายก็จะเบา ความรู้ตัวของเราก็จะตามค้นคว้า กําลังก็จะมากขึ้นจนกลายเป็นมหาสติ จากมหาสติก็จะกลายเป็นมหาปัญญา หยุดยั้งไว้ไม่อยู่ ตามดูตามรู้ตามเห็น ความเกิดความดับ กิเลสหยาบกิเลสละเอียด อะไรคือสมมติวิมุตติ ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล แล้วก็หมั่นสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมีให้เต็มเปี่ยมทั้งสมมติทั้งวิมุตติ เพราะว่าสมมติกับวิมุตติก็อาศัยกันอยู่ เราต้องศึกษาทำความเข้าใจให้ละเอียด

ทุกคนก็มีบุญ อย่าไปคิดว่าเราไม่มีบุญ ทุกคนก็ปฏิบัติทำกันมาตั้งแต่เกิด แต่ความไม่เข้าใจเท่านั้นเองทำให้จิตของเราเข้าไปหลงเข้าไปยึดสารพัดอย่าง เราก็มาค่อยคลายออกแต่เล็กแต่น้อย จนมองเห็นหนทางเดินว่าเราจะไปอย่างไรมาอย่างไรกัน

หลวงพ่อเคยไปอินเดีย ไปเห็นในหมู่บ้าน เห็นในตึกแถวใหญ่อยู่ที่ริมแม่น้ำคงคา มีผู้เฒ่าผู้แก่ไปนั่งอยู่ ไปอยู่แต่ละห้องๆ มีตั้งแต่คนรวยๆ มหาเศรษฐีอายุมาก ให้ลูกให้หลานพาไปซื้อห้องเช่าห้องอยู่ เพื่อที่จะเตรียมตัวตายอย่างเดียว เป็นสิ่งที่ดีมากเลยทีเดียว ไปนั่งวิเคราะห์ไปนั่งพิจารณา จะได้ตายอยู่ใกล้ๆ กับแม่น้ำคงคา อันนั้นแสดงว่าเตรียมตัวตายมากันดีมากทีเดียว แต่มองแค่เพียงผิวเผินจะนึกว่าเอาผู้เฒ่าผู้แก่ไปทิ้ง อันนั้นไม่ใช่ ผู้เฒ่าผู้แก่นี่เขาไปเตรียมตัวที่จะอยู่ที่จะไป เตรียมพร้อมทั้งสมมติทั้งวิมุตติ

ถ้าเรามามองดีๆ ก็จะเห็นของดีที่ผู้เฒ่าผู้แก่วางเอาไว้ ที่บ้านเราก็เยอะแยะ ก็ต้องพยายามกัน หมั่นสร้างบุญสร้างกุศลสร้างบารมี มีความเสียสละของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความเห็นแก่ของเรามีหรือเปล่า เราพยายามขัดเกลาเอาออก เป็นผู้ให้เป็นผู้มีความรับผิดชอบ เป็นผู้มีความเสียสละ มีสัจจะกับตัวเราเป็นที่พึ่งของตนให้ได้ ท่านถึงว่าตนเป็นที่พึ่งของตน

สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ เขาเรียกว่าที่พึ่งของเราของใจ ชี้เหตุชี้ผล อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ได้เท่าไรก็เอา ค่อยสร้างสะสมไปเรื่อยๆ แม้แต่การเจริญสติ เราก็พยายามสร้างขึ้นมา ให้ได้เอาไปใช้การใช้งานให้เป็น จนเห็นเหตุเห็นผล จนยอมรับความเป็นจริงได้ ท่านถึงบอกให้เชื่อ ก็ต้องพยายามกันนะ

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง