หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 36 วันที่ 18 เมษายน 2557

หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 36 วันที่ 18 เมษายน 2557
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 36 วันที่ 18 เมษายน 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ชุดที่ 2 (ลำดับที่ 21-40)
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ลำดับที่ 36
วันที่ 18 เมษายน 2557


ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา ได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง หรือว่าไปปล่อยปละละเลย ใจเกิด ใจคิด ก็รู้อยู่ด้วยการหยุด การดับ การสังเกต การวิเคราะห์ การแยก การคลายไม่มี เพราะว่ากำลังสติไม่มี แม้แต่สติรู้ตัวอยู่กับปัจจุบันยังไม่เข้าใจเลย


ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกก็ยังหายใจไม่คล่องแคล่ว เวลาจะรู้ลมหายใจที บางทีก็อึดอัด บางทีสมองก็ตึง บางทีใจก็แน่น เราพยายามหัดสังเกต เวลาสูดลมหายใจเข้า หายใจออก จะมีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา ความรู้สึกนั้นแหละเขาเรียกว่า ‘สติ’ ถ้าเรารู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ จนความรู้ตัวต่อเนื่อง จากหนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง จนกระทั่งเป็นนาที เป็นสองนาที สามนาที เป็นห้านาที เป็นสิบนาที เป็นชั่วโมง มันก็จะต่อเนื่องเชื่อมโยง


อันนี้เราต้องสร้างขึ้นมา ลงอยู่ที่กายของเรา ให้รู้กายของเรา เราจะไปฝึกหัดปฏิบัติที่ไหน ถ้าครูบาอาจารย์ชี้แนะแนวทางในเรื่องการเจริญสติ การเจริญสติเน้นลงอยู่ที่กาย ไม่ว่าจะอุบายอย่างไร วิธีไหน ให้เราพยายามทำ จุดมุ่งหมายของการเจริญสติก็เพื่อที่จะให้รู้เท่าทันใจ รู้ลักษณะของใจ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร ใจที่คลายออกจากขันธ์ห้าเป็นอย่างไร ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ใจเกิดกิเลส เรารู้จักหยุด รู้จักดับ รู้จักควบคุมได้หรือไม่ เราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวเข้าไปรู้ให้เท่าทัน ถ้ารู้ไม่เท่าทันเราก็พยายามหยุดเอาไว้ จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิด ซึ่งเป็นฝ่ายนามธรรมด้วยกัน ส่วนกายนี้ก็เป็นส่วนรูปธรรม


ถ้าเราสังเกตทันเขาจะคลายออกจากกัน เขาจะดีดออกจากกันเลยทีเดียว เหมือนกับมีวงกลม มีความคิดผุดขึ้นมา ใจจะกระโดดเข้าไปร่วม ถ้าเราสร้างสติความรู้ตัว ตัวที่หลวงพ่อบอกนี่แหละ อยู่กับปัจจุบัน เขาจะรู้ เห็นการเกิดของใจเคลื่อนเข้าไปรวมกับความคิด ถ้าเขารู้ขณะนั้น ใจจะดีดออก ใจจะหงาย เขาเรียกว่า พลิก ‘พลิกของที่คว่ำ’ หรือว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ อันนี้เพียงแค่เริ่มต้นของสัมมาทิฐิ ความรู้แจ้งเห็นจริง ในข้อแรกในอริยมรรค ในหนทาง ในการเดินทาง เห็นชอบแล้วก็ตามดูใจว่างรับรู้ เราก็จะเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ในขันธ์ห้า เขาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป อาการเขาเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นเรื่องอะไร เป็นเรื่องอดีตก็เป็นอาการของสัญญา ความจำได้หมายรู้ หรือว่าเป็นเฉยๆ เขาเรียกว่า ‘กองสังขาร’ ถ้าใจของเราไปรวม ไปร่วม เขาเรียกว่า ‘ใจไปเสวย’ เราต้องแยกให้ได้เสียก่อน เราถึงจะเข้าใจตรงนี้


แล้วเราก็จะเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ที่ท่านว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร ‘สมมติ’ เป็นอย่างไร ‘วิมุตติ’ เป็นอย่างไร กองไหนอยู่ในกายเนื้อของเรา กองรูป กองนาม กองอดีต กองสัญญา กองสังขาร ตัววิญญาณ เขาเรียกว่า กองวิญญาณ ตัวสุดท้าย ตัวใจนั่นแหละมันเข้าไปรวม ถ้าคลายออกมา มันจะว่าง โล่ง โปร่ง


ถ้าใจจะเกิดกิเลส ความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละ ไปดับ ไปหยุด ไปชี้เหตุ ชี้ผล ตามดูเหตุดูผล กิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เหมือนกัน แม้แต่ตัวใจมันยังหลอกตัวเอง สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาในบางครั้งมันก็ยังเข้าข้างตัวเอง เราก็ต้องพยายามแก้ไขให้ได้ทุกอิริยาบถ ทุกเรื่องทุกราว ในชีวิตของเรา ยืน เดิน นั่ง นอน กิน อยู่ ขับถ่าย


ไปปฏิบัติธรรมแล้วไม่ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ก็ปฏิบัติด้วยความหลงทั้งนั้นแหละ หลงว่าตัวเองได้ปฏิบัติ ทั้งที่กิเลสก็เต็มอัตราศึกอยู่ การประพฤติปฏิบัติจะคร่ำเคร่งมากมายถึงขนาดไหนเพื่อที่จะละกิเลส ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง แล้วก็ดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทาง อยู่อย่างมีความสุข อยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยเหตุด้วยผล ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้นให้เต็มเปี่ยม ประโยชน์ทั้งสมมติ ทั้งวิมุตติ


เราต้องค่อยทำความเข้าใจจากน้อยๆ ไปหามากๆ ค่อยสร้างสะสมบุญบารมีไป จะไปเร่งให้มันต้องเอาวันนี้ให้ได้ ทำวันนี้ให้ได้ มันเป็นไปไม่ได้ เราก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป เพียงแค่ระดับสมมติ เราทำหน้าที่ของเราได้ดีแล้วหรือยัง การขัดเกลากิเลส การละกิเลส เรามีแล้วหรือยัง กำลังสติของเราเร็วไวหรือไม่ เราต้องเป็นคนหัดวิเคราะห์ หัดสังเกต หัดทำความเข้าใจ ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่อยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน


สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้โล่ง สมองให้โปร่ง อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อันนี้หลวงพ่อเพียงแค่ชี้แนะแนวทางอุบายเท่านั้น พวกท่านจงไปทำกัน สร้างความรู้สึกรับรู้ให้ชัดเจนกันนะ


พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน คอยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจนะ อันนี้เพียงแค่ย้ำ แค่เตือน แค่ชี้แนะแนวทางเล็กน้อยเท่านั้นเอง

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง