หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 24 วันที่ 16 มีนาคม 2560
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 24 วันที่ 16 มีนาคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 24
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 มีนาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พวกเราได้พากันสร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ฟังไปด้วยน้อม สำเหนียกไปด้วย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย
เสียงก็สักแต่ว่าเสียง การสร้างความรู้ตัว เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เข้มแข็งให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเอาไปใช้กับการกับงาน เอาไปใช้ในการรู้เท่าทันใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของอาการของขันธ์ห้า หรือว่าความคิดนั่นแหละ เขาเกิดอย่างไร เขาก่อตัวอย่างไร เราพยายามสร้างสติหรือว่าเจริญสติตัวใหม่ลงที่กายของเรา อยู่ที่การเคลื่อนไหวบ้าง อยู่ที่ลมหายใจบ้าง แล้วแต่จริตของบุคคลที่จะชอบตรงไหน
เราก็พยายามดูตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งถึงเวลานี้ จนรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจแล้วก็รู้กันรู้แก้ ใจเกิดกิเลสก็รู้จักละกิเลส ใจเกิดความทุกข์เศร้าหมอง เราก็หารู้จักวิธีแก้ไข ใจทําไมถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง ของดีอยู่ในกายของเรา เราพยายามสร้างขึ้นมา เจริญสติขึ้นมา ใจไม่มีพรหมวิหาร ใจไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เราก็พยายามปรับแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ถ้าเราไม่สอนใจเรา ไม่มีใครจะสอนใจเราได้เลยนอกจากตัวของเรา ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่ทำการทำงาน เราก็ต้องพยายามรู้กายรู้ใจของเรา สติปัญญาไปแก้ไขทุกอย่าง จนกระทั่งเราหมดลมหายใจ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกที่ท่านเรียกว่า ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก เป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้
แต่เวลานี้ใจของเรายังหลงอยู่ เราอาจจะว่าเราไม่หลง เรารู้อยู่ แต่รู้อยู่ในความหลงอยู่ เพราะว่าเราต้องได้เจริญสติตัวใหม่ สร้างความรู้ตัวใหม่ให้เข้มแข็งให้ต่อเนื่อง จนรู้ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ขันธ์ห้าผุดขึ้นมาใจของเราก็ไปรวมไปร่วมได้อย่างไร ใจของเราเกิดกิเลสหรือส่งไปภายนอกเราหยุดเราดับได้ระดับไหน ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ หรือว่ามีตั้งแต่ส่งเสริม เราก็ต้องพยายามดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังดำเนินอยู่ ตราบใดที่เรายังสร้างบุญสร้างบารมีกันอยู่ ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ไม่ถึงพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ ไปต่อเอาภพหน้า
ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ เราพยายามตักตวงสร้างคุณงามความดีลงที่กายที่ใจของเรา รีบขวนขวายแสวงหาให้เจอ เจอใจของเรานั่นแหละ ไม่เจออะไรหรอกก็เจอใจ ทําไมใจถึงหลง ทําไมใจถึงเกิด วิธีการแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม การสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างตบะ สร้างบารมี ทุกคนก็สร้างกันมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็ยังหลงอยู่ หลงเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงเกิดมาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง ตัวเราตัวใจอีก ที่นี้ใจก็ไปเกิดต่อเป็นทาสของกิเลสอีก
ท่านถึงบอกว่าให้เจริญสติเข้าไปหัดอบรม หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ขันธ์ห้าในกายของตัวเรา ใจจะเกิดกิเลสก็พยายามขัดพยายามเกลาเอาออก พยายามละ ใจเกิดความโลภก็ละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการให้ด้วยการเอาออก ด้วยการช่วยเหลือ ด้วยการให้อภัย มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดคือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เพราะว่าตราบใดที่ยังเกิดอยู่ เราก็ต้องพยายามขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้
โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด พวกเราอยากสร้างบุญสร้างกุศลก็ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโอกาสเปิดทำได้เลย อยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่กับหมู่อยู่กับคณะ อยู่กับเพื่อนกับฝูง อยู่กับการกับงาน เราก็ดูใจของเรามีความตระหนี่ เหนียวแน่นหรือไม่ ใจของเรามีความอิจฉาริษยาหรือเปล่า ใจของเรามีความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า เราก็พยายามขัดเกลาเอาออกนั่นแหละ เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระ เยี่ยมใจของเรา อบรมใจของเรา ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ไม่ว่าพระไม่ว่าชี ก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ถ้าเราแก้ไขตัวเราไม่ได้ ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย
ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน คือสติเป็นที่พึ่งของใจ สมมติเราก็อาจจะพึ่งกันได้อยู่ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับใจของเรานั้นเราต้องเจริญสติเข้าไปอบรม ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการทำบุญทำกุศล ใจของเราเป็นบุญเราก็จะอยู่กับบุญ เราก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ จนกระทั่งถึงเวลาหมดลมหายใจ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
ถ้าเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญ หมั่นสร้างบุญเอาไว้ เป็นเข้าพกเข้าห่อ มีโอกาสพวกเราก็ได้มาร่วมกันอย่างนี้แหละ มาสร้างอานิสงส์ฝากเขาไว้ให้กับสถานที่ ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลาง ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนรวม พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อไม่จบไม่สิ้น เป็นบุญกองมหึมา ไปที่ไหนก็ไม่ตกอับไม่ลําบาก เพราะว่ามีเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป จนกว่าจะดับความเกิดได้ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไปไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 16 มีนาคม 2560
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พวกเราได้พากันสร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ฟังไปด้วยน้อม สำเหนียกไปด้วย นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย
เสียงก็สักแต่ว่าเสียง การสร้างความรู้ตัว เราพยายามสร้างขึ้นมาให้เข้มแข็งให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเอาไปใช้กับการกับงาน เอาไปใช้ในการรู้เท่าทันใจ รู้การเกิดของใจ รู้การเกิดของอาการของขันธ์ห้า หรือว่าความคิดนั่นแหละ เขาเกิดอย่างไร เขาก่อตัวอย่างไร เราพยายามสร้างสติหรือว่าเจริญสติตัวใหม่ลงที่กายของเรา อยู่ที่การเคลื่อนไหวบ้าง อยู่ที่ลมหายใจบ้าง แล้วแต่จริตของบุคคลที่จะชอบตรงไหน
เราก็พยายามดูตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งถึงเวลานี้ จนรู้เท่ารู้ทัน ทำความเข้าใจแล้วก็รู้กันรู้แก้ ใจเกิดกิเลสก็รู้จักละกิเลส ใจเกิดความทุกข์เศร้าหมอง เราก็หารู้จักวิธีแก้ไข ใจทําไมถึงเกิด ทําไมใจถึงหลง ของดีอยู่ในกายของเรา เราพยายามสร้างขึ้นมา เจริญสติขึ้นมา ใจไม่มีพรหมวิหาร ใจไม่มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เราก็พยายามปรับแก้ไขปรับปรุงตัวเรา ถ้าเราไม่สอนใจเรา ไม่มีใครจะสอนใจเราได้เลยนอกจากตัวของเรา ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่ทำการทำงาน เราก็ต้องพยายามรู้กายรู้ใจของเรา สติปัญญาไปแก้ไขทุกอย่าง จนกระทั่งเราหมดลมหายใจ อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เสียดายเวลา ทุกลมหายใจเข้าออกที่ท่านเรียกว่า ทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก เป็นอัตโนมัติในการดูในการรู้
แต่เวลานี้ใจของเรายังหลงอยู่ เราอาจจะว่าเราไม่หลง เรารู้อยู่ แต่รู้อยู่ในความหลงอยู่ เพราะว่าเราต้องได้เจริญสติตัวใหม่ สร้างความรู้ตัวใหม่ให้เข้มแข็งให้ต่อเนื่อง จนรู้ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ขันธ์ห้าผุดขึ้นมาใจของเราก็ไปรวมไปร่วมได้อย่างไร ใจของเราเกิดกิเลสหรือส่งไปภายนอกเราหยุดเราดับได้ระดับไหน ต้นเหตุ กลางเหตุ ปลายเหตุ หรือว่ามีตั้งแต่ส่งเสริม เราก็ต้องพยายามดำเนินตามคําสอนของพระพุทธองค์ให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ตราบใดที่เรายังดำเนินอยู่ ตราบใดที่เรายังสร้างบุญสร้างบารมีกันอยู่ ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ไม่ถึงพรุ่งนี้ เดือนนี้ เดือนหน้า ปีหน้า ไม่ถึงจริงๆ ไปต่อเอาภพหน้า
ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ เราพยายามตักตวงสร้างคุณงามความดีลงที่กายที่ใจของเรา รีบขวนขวายแสวงหาให้เจอ เจอใจของเรานั่นแหละ ไม่เจออะไรหรอกก็เจอใจ ทําไมใจถึงหลง ทําไมใจถึงเกิด วิธีการแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกได้เดินตาม การสร้างอานิสงส์ สร้างบุญ สร้างตบะ สร้างบารมี ทุกคนก็สร้างกันมาดีถึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ แต่การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็ยังหลงอยู่ หลงเกิด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด หลงเกิดมาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง ตัวเราตัวใจอีก ที่นี้ใจก็ไปเกิดต่อเป็นทาสของกิเลสอีก
ท่านถึงบอกว่าให้เจริญสติเข้าไปหัดอบรม หัดสังเกต หัดวิเคราะห์ขันธ์ห้าในกายของตัวเรา ใจจะเกิดกิเลสก็พยายามขัดพยายามเกลาเอาออก พยายามละ ใจเกิดความโลภก็ละความตระหนี่เหนียวแน่นด้วยการให้ด้วยการเอาออก ด้วยการช่วยเหลือ ด้วยการให้อภัย มองโลกในทางที่ดี คิดดีทำดี อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็รีบทำ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดคือไม่ต้องกลับมาเกิดกัน เพราะว่าตราบใดที่ยังเกิดอยู่ เราก็ต้องพยายามขอให้เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศลเอาไว้
โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด พวกเราอยากสร้างบุญสร้างกุศลก็ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนโอกาสเปิดทำได้เลย อยู่ใกล้อยู่ไกล อยู่กับหมู่อยู่กับคณะ อยู่กับเพื่อนกับฝูง อยู่กับการกับงาน เราก็ดูใจของเรามีความตระหนี่ เหนียวแน่นหรือไม่ ใจของเรามีความอิจฉาริษยาหรือเปล่า ใจของเรามีความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า เราก็พยายามขัดเกลาเอาออกนั่นแหละ เราก็จะได้เป็นบุคคลที่เข้าวัด ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระ เยี่ยมใจของเรา อบรมใจของเรา ไม่ว่าผู้หญิงผู้ชาย ไม่ว่าพระไม่ว่าชี ก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรา ถ้าเราแก้ไขตัวเราไม่ได้ ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย
ที่ท่านบอกว่าตนเป็นที่พึ่งของตน คือสติเป็นที่พึ่งของใจ สมมติเราก็อาจจะพึ่งกันได้อยู่ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับใจของเรานั้นเราต้องเจริญสติเข้าไปอบรม ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผลอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการทำบุญทำกุศล ใจของเราเป็นบุญเราก็จะอยู่กับบุญ เราก็ต้องพยายามหมั่นพร่ำสอนตัวเราตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ จนกระทั่งถึงเวลาหมดลมหายใจ มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน
ถ้าเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกองบุญ หมั่นสร้างบุญเอาไว้ เป็นเข้าพกเข้าห่อ มีโอกาสพวกเราก็ได้มาร่วมกันอย่างนี้แหละ มาสร้างอานิสงส์ฝากเขาไว้ให้กับสถานที่ ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลาง ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนรวม พวกเราจากไปคนรุ่นหลังก็มาสานต่อไม่จบไม่สิ้น เป็นบุญกองมหึมา ไปที่ไหนก็ไม่ตกอับไม่ลําบาก เพราะว่ามีเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป จนกว่าจะดับความเกิดได้ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน
เอาล่ะวันนี้ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไปไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอานะ