หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 13 วันที่ 20 มกราคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 13 วันที่ 20 มกราคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 13 วันที่ 20 มกราคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 13
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 20 มกราคม 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง อดทนนั่งอีกสักนิดหนึ่ง วางกายให้สบาย และก็วางใจให้สบาย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจก็จะชัดเจน

เราพยายามสร้างความรู้ตัว ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ให้ต่อเนื่อง ถ้าเรารู้ใจ เราก็พยายามรู้ใจของเราเลยก็ได้ รู้ว่าขณะนี้ใจปกติ ใจสงบ ใจปราศจากกิเลส มีความคิดผุดขึ้นมาหรือเรียกว่า อาการของขันธ์ห้า แล้วใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ตรงนี้แหละความหลง เพราะว่าใจของเรามาสร้างภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเราเองเอาไว้ แล้วก็หลงมายึดมาติด ความหลงมีหลายชั้น ชั้นหยาบ ชั้นละเอียด การเกิดของใจนั่นก็คือ ความหลงอย่างละเอียด ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด

ตามปกติ จิตใจของทุกคนนั้นสะอาดมาแต่ก่อน เพราะความไม่เข้าใจเร่ร่อนมา มาเกิดในภพน้อยเกิดในภพใหญ่ สารพัดภพ จนกระทั่งมาเกิดสร้างภพมนุษย์ เรียกมนุษย์นี่เรียกว่า ภพมนุษย์ มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเองเอาไว้ แล้วก็มาหลง แล้วก็หลงเกิดต่อ นอกจากแนวทางของพระพุทธองค์ที่ค้นพบ แล้วก็มาเปิดเผยจําแนกแจกแจงวิธีการแนวทางการสร้างอานิสงส์ สร้างบุญสร้างบารมี แล้วก็การเจริญสติให้มีให้เกิด แล้วก็รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ ลักษณะของสติรู้ตัว คือความรู้สึกตัวนั่นแหละให้ต่อเนื่อง ลึกลงไปเราก็จะรู้ความเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ

การพูดง่ายอยู่ แต่การลงมือจริงๆ ต้องเป็นคนขยันหมั่นเพียร เพียรขัดเกลา เพียรเอาออก เพียรสำรวจสำรวมตัวเราตลอดเวลา ทั้งทางกาย ทางใจ ทางวาจา หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา อะไรผิดพลาดก็แก้ไข จัดระบบระเบียบทั้งความคิดทั้งอารมณ์ อาการของความคิดเป็นอย่างไร ตัวใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างไร นิวรณ์ครอบงำเป็นอย่างไร เราต้องทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง พระพุทธองค์ท่านถึงบอกให้เชื่อ

แนวทางนั้นมีมานาน เราได้สอนใจของเราแล้วหรือยัง หรือว่าปล่อยไปตามอำเภอใจ ตามอำเภอใจ ตามอำนาจของกิเลส ทุกคนก็มีกิเลสกันหมดนั่นแหละ แต่จะมีมากมีน้อย เราก็ค่อยขัดเกลาพิจารณาอยู่บ่อยๆ ทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ สักวันหนึ่งเราก็คงจะมองเห็นจุดหมายปลายทางที่เดิน เป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่เรื่องของคนอื่น เป็นเรื่องของตัวเราทั้งนั้น เรื่องกาย เรื่องใจ เรื่องความเป็นอยู่ ทางสมมติทางโลกธรรม ทางโลกสมมตินั่นก็อาศัยกันอยู่

แต่ในหลักธรรมแล้วเราก็ต้องพยายามดูที่ใจของเราเป็นหลัก แก้ไขใจของเราได้แล้วก็อนุเคราะห์สมมติต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือเรียกว่า โลกธรรมแปด นั่นแหละ โลกเป็นลักษณะอย่างไร กายของเรานี่แหละเป็นก้อนโลก เราต้องดูรู้ให้ละเอียด เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่อง แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา หมั่นพร่ำสอนเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ทุกเรื่องในชีวิตตั้งแต่ตื่นขึ้นมาจนกระทั่งหมดลมหายใจ ไม่ให้ใจของเราไปเกาะเกี่ยวกับอะไรทั้งสิ้น มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

ตราบใดที่เรายังเข้าไม่ถึง เราก็ต้องพยายาม สร้างตบะ สร้างบารมี สร้างอานิสงส์ ให้มีให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา คิดดีทำดี การกระทำของเราให้ถึงพร้อม ถึงจะเกิดประโยชน์ ไม่ว่าอยู่ใกล้อยู่ไกล ประโยชน์ไกลประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดในปัจจุบัน ประโยชน์ในโลกหน้า ประโยชน์ในโลกหน้าเอาไว้ทีหลัง ทำประโยชน์ปัจจุบันให้ดี เขาก็จะส่งผลถึงอนาคตได้ดีเอง

ความตายไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลา ไม่ว่าเด็ก ไม่ว่าผู้ใหญ่ นี่มารับเอาโลงศพทุกวัน วันละโลง วันละสองโลง สามโลงก็มี แม่ชีเจี๊ยบ วันนี้ไปเอาช่วยเอาผ้าขาวไปตัดให้หน่อยนะ เพราะว่าผ้าขาวไม่พอห่อศพ ช่วยไปตัดผ้าขาวให้หน่อย จะเอามาไว้ เพราะว่ามารับเอาศพทุกวันๆ ตั้งแต่ทำมาสามสี่ปีนี่เจ็ดร้อยสิบกว่าศพแล้ว ถ้าจับมานั่งนี่คงจะเต็มศาลาไม่มีที่นั่ง นี่แหละความพลัดพรากจากกัน ไม่ว่าพลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์ เราพยายามสร้าง หมั่นสร้างคุณงามความดี เพราะว่าทุกคนเกิดมาด้วยแรงเหวี่ยงของกรรม เมื่อธาตุขันธ์แตกดับ ถ้าไม่หมดกรรมก็ต้องไปต่อ ก็ขอให้ไปในทางที่ดี ไปในสู่สถานที่ดี

ขณะที่เรายังมีกําลัง ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็พยายามแก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่าน ก็เหมือนกับครอบครัวใหญ่ บางคนก็จะเอาอันนั้น บางคนก็จะเอาอันนี้ ก็พยายามแก้ไขตัวเรา ความสมัครสมานสามัคคี ความเป็นระเบียบ ไม่ว่าที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน โรงทานโรงครัว โรงครัวนี่หนัก พยายามช่วยกันแก้ไข ช่วยกันทำ ช่วยกันทั้งโรงครัวโรงทาน คนมีความเสียสละมาทำให้หมู่ให้คณะไม่ให้ลําบากก็ลําบาก

หนักทั้งกาย หนักทั้งใจ เราก็พยายามมาแก้ไข อะไรผิดพลาดก็ให้แก้ไข ช่วยเหลือบอกกล่าวซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คอยจะอคติเพ่งโทษกัน เรามาช่วยเหลือกัน มาทำหน้าที่จนกว่าจะได้พลัดพรากจากกัน เพราะว่าเป็นกฎของไตรลักษณ์ ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็น ก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย ขณะที่ยังมีลมหายใจ อะไรที่เป็นอกุศลเราก็ละเสีย อะไรที่จะเป็นกุศลเราก็เจริญให้มีให้เกิดขึ้น ทุกคนก็ปรารถนาหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น ก็เพื่อที่จะไม่ต้องกลับมาเกิดกันทั้งนั้นแหละ ก็ต้องพยายามกันนะ

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง