หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 9 วันที่ 12 มกราคม 2560

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 9 วันที่ 12 มกราคม 2560
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 9 วันที่ 12 มกราคม 2560
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2560 ลำดับที่ 9
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 12 มกราคม 2560

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง นั่งตามสบาย วางกายให้สบาย แล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราละไม่ได้ ดับไม่ได้ ก็ขอให้หยุดอยู่ขณะนี้แหละ

ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจยาวๆ สัก 2-3 เที่ยว กายก็จะสบายขึ้นเยอะ ใจของเราก็จะสงบตั้งมั่นขึ้น ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราก็จะชัดเจน รู้อยู่ที่ปลายจมูกก็พอ ถ้าความรู้สึกรับรู้ไม่ชัดเจน เราก็พยายามสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ แล้วก็ผ่อนออกมายาวๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ

นี่เราพยายามศึกษาเรื่องการหายใจเข้าหายใจออก ไม่เข้าใจ ไม่ชัดเจน เราก็ทำบ่อยๆ นี่แหละที่ท่านเรียกว่า เจริญสติลงที่กาย รู้กายรู้ลมหายใจเข้าออกตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ ความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง เราก็จะรู้เท่าทันการเกิดของใจ รู้ลักษณะของใจ รู้ลักษณะอาการของขันธ์ห้าของความคิด การเกิดของใจ การปรุงแต่งของใจเป็นอย่างไร ถ้าเรามีความรู้ตัวเราจะเห็น แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามีอยู่บ้างแต่ไม่ต่อเนื่อง มีเป็นบางครั้งบางคราว ส่วนศรัทธา ความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย การฝักใฝ่ในการทำบุญ ตรงนี้มีกันทุกคน มีกันมานาน เพราะว่าเป็นพื้นฐานเป็นบารมีของทุกคนที่จะขัดเกลากิเลส

การให้ทานก็เพื่อจะละกิเลสออกจากใจของเรา ให้เบาบางลงไปจนกว่ากิเลสจะหมดจากใจของเรา เข้าถึงความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น หมั่นทำบุญหมั่นให้ทาน หมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต หมั่นทำความเข้าใจ การเกิดมาเป็นมนุษย์นี่ก็นับว่ามีบุญ มีบุญระดับหนึ่ง การมาทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง มองเห็นหนทางเดิน อันนี้ก็ยิ่งมีบุญมากมายมหาศาล มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะไม่ได้กลับมาเกิดกัน

บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยมไม่ว่าอยู่ที่ไหน อยู่ที่บ้าน ที่ทำการที่ทำงาน เราสำรวจรู้กายรู้ใจของเรา ใจของเรามีความสุข ใจของเราไม่มีความเกียจคร้าน ใจของเราไม่มีความกังวล ใจของเราไม่มีความโลภ ถ้ามีเราก็รู้จักละจักขัดจักเกลา ทำในสิ่งตรงกันข้ามด้วยการให้ ให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี อะไรผิดพลาดก็รีบแก้ไขทั้งงานภายนอกงานภายใน ก็จะส่งผลถึงอนาคตได้ดี

เราพยายามทำขณะที่เรายังมีกำลังอยู่ หมั่นฝักใฝ่ หมั่นสนใจ หมั่นวิเคราะห์ทุกเรื่องในชีวิตของเราตั้งแต่ตื่นขึ้นจนกระทั่งเราหมดลมหายใจ หมดลมหายใจแล้วก็ไปตามแรงเหวี่ยงของกรรม กรรมดีกรรมชั่ว กรรมดำกรรมขาว เราละกรรมดำเราละกรรมชั่ว สร้างกรรมขาว ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ก็เกิดอยู่ในกองบุญกองกุศล ไม่ได้ตกอับ ที่เรามาทำบุญให้ทานก็เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไป

หลวงพ่อก็ขอขอบใจทุกคน ขอบคุณขอบใจทุกคนที่ได้มาร่วมบุญกัน ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็มาร่วมมาช่วยกัน บางคนบางท่านก็นำทองมา มาฝากเอาไว้หล่อหลอมทำฉัตรมหาเจดีย์ เดี๋ยวนี้ก็ได้ร่วม 2 กิโลกรัมกว่ากระมัง ก็ค่อยเก็บสะสมไปทีละเล็กทีละน้อย หลวงพ่อก็ขอขอบคุณขอบใจทุกคน บางคนบางท่านก็น้อมนำปัจจัยมาช่วยมาสร้างมหาเจดีย์ ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของแผ่นดิน ฝากไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนรวม ฝากเอาไว้ให้เป็นสมบัติของส่วนกลาง

พวกเรามีโอกาสมากก็ได้ทำมาก ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ มาช่วยกันหล่อหลอม อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง เราพยายามวิเคราะห์ทั้งภายในทั้งภายนอก ทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ให้รู้ชัดเจนในขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน ก็ต้องพยายามกัน

ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่ จนกว่าเราจะหมดลมหายใจ เพราะว่าทุกคนเกิดมา เท่าไรก็ตายหมด แต่ถ้ายังไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาแล้วเอาอะไรมาฉุดมารั้งเอาไว้ไม่อยู่ ขณะที่ยังไม่ถึงเวลานั้น เราก็พยายามมาแก้ไขใจเรา หมั่นสร้างตบะสร้างบารมี เรานั่นแหละได้ ไม่มีใครได้หรอก

ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาก็กายเป็นอย่างไร ใจเป็นอย่างไร ภาระหน้าที่การงานของเราเป็นอย่างไร มีความสุขกับการกับงาน มีความสุขกับการสร้างคุณงามความดี ต่อไปในวันข้างหน้าเราอาจจะได้ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

สร้างความรู้สึกตัวให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่องกันสักนิดหนึ่งก็ยังดีนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง