หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 70 วันที่ 30 กันยายน 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 70 วันที่ 30 กันยายน 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 70 วันที่ 30 กันยายน 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 70
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 30 กันยายน 2561

มีความสุขกันทุกคน เรามาร่วมแรงร่วมกายร่วมใจกัน สร้างบุญสร้างประโยชน์ สร้างอานิสงส์ให้กับสถานที่ ให้กับใจของเรา โอกาสเปิดกาลเวลาเปิดสถานที่เปิด เราอย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง ถึงกายของเราไม่ได้มาร่วมเราก็อนุโมทนาสาธุด้วยเราก็จะมีส่วนแห่งบุญ อาจจะลำบากอยู่ช่วงใหม่ๆ ลำบากทั้งกายทั้งใจในการกระทำ บางทีก็เหนื่อยบางทีก็ร้อน บางทีก็ขาดอันโน้นบ้างขาดอันนี้บ้าง เราก็ช่วยกันพิจารณายังสมมติให้เกิดประโยชน์ ไม่เหลือวิสัยเราทำสำเร็จได้เมื่อไรอานิสงส์บุญก็จะตั้งเอาไว้ ฝากเอาไว้กับสมมติชั่วกาลนาน พวกเราจากไปรุ่นหลังก็จะได้มาสานต่อไม่ได้ลำบาก

ทำทุกอย่าง อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน การฝึกหัดปฏิบัติใจไปด้วย เราก็ต้องวิเคราะห์ใจของเราไปด้วย ใจของเราเกิดอย่างไร ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราได้อย่างไร ทำไมใจถึงเกิด ทำไมใจถึงเป็นทาสกิเลส ทำไมใจถึงหลง ถ้าเรารู้จักการเจริญสติ เข้าไปรู้เท่าทันจนใจคลายออก คลายออกจากขันธ์ห้า แยกรูปแยกนามได้ จะมีตั้งแต่ความสนุกในการดู ในการดูในการรู้ว่ากิเลสตัวไหนจะมาหลอกเรา เราจะพลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหน พลั้งเผลอให้กิเลสตัวไหน เราจะแพ้ให้กิเลสตัวไหน แพ้แล้วเริ่มต้นใหม่ แพ้แล้วเริ่มต้นใหม่ กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร เหตุจากภายนอกหรือเหตุจากข้างใน

คำสอนแนวทางนั้นพระพุทธองค์ท่านได้ค้นพบตั้งนานแล้วหลายร้อยหลายพันปี สัจธรรมก็ยังมีอยู่ หลักของอริยสัจก็ยังมีอยู่ ความจริงอันประเสริฐมีอยู่ในกายของเรา ถ้าเรารู้จักค้นคว้า อันนี้ลักษณะของสติที่เราสร้างขึ้นมา ลักษณะอาการของใจ ลักษณะอาการของขันธ์ห้า มีกันทุกคน เว้นเสียแต่ว่าเราจะรู้จักจำแนกแจกแจงได้หรือไม่เท่านั้นเอง ส่วนมากก็รวมกัน รวมกันไปหมดทั้งใจทั้งกาย ทั้งรูปทั้งนาม รวมกันเป็นสิ่งเดียวไปด้วยกัน อาจจะถูกอยู่ในระดับของสมมติแต่ในหลักธรรมแล้วยังหลงอยู่ เพราะว่าใจยังไม่คลายจากขันธ์ห้าหรือว่าแยกรูปแยกนามไม่ได้ แต่ก็ยังเป็นสัมมาทิฏฐิอยู่ในกองบุญ ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ใจของเราตกไปสู่ความทุกข์ เราก็พยายามแก้ไขใจของเรา สร้างสะสมบุญทีละเล็กทีละน้อย สร้างสะสมบุญบารมีของเรา การให้ทาน ให้ทานด้วยปัญญา การทำบุญ ทำบุญให้ทานเพื่ออะไร เพื่อขัดเกลากิเลสให้เบาบางลงไป

ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามละความโกรธด้วยการให้อภัยอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี การเจริญสติ ความหมายของการเจริญสติก็เพื่อที่จะเข้าไปอบรมใจให้ถูกต้อง ไม่ให้ใจของเราหลง ไม่ให้ใจของเราเกิดเป็นทาสของกิเลส ใจไม่มีกิเลสเขาก็บริสุทธิ์ ใจไม่เกิดเขาก็นิ่ง เราพยายามดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน ไม่ถึงช้าก็ต้องถึงเร็ว ไม่ถึงวันนี้ก็ต้องถึงพรุ่งนี้ ไม่ถึงเดือนนี้เดือนหน้า ปีนี้ปีหน้า วันพรุ่งนี้ก็จะมาเป็นวันนี้ เดือนหน้าก็จะมาเป็นเดือนนี้วันนี้ ภพนี้มีภพหน้ามี พ่อแม่พี่น้องมี แต่ก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน เพราะเป็นหลักของไตรลักษณ์ หลักของความเป็นจริง ให้เราทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ให้รู้ความจริงก่อนที่จะหมดลมหายใจ ก็ต้องพยายามกัน ไม่เหลือวิสัยหรอก

การทำบุญให้ทานพวกเราก็มีโอกาสได้ทำ โอกาสเปิด เปิดให้ทุกคน คนไหนฝักใฝ่สนใจก็พากันมา มาทำ บางคนบางท่านก็มาทำความสะอาด บางคนบางท่านก็มาทำห้องส้วมห้องน้ำ ทำได้หมด ทำได้หมดอะไรที่จะเป็นบุญอะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะขัดเกลากิเลสของเราออกจากใจของเรา แนวทางนั้นทุกคนก็ได้ยินได้ฟังได้อ่านกันมาตั้งนาน แต่การลงมือการกระทำเราก็ต้องพยายามดำเนินทำตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่

ใจปกติเป็นอย่างนี้ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจเป็นอย่างนี้ ส่วนมากก็ทั้งใจทั้งอาการของใจทั้งปัญญารวมกันไปทั้งก้อน เขาเรียกว่า หมุน หมุนกันไปเป็นวงกลมไปทั้งก้อนไปตามกรรม แต่ในหลักธรรมท่านให้เจริญสติเข้าไปสังเกตวิเคราะห์จนใจคลายออก เหมือนเราตัดวงกลมออก ตัดวงกลมจะหมุนต่อไม่ได้ ทำความเข้าใจ ถ้าเราไม่ทำความเข้าใจเขาก็กลับไปสู่สภาพเดิม เพราะกิเลสเขาก็ไม่ยอมแพ้ เราต้องเจริญสติปัญญา สร้างบารมีต่อสู้กับกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีหลายชั้น ทั้งหยาบทั้งละเอียดบางทีก็ขัดเกลาเอาออกยาก บางทีบางคนบางท่านก็สร้างบารมีมาดีได้ฟังนิดเดียวก็เข้าถึงความบริสุทธิ์ เพราะว่ารู้ใจ รู้จากลักษณะของใจ จะเอาจะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญา

ทั้งพระใหม่ทั้งชีเก่า พระใหม่ก็ต้องพยายาม อย่าพากันเกียจคร้าน อย่าไปงอมืองอเท้า การสร้างสะสมความเกียจคร้านวันหนึ่งเพิ่มไปอีก วันสองก็เพิ่มไปอีกเรื่อยๆ จนสะสมความเกียจคร้าน เราจงพยายามสร้างความขยัน สร้างความเป็นระเบียบ ขยัน มีการฝักใฝ่ มีการสนใจ รู้จักขวนขวาย รู้จักช่วยเหลือ ช่วยตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นจนล้นออกไปสู่หมู่สู่คณะสู่พี่สู่น้อง ถ้าเราเข้ามาฝึกยิ่งสะสมความเกียจคร้านมันก็ยิ่งจะเยอะขึ้นๆ

พระเรานี่แหละสำคัญ ส่วนมากบวชเข้ามาแล้วก็ว่าตัวเองได้บวชแล้วก็ได้บุญมันยังไม่ใช่ ยังไม่ใช่ บวชเข้ามากายบวชเข้ามาแล้วเราต้องมาเพิ่มความขยัน สร้างความเพียรให้เป็นเลิศ การละกิเลสเป็นอย่างนี้ การดับความเกิดเป็นอย่างนี้ การแยกรูปแยกนาม การตามดูรู้เห็น ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นอย่างนี้ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ถ้าเรามาสร้างสะสมนิวรณ์ทำความเกียจคร้านเข้าครอบงำ วันหนึ่งก็เพิ่มขึ้น มากขึ้นๆๆ แทนที่จะได้บุญ แทนที่จะได้อานิสงส์กลับได้แต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำเอาไปใช้กับชีวิตไม่ได้

เราจงพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียรทั้งสมมติ วิมุตติ สมมติคือโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ปัจจัยสี่ที่อำนวยความสะดวกทางด้านสมมติ มีอะไรเราก็ช่วยกันทำ ที่พักที่อาศัยของเราสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยหรือไม่ ทางเดิน ถนนหนทาง ห้องส้วมห้องน้ำ ถ้าไม่มีปัจจัยพวกนี้สมมติก็ลำบาก สมัยก่อนนั้นไม่เป็นอย่างนี้ ลำบาก เดินเข้ามาก็มีแต่ป่าเพ็ก ป่าหนาม ป่าเล็บแมว ทั้งหญ้าคา ไม่มีใครอยากจะเดินเข้ามา มีแต่กองกระดูกเผาเกลื่อนเต็มกันแม้แต่ที่ท่านนั่งอยู่นี้ก็ขุดลงไปตรงไหนก็เจอแต่ไหกระดูก หลวงพ่อก็มาขุด แม้แต่ศาลานี่ก็มาขนดินอยู่คนเดียวทั้งหนาวๆ กลางค่ำกลางคืน ตีสี่ตีห้าก็เอาดินเข้ามาถม มาทำอาสน์สงฆ์มาทำที่พักที่นั่ง แม้แต่ถนนหนทางก็ขนดินเข้าไปถม ตีสี่ตีห้า หนาวๆ ก็ทำอยู่คนเดียว มันลำบากมาก แม้แต่ถ้วยจะใส่กับข้าวกับปลานี่ต้องขุดเอาตามหลุมศพเลยทีเดียว มาใส่กับข้าวกับปลา

ทุกวันนี้สมมติก็ไม่ได้ลำบาก เอื้ออำนวยความสะดวกให้ ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ญาติโยมเทวดาก็มาทำบุญ ก็ทำสะสมมาเรื่อยๆ จนสมบูรณ์แบบ พวกเรามามีโอกาส สมมติก็ไม่ได้ลำบาก ก็พากันเร่งทำความเพียรให้เต็มที่ สร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ ถ้าเราสร้างความเกียจคร้าน สะสมความเกียจคร้านแล้วก็ครอบงำ เราก็ช่วยตัวเองไม่ได้ใช้ตัวเองไม่เป็น มีตั้งแต่กิเลสเข้าครอบงำ มีตั้งแต่ความโลภ ความโลภความอยากเข้าครอบงำ เราต้องพยายามกำจัดออกไปจากจิตใจของเราให้ได้ บวชเข้ามาแทนที่จะหาทางดับทุกข์ อย่างน้อยๆ ก็ให้เบาบางลงไป อย่ามาสร้างสะสมกิเลสเข้าทับถมดวงใจของตัวเรา มันไม่ใช่ ให้ได้กำไรชีวิต ถึงเราออกไป เราก็จะได้สร้างสะสมต่อ เดินปัญญาได้ต่อ ก็ต้องพยายามกัน

ตั้งใจรับพรกัน
—-----

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียกไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก 2-3 เที่ยว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจ ที่เราหายใจเข้ายาวๆ ความรู้สึกก็จะชัดเจน

เราพยายามสร้างความรู้สึกรับรู้ตรงนั้นแหละ เวลาหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน ถ้าเรารู้สัมผัสของลมหายใจ อันนี้เขาเรียกว่า รู้กาย มีสติอยู่กับกาย ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่อง การเกิดของใจ อาการของใจ เราก็จะรู้เท่ารู้ทัน การเกิดอาการของขันธ์ห้า ความคิดที่เราไม่ตั้งใจคิด เราก็จะรู้ทัน ใจกับอาการของใจเข้าไปรวมกันได้อย่างไร ถ้าเราสังเกตทันปุ๊บ ใจจะแยกออกจากความคิด เหมือนเราตัดวงกลมขาดออกจากกัน เราก็จะตามเห็นการเกิดการดับ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ คำว่าอัตตาเป็นอย่างนี้ อนัตตาเป็นอย่างนี้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายในขันธ์ห้าของเราเป็นอย่างนี้ อันนี้วิญญาณ ส่วนวิญญาณเรียกว่า ตัวใจ กองรูปกองนาม ทีนี้เราก็พยายามดูรู้ละกิเลส กิเลสเกิดที่ใจของเราเราก็ขัดเกลาเอาออก กิเลสหยาบกิเลสละเอียดมีเป็นชั้นเป็นขั้นเป็นตอนอยู่

ขอให้เรามีความเพียร มีศรัทธา แล้วก็มีความเพียรที่ถูกทาง เราก็จะมองเห็น มองเห็นจุดหมายปลายทางที่เราจะเดิน เราขัดเกลากิเลสเอาออกได้มากเท่าไรใจของเราก็จะเบาบาง ใจของเราก็จะเข้าถึงความบริสุทธิ์ได้เร็วได้ไว ใจที่ไม่มีความโลภ ความโกรธ ความอยาก ใจที่คลายจากขันธ์ห้า ใจที่ดับความเกิดได้ ปล่อยวางใจให้เป็นอิสรภาพได้ ใจของเราก็จะอยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความว่าง นั่นแหละเขาเรียก วิหารธรรม เครื่องอยู่ของใจ ความว่างของใจ ความบริสุทธิ์ของใจ นั่นแหละเขาเรียกว่า นิพพาน คือ ความเย็น ความสงบ ให้ได้ก่อนที่จะหมดลมหายใจ

นิพพานจากการเกิด จากการเดินปัญญา ละกิเลส ละขันธ์ห้า ใจก็จะมีตั้งแต่ความสุข เราก็บริหารสติปัญญาของเรา เจริญสติปัญญา บริหารกาย บริหารใจของเรา ให้อยู่กับสมมติจนกว่าธาตุขันธ์จะแตกจะดับ บุญสมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม บุญวิมุตติการขัดเกลากิเลสเราก็ดำเนินไปพร้อม ไม่ต้องไปเสียดายอาลัยอาวรณ์กับกิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเรากำจัดออกไปให้หมด

การได้ยิน ได้ฟัง ได้อ่าน การได้ศึกษาครูบาอาจารย์ตำราก็เป็นแค่เพียงแผนที่ชี้แนะแนวทาง เราพยายามเข้าถึงคำสอนให้ปรากฏขึ้นที่ใจของเรา เราก็จะเห็นด้วย หมดความสงสัยได้ด้วย หมดความลังเล มีตั้งแต่จะเพิ่มความเพียรให้ถึงจุดหมายปลายทางกัน

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรให้ถึงจุดหมายกัน ไม่ถึงวันนี้พรุ่งนี้ เดือนนี้เดือนหน้า ไม่ถึงจริงๆ สิ่งที่พวกเราทำก็จะไปต่อเอาภพหน้า ก็ต้องพยายามกัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง