หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 67
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 67
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่องความสืบต่อตรงนี้แหละที่พวกเรายังพากันทำกันไม่ได้เลย การทำบุญให้ทานศรัทธาตรงนั้นมีกันอยู่ แต่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องแล้วก็รู้กายของเรา แล้วก็รู้ใจ รู้ลักษณะของใจ อาการของใจ ใจส่งออกไปภายนอกได้อย่างไร อาการของขันธ์ห้าความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจของเราร่วมกันไปได้อย่างไร ตรงนี้ถ้าไม่มีความเพียรวิเคราะห์เจริญสติให้ต่อเนื่องจริงๆ ก็ยากที่จะเข้าใจ เราก็ต้องพยายามไม่เหลือวิสัย เพราะว่าคนเราเกิดมาความปรารถนาเดิมนั้นอยากจะหาทางดับทุกข์ อยากจะหาทางหลุดพ้น ก็ค่อยสร้างสะสมบารมีไปทีละเล็กละน้อยถึงเวลาก็เกิด ถึงจุดหมายปลายทาง
เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหารถึงเวลาก็อิ่ม พออิ่มแล้วก็รู้ว่าอิ่ม การปฏิบัติธรรมก็คือปฏิบัติใจ ปฏิบัติกายของเรา ปฏิบัติกายวาจาใจของเราให้ถูกต้อง ทำหน้าที่อะไร ทำหน้าที่อย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร อะไรคือปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาจนรู้เหตุ รู้เหตุเห็นเหตุเห็นผล เห็นการแยกการคลาย เห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป รู้เรื่องอัตตาอนัตตา รู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณ คือตัวใจของเรานั่นแหละ เอาปัญญาเจริญสติของเราให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่องเอาไปอบรมใจ ใจก็อยู่ในโอวาทของสติปัญญา จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงว่าไม่มีสาระประโยชน์แก่นสารอะไร ปัญญาก็จะค่อยดับค่อยละกิเลสเกิดขึ้นที่ใจ ปัญญาของเราก็จะค่อยดับค่อยหยุด ค่อยอบรมไปทีละเล็กละน้อย จนใจของเราเข้าถึงความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นจนไม่เกิด ดับความเกิดได้ คลายความหลง ดับความเกิด ละกิเลส
ถ้าเจริญสติให้ต่อเนื่องเราจะเห็นเยอะ ยิ่งฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรเราก็พยายามทำความเข้าใจให้มันเต็มรอบ รู้ความจริงแล้วก็ค่อยละค่อยวาง อะไรควรทรงเอาไว้ อะไรควรละ อย่าไปปิดกั้นตัวเรา พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละ สมมติภายนอกเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีให้เกิดประโยชน์ อย่าเกียจคร้าน ความเกียจคร้านถ้าเราเกียจคร้านครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้งก็หมักหมมไปเรื่อยๆ
ถ้าเราสร้างความขยันครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งก็มากขึ้นๆๆ จนทำความเข้าใจได้เต็มรอบ จนสติปัญญานั่นแหละรักษาเรา สติไม่มีเราก็ต้องสร้างขึ้นมา สมาธิไม่มีเราก็สร้างขึ้นมา ปัญญาเรายังตีความหมายภาษาธรรมไม่ได้เราก็พยายามหมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ เราก็จะมองเห็นความเป็นจริงเข้าสักวันหนึ่ง ก็ต้องพยายามกันทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
วันนี้ก็ทางจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดท่านก็มองเห็นอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ท่านก็จะได้มอบโล่รางวัลเกียรติคุณเกียรติยศให้กับทางวัด ก็ให้คุณหมอกับคุณอาจารย์ท่านอาจารย์กฤษณ์พากันไปรับ ผู้เฒ่าผู้แก่อยากจะไปด้วยก็ขอเชิญไปด้วยกันก็ได้นะ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราสร้างคุณงามความดีได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่น เพราะว่ากายของเราสร้างคุณงามความดีที่กายที่ใจของเราจนล้นไปออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่พี่สู่น้อง สู่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์แต่เราต้องรู้เรื่องความเป็นจริงในกายของเราให้ได้เสียก่อน ต้องจำแนกแจกแจงในกายของเราให้ได้เสียก่อน ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ แต่เรามองเห็นเป็นรูปเป็นก้อน
แต่หลักธรรมของพุทธองค์ท่านให้เห็นมองเป็นกองเป็นขันธ์ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ขัดเกลากิเลส กำจัดกิเลสออกทีละเล็กละน้อย ฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ เห็นเยอะเท่าไรเราก็ทำความเข้าใจเราก็ค่อยละ จนกำลังสติสมาธิปัญญารักษาเรา อยู่ที่ไหนเราก็อยู่ด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญาจนกว่าจะหมดลมหายใจ คนเราหมดลมหายใจก็มีทั้งแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ถ้าสูงขึ้นไปก็ปฏิบัติละทั้งบุญละทั้งบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ แต่เราก็ได้บุญแต่เราไม่ได้ไปยึดไปติด บุญก็คือความสบายใจ ความอิ่มอกอิ่มใจ ใจของเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลาก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ
เหมือนกับเรารับประทานข้าวปลาอาหารถึงเวลาก็อิ่ม พออิ่มแล้วก็รู้ว่าอิ่ม การปฏิบัติธรรมก็คือปฏิบัติใจ ปฏิบัติกายของเรา ปฏิบัติกายวาจาใจของเราให้ถูกต้อง ทำหน้าที่อะไร ทำหน้าที่อย่างไร กายทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณในกายทำหน้าที่อย่างไร อะไรคือปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาจนรู้เหตุ รู้เหตุเห็นเหตุเห็นผล เห็นการแยกการคลาย เห็นการเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป รู้เรื่องอัตตาอนัตตา รู้เรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในกายของเรา
ท่านถึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณ คือตัวใจของเรานั่นแหละ เอาปัญญาเจริญสติของเราให้ต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวต่อเนื่องเอาไปอบรมใจ ใจก็อยู่ในโอวาทของสติปัญญา จนใจคลายออกจากขันธ์ห้า ตามดูรู้เห็นตามความเป็นจริงว่าไม่มีสาระประโยชน์แก่นสารอะไร ปัญญาก็จะค่อยดับค่อยละกิเลสเกิดขึ้นที่ใจ ปัญญาของเราก็จะค่อยดับค่อยหยุด ค่อยอบรมไปทีละเล็กละน้อย จนใจของเราเข้าถึงความบริสุทธิ์ความหลุดพ้นจนไม่เกิด ดับความเกิดได้ คลายความหลง ดับความเกิด ละกิเลส
ถ้าเจริญสติให้ต่อเนื่องเราจะเห็นเยอะ ยิ่งฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไรเราก็พยายามทำความเข้าใจให้มันเต็มรอบ รู้ความจริงแล้วก็ค่อยละค่อยวาง อะไรควรทรงเอาไว้ อะไรควรละ อย่าไปปิดกั้นตัวเรา พยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบ สร้างความเสียสละ สมมติภายนอกเราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดีให้เกิดประโยชน์ อย่าเกียจคร้าน ความเกียจคร้านถ้าเราเกียจคร้านครั้งหนึ่ง สองครั้ง สามครั้งก็หมักหมมไปเรื่อยๆ
ถ้าเราสร้างความขยันครั้งหนึ่งสองครั้งสามครั้งก็มากขึ้นๆๆ จนทำความเข้าใจได้เต็มรอบ จนสติปัญญานั่นแหละรักษาเรา สติไม่มีเราก็ต้องสร้างขึ้นมา สมาธิไม่มีเราก็สร้างขึ้นมา ปัญญาเรายังตีความหมายภาษาธรรมไม่ได้เราก็พยายามหมั่นสังเกตหมั่นวิเคราะห์ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ เราก็จะมองเห็นความเป็นจริงเข้าสักวันหนึ่ง ก็ต้องพยายามกันทั้งพระทั้งโยมทั้งชี
วันนี้ก็ทางจังหวัดผู้ว่าราชการจังหวัดท่านก็มองเห็นอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ท่านก็จะได้มอบโล่รางวัลเกียรติคุณเกียรติยศให้กับทางวัด ก็ให้คุณหมอกับคุณอาจารย์ท่านอาจารย์กฤษณ์พากันไปรับ ผู้เฒ่าผู้แก่อยากจะไปด้วยก็ขอเชิญไปด้วยกันก็ได้นะ ไม่ว่าอยู่ที่ไหนเราสร้างคุณงามความดีได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่น เพราะว่ากายของเราสร้างคุณงามความดีที่กายที่ใจของเราจนล้นไปออกไปสู่หมู่สู่คณะ สู่พี่สู่น้อง สู่เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน ถึงเวลาก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พลัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พลัดพรากจากกันตอนตาย เพราะเป็นกฎของไตรลักษณ์แต่เราต้องรู้เรื่องความเป็นจริงในกายของเราให้ได้เสียก่อน ต้องจำแนกแจกแจงในกายของเราให้ได้เสียก่อน ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ แต่เรามองเห็นเป็นรูปเป็นก้อน
แต่หลักธรรมของพุทธองค์ท่านให้เห็นมองเป็นกองเป็นขันธ์ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา ขัดเกลากิเลส กำจัดกิเลสออกทีละเล็กละน้อย ฝึกไปเท่าไรยิ่งเห็นเยอะ เห็นเยอะเท่าไรเราก็ทำความเข้าใจเราก็ค่อยละ จนกำลังสติสมาธิปัญญารักษาเรา อยู่ที่ไหนเราก็อยู่ด้วยปัญญา ทำด้วยปัญญา บริหารด้วยปัญญาจนกว่าจะหมดลมหายใจ คนเราหมดลมหายใจก็มีทั้งแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป ถ้าสูงขึ้นไปก็ปฏิบัติละทั้งบุญละทั้งบาป สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ แต่เราก็ได้บุญแต่เราไม่ได้ไปยึดไปติด บุญก็คือความสบายใจ ความอิ่มอกอิ่มใจ ใจของเราก็จะอยู่กับบุญตลอดเวลาก็ต้องพยายามกันนะ
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจต่อให้รู้ทุกอิริยาบถ