หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 14 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 14 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนา พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 14 วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 14
พระธรรมเทศนา โดยพระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติตามความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามสร้างความรู้ตรงนี้แหละให้ต่อเนื่อง

ความสืบต่อความต่อเนื่อง ถ้าความรู้ตัวของเราต่อเนื่องลึกลงไปเราก็จะเห็นการเกิดของใจ รู้ลักษณะการเกิดของใจ รู้ลักษณะการเกิดของขันธ์ห้าของความคิดว่า ใจกับอาการของใจเขาเข้าไปรวมกันได้อย่างไร แต่เวลานี้กำลังสติหรือว่าความรู้ตัวของเราไม่ต่อเนื่องก็เลยรู้ไม่เท่าทันตรงนั้น

ส่วนการทำบุญให้ทาน ศรัทธา สร้างบารมีตรงนี้มีกันอยู่ แต่การเจริญสติที่ต่อเนื่องสืบโยงเชื่อมโยงกันไม่ค่อยประติดประต่อกันเท่าไร เราต้องรู้ให้ชัดเจนว่าลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างนี้ การเอาสติไปใช้การใช้งาน รู้เท่ารู้ทัน หัดสังเกต หัดรู้ รู้ลักษณะใจที่ปกติ ใจที่ไม่เกิด ใจที่คลายจากความคิดหรือว่าแยกรูปแยกนาม ใจเกิดกิเลสเราก็รู้จักดับรู้จักหยุด แล้วก็พยายามสร้างความเพียร เป็นบุคคลที่มีความเพียรให้ต่อเนื่อง

เรามีความขยันหมั่นเพียรเพียงพอหรือไม่ หรือว่าเรามีความเกียจคร้าน ใจของเรามีความเสียสละ ใจของเรามีความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีความหนักแน่นมั่นคงหรือไม่ เราพยายามหัดวิเคราะห์อยู่บ่อยๆ ทำความเข้าใจอยู่บ่อยๆ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นลักษณะอย่างนี้ กายทำหน้าที่อย่างนี้ หู ตา จมูก ลิ้น กาย เขาทำหน้าที่อย่างนี้ เวลาทุกลมหายใจเข้าออกจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ จะรู้ใจก็ได้ รู้กายก็ได้ รู้หมดทุกอย่างถ้ากำลังสติของเรามีความเข้มแข็ง มีความเข้มแข็งแล้วก็วิเคราะห์ใจของเราจนไม่มีอะไรที่จะหลงเหลืออยู่ บุคคลที่มีบุญมีวาสนาฟังนิดเดียวก็จะไปทำความเข้าใจ กายวิเวกเป็นอย่างนี้ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ การรอบรู้ในวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างนี้

ท่านถึงบอกว่ารอบรู้ในกองสังขาร รอบรู้ในดวงวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในปัจจัยสี่ รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว อะไรที่จะเป็นประโยชน์ อะไรที่จะเป็นบุญ ประโยชน์ใกล้ ประโยชน์ไกล ประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน ประโยชน์สูงสุดในโลกนี้ ประโยชน์ในโลกหน้า วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มี ปีหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี มีหมด

ใจของคนเราทุกดวงปรารถนาที่จะหาทางดับทุกข์ แต่บางครั้งบางคราวก็ไขว้เขวไปเยอะก็มี เพราะว่าใจทุกดวงนั้นหลงมาเกิด หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด ทำไมถึงพูดอย่างงั้น เพราะว่าหลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์มาสร้างขันธ์ห้าปิดกั้นตัวเอง แล้วก็เกิดต่อขณะที่มีร่างกายอยู่ก็คือความคิดนั่นแหละ ตัวใจนั่นแหละส่งออกไปภายนอกเขาเรียกว่าความเกิด เกิดทางด้านจิตวิญญาณ เกิดทั้งกายเนื้อก็ร่างกายของเรา

พระพุทธองค์ท่านถึงให้เจริญสติลงที่กายของเราให้ได้เสียก่อน ให้ต่อเนื่อง แล้วก็ลึกลงไปดูตัวใจซึ่งเป็นนามธรรมเขาเกิดอย่างไร ขันธ์ห้าเกิดอย่างไร ที่ท่านบอกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ มีไม่มากมายอะไรมีอยู่ที่กายเรานี้แหละ พยายามค้นคว้าลงไปให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น จำแนกแจกแจงให้ได้ ลักษณะของสติเป็นอย่างนี้ ลักษณะของใจเป็นอย่างนี้ ลักษณะอาการของขันธ์ห้าที่ว่าเป็นกองเป็นขันธ์เป็นอย่างนี้ เขารวมกันได้อย่างไร ถ้าเราสังเกตได้เร็วไวขึ้น สักวันหนึ่งเราก็คงจะเห็น รู้ไม่ทันเราก็รู้จักดับรู้จักหยุด เขาเรียกว่าใช้สมถะควบคุมใจ ควบคุมอารมณ์ มันมีหมดอยู่ในกายของเราก็ต้องพยายามกันนะ

อะไรที่จะเป็นบุญ อะไรที่จะเป็นประโยชน์ เราก็พยายามทำ ประโยชน์สมมติเราก็ทำให้เต็มเปี่ยม ทางด้านวิมุตติหลุดพ้นเราก็พยายามหัดวิเคราะห์หัดสังเกต เพราะว่าสมมติกับวิมุตติเขาก็รวมกันอยู่ เขาก็อาศัยกันอยู่ ต้องรู้ด้วยปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนาเท่านั้นถึงจะหาทางดับทุกข์หลุดพ้นได้ ไม่หลุดวันนี้ก็ต้องหลุดพ้นในวันพรุ่งนี้ ไม่หลุดได้จริงๆ ก็ต้องไปต่อเอาภพหน้า เพราะว่าตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ ก็ต้องพยายามกัน

มีโอกาสก็ได้มาทำบุญร่วมกัน ไม่ว่าอยู่ที่ไหน โอกาสเปิด กาลเวลาเปิด สถานที่เปิด ให้เราทำบุญจากใจของเราแล้วก็ล้นออกไปสู่คนใกล้ๆ คนรอบข้าง ล้นออกไปสู่สังคม จากภายในสู่ภายนอก ก็จะล้นออกไปสู่ประเทศชาติบ้านเมือง เรามีความสุข สุขในการให้ สุขในการคลาย สุขในการเอาออก ทีนี้เราจะเอา จะมี จะเป็น ก็เป็นเรื่องของปัญญา ทำหน้าที่ด้วยปัญญาล้วนๆ อยู่ที่ไหนก็จะมีความสุข

สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องให้ชัดเจนกันสักนิดหนึ่งดีกว่าไม่ได้ทำ หายใจเพียงแค่ลมหายใจเราก็รู้ให้ทันเถอะว่าลมเข้าเป็นอย่างนี้ ลมออกเป็นอย่างนี้ ลมหยาบเป็นอย่างนี้ ลมละเอียดเป็นอย่างนี้ ความรู้สึกสืบต่อที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ ถ้าพลั้งเผลอเริ่มใหม่ พลั้งเผลอเริ่มใหม่ เราก็จะรู้ตัวเองว่าสติตัวนี้ไม่ค่อยจะมีกันถ้าเราไม่สร้างขึ้นมา ก็ต้องพยายามกัน

ทำใจให้ว่าง สมองให้โล่ง ทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ

ไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยๆ พยายามไปทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง