หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 01

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 01
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561 ลำดับที่ 01
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2561
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของตัวเราเองให้ต่อเนื่อง หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้ตลอด ฟังไปด้วยน้อมไปด้วย ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ การสูดลมหายใจยาว ผ่อนลมหายใจยาว ความรู้สึกสัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเราก็ชัดเจน นั่นแหละที่ท่านเรียกว่า ‘รู้กาย รู้ตัว’ ลมหายใจเข้าก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ เขาเรียกว่า ‘สติรู้กาย’ รู้ต่อเนื่อง รู้อยู่ปัจจุบัน พยายามฝึกให้เกิดความเคยชินฝึกให้เกิดความชำนาญ

เมื่อกำลังสติของเรามีความต่อเนื่อง มีความเข้มแข็ง เราก็จะเห็นลักษณะของใจ รู้ลักษณะของใจเวลาใจปกติ ใจสงบ ใจไม่เกิด เวลาใจเกิดอาการของใจเป็นอย่างไร เวลาความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจ ใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร เราต้องพยายามสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องแล้วก็เอาไปใช้การใช้งาน ไม่ใช่ว่าสร้างเฉยๆ

ศรัทธาทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม ฝักใฝ่ในการสร้างบุญสร้างกุศล สร้างอานิสงส์ สร้างบารมีให้กับตัวเรา การเจริญสติเราต้องเอาสติปัญญาของเราไปใช้ไปอบรมใจของเรา ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นลักษณะอย่างนี้ ใจที่ไม่เกิดเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายออกจากอาการของความคิด หรือว่าแยกรูปแยกนามเป็นลักษณะอย่างนี้

เพียงแค่การเจริญสติพวกเราก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ไม่ค่อยจะเข้มแข็ง จะเอาตั้งแต่ปัญญาของโลกีย์ไปคิดไปพิจารณา ปัญญาโลกีย์หมายถึงปัญญาที่ใจยังส่ง ยังวิ่ง ยังหลงอยู่หลงในขันธ์ห้า หลงในความคิด หลงในอารมณ์ หลงเกิด เพราะว่าใจทุกดวงนี้หลงมาตั้งแต่ยังไม่ได้เกิด เขาหลงเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่อันนั้นเป็นสิ่งที่ผ่านมา

พระพุทธองค์ให้เจริญสติเข้าไปดูตัวใจที่อยู่ในกายของเรา ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในดวงวิญญาณในขันธ์ห้า รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว สติ ปัญญา สมาธิ ถ้าเราฝึกให้ต่อเนื่อง ให้เข้มแข็ง เอาไปใช้การใช้งานได้เขาจะเสมอภาคกันหมด แต่เวลานี้กำลังสติรู้ตัวมีกระท่อนกระแท่น ก็เลยอบรมใจก็ไม่ได้ บังคับใจก็ไม่ได้ ก็เลยเอาตั้งแต่ความคิดที่เกิดจากตัวใจโดยตรงความคิดที่เกิดจากอาการของขันธ์ห้ารวมกันหลงกันไปเป็นก้อนตรงนั้นอยู่ เราก็ต้องพยายาม

ตราบใดที่กำลังสติไม่เข้มแข็ง ตราบใดที่กำลังสติเข้าไปอบรมใจไปวิเคราะห์ใจไม่ได้ ก็ยังอยู่ในการสร้างบุญสร้างบารมี จนกว่ากำลังสติปัญญาของเราจะเข้มแข็ง หมั่นอบรมใจของเราให้อยู่ในโอวาทของสติของปัญญา ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล อันนี้คือสมมติ อันนี้คือวิมุตติ ทุกเรื่อง ทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้น ยืน เดิน นั่ง นอน ให้เป็นแค่เพียงอิริยาบถ ไม่ใช่ว่าไปฝึก ไปศึกษาธรรมที่โน้นที่นี่แล้วไม่เข้าใจ ที่ไม่เข้าใจก็เพราะว่ากำลังสติของเรายังอ่อนแอ ยังสังเกตวิเคราะห์ยังแยกรูปแยกนามไม่ได้ ถ้าแยกรูปแยกนามได้ ความเห็นถูกต้องหรือว่าสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกถึงจะเปิดทางให้ เพียงแค่แยกรูปแยกนามได้อันนั้นเพียงแค่เริ่มต้น

เพียงแค่เริ่มต้นเห็นถูก การทำความเข้าใจ การตามดูเราต้องรู้เรื่องคำว่า ‘อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา’ ในกายในขันธ์ห้าของเรา ส่วนรูปส่วนนามเป็นอย่างไร อะไรควรละ อะไรควรเจริญอะไรควรดำเนิน ก็ต้องพยายามพากันไปทำ อย่าไปทิ้ง อย่าไปปล่อยโอกาสทิ้ง อย่าไปปล่อยเวลาทิ้ง พยายามตักตวงสร้างคุณงามความดีอยู่ในกายก้อนนี้เอาไว้ ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป

ในหลักธรรมแล้วท่านก็ให้ละทั้งสองอย่างนั่นแหละ ละทั้งบาป ละทั้งบุญ แต่สร้างบุญไม่ยึดติดในบุญ ให้อยู่เหนือบุญ ให้สร้างประโยชน์แต่ไม่ยึดไม่ติด มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือว่าไม่กลับมาเกิดกัน จิตใจทุกดวงปรารถนาหาทางดับทุกข์ หาทางหลุดพ้น

แนวทางนั้นท่านพระพุทธองค์ก็ได้ค้นพบแล้วก็มาจำแนกแจกแจงเอามาเปิดเผย ความเกิดของใจเป็นลักษณะอย่างนี้ ความหลงของใจเป็นลักษณะอย่างนี้ การละกิเลสหยาบการละกิเลสละเอียดเป็นลักษณะอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องจนกลายเป็นมหาสติกลายเป็นมหาปัญญาจนเป็นปัญญารอบรู้ทุกอย่างในใจของตัวเรา รอบรู้ในสมมติ รอบรู้ในวิมุตติ รอบรู้ในโลกธรรมในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ก็ต้องพยายามกัน

ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีก็มีจิตใจที่ฝักใฝ่สนใจ ทีนี้เราจะดำเนินให้ถูกที่ถูกทางหรือไม่ การขัดเกลากิเลส การละความโลภ ละความโกรธ คลายความหลง เราก็ต้องพยายามให้รู้ด้วย เห็นด้วย เข้าถึงด้วย ชี้เหตุชี้ผล ตามดูเหตุดูผลว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน ตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ตื่นขึ้นใจปกติหรือไม่ กายเองของเราเป็นอย่างไร ใจของเราเป็นอย่างไร ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ใจเป็นอย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร ก็ต้องพยายามทำกันนะ

บุญสมมติเราก็ช่วยกันทำให้เต็มเปี่ยม บุคคลที่มีบุญย่อมไม่ปล่อยโอกาสทิ้ง ย่อมจะตักตวงสร้างบุญ ทั้งบุญภายนอกบุญภายใน บุญสมมติบุญวิมุตติ จนกว่าจะหมดลมหายใจนั่นแหละตราบใดที่เรายังเกิดอยู่ก็อานิสงส์บุญต่างๆ ที่เราทำนี้แหละจะเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปจนกว่าจิตใจจะดับความเกิดได้ ละกิเลสได้หมดจด ไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง