
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 55
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 55
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 55
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าเราได้เจริญสติเพียงแค่เจริญ ทำให้มี ให้เกิด ตรงนี้ก็ทั้งยาก ส่วนที่จะเอาสติปัญญาไปใช้งานนั้นเอาไว้ทีหลังเพียงแค่เรามาสร้าง มาทำ แล้วก็ทำให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน
การพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ ส่วนศรัทธาในการสร้างบุญสร้างบารมีในระดับของสมมตินั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การทำความเข้าใจในรายละเอียด รู้ความเกิดของวิญญาณในกายของเรา รู้การแยก รู้การคลาย รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตรงนี้แหละที่ยังเข้ากันไม่ถึงส่วนมากก็ฝักใฝ่ในการทำบุญในการให้ทานอยู่ในระดับของสมมติ ก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ ส่วนที่จะดับทุกข์ได้ก็เราก็ต้องมาต่อยอด
ตั้งแต่ตื่นขึ้น เจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผล จนใจคลายออกจากความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามใจง่ายขึ้นมา รู้จักลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ อะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศลต้องรู้ให้ชัดเจนทุกอย่างทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าไปเหมารวมกันเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังอยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน อัตตาอนัตตาก็อยู่ด้วยกัน ฝ่ามือกับหลังมือก็อยู่ด้วยกันแต่อยู่กันคนละด้าน
เรามาทำความเข้าใจให้รู้ทั้ง 2 ด้าน คือสมมติวิมุตติ แต่เวลานี้สมมติเข้าครอบงำอยู่ เราต้องมาเจริญสติ หัดสังเกต หัดวิเคราะห์สักวันหนึ่งใจก็คงจะคลาย คลายออกจากขันธ์ห้าเราก็จะมองเห็นหนทาง ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละที่ท่านเรียกว่า 'สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูก เห็นถูกตั้งแต่แรก สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาก็ตามดู ตามรู้ตามเห็น เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นความตามความเป็นจริงว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง คนเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้พยายามรีบ รีบสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้น ทั้งประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ให้เต็มเปี่ยม ถ้าหมดลมหายใจไปก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี อย่าพากันประมาท พยายามหมั่นวิเคราะห์ อยู่คนเดียวเราก็หัดสังเกตเรา อยู่หลายคนเราก็หัดสังเกตเรา สังเกตใจของเรานั่นแหละ จะเอาจะมีจะเป็นจะทำโน่นทำนี่ ก็เป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน ให้ใจรับรู้
แต่เวลานี้ใจทั้งเกิดด้วยหลงด้วยยึดด้วยบงการไปเป็นก้อนด้วย ก็เลยถูกก็ถูกทั้งก้อน ผิดก็ผิดทั้งก้อน แต่ในตามหลักของธรรมจริงๆ แล้ว ก็ต้อง ถ้ายังแยกไม่ได้ก็ยังหลงอยู่ แต่ก็ยังหลงอยู่ในกองบุญกองกุศล กองสัมมาทิฏฐิอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ขั้นปัญญา ขั้นที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้ารับรู้ ตั้งมั่นรับรู้อยู่ภายในตรงนี้อาจจะมีเป็นบางช่วง บางครั้งบางคราว ก็พยายามดำเนิน พยายามทำ อย่าพากันปล่อยปละละเลย โอกาสมีให้กับทุกคนตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่
การเจริญสติ หลวงพ่อก็จะย้ำอยู่ทุกวันๆๆ ของเก่า แต่ส่วนมากไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่องบุคคลมีความเฉลียวใจก็จะไปทำการเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นอย่างนี้ ควบคุมใจได้อยู่ในระดับตั้งแต่ต้นเหตุ หรือกลางเหตุ หรือปลายเหตุ ควบคุมกาย ควบคุมวาจา แล้วก็ควบคุมใจ ที่ท่านบอกว่ากุศลอกุศลต่างๆ เรามองเห็นหนทางเดิน รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ถ้าเราดำเนินได้ถูกที่ถูกทางมันก็จะมองเห็นชัดเจน
มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม ส่วนเรื่องของกรรมเราต้องศึกษาให้ละเอียด กรรมคือกายของเรานี่แหละ ‘ก้อนกรรม’ กรรมส่วนนามส่วนรูป กายกรรม วจีกรรมมโนกรรม ก็ควรแก้ไขให้ได้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ถึงละกิเลสไม่ได้หมดจด ดับความเกิดไม่ได้หมดจด ก็ขอให้อยู่ในกองบุญเอาไว้จะได้เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2562
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวหรือว่าเราได้เจริญสติเพียงแค่เจริญ ทำให้มี ให้เกิด ตรงนี้ก็ทั้งยาก ส่วนที่จะเอาสติปัญญาไปใช้งานนั้นเอาไว้ทีหลังเพียงแค่เรามาสร้าง มาทำ แล้วก็ทำให้ต่อเนื่องให้ได้เสียก่อน
การพลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มใหม่ ส่วนศรัทธาในการสร้างบุญสร้างบารมีในระดับของสมมตินั้นทุกคนมีกันเต็มเปี่ยม แต่การทำความเข้าใจในรายละเอียด รู้ความเกิดของวิญญาณในกายของเรา รู้การแยก รู้การคลาย รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตรงนี้แหละที่ยังเข้ากันไม่ถึงส่วนมากก็ฝักใฝ่ในการทำบุญในการให้ทานอยู่ในระดับของสมมติ ก็เป็นสิ่งที่ดีแต่ก็ยังดับทุกข์ไม่ได้ ส่วนที่จะดับทุกข์ได้ก็เราก็ต้องมาต่อยอด
ตั้งแต่ตื่นขึ้น เจริญสติเข้าไปหาเหตุหาผล จนใจคลายออกจากความหลงหรือว่าแยกรูปแยกนามใจง่ายขึ้นมา รู้จักลักษณะของใจ ใจที่ปกติเป็นอย่างนี้ ใจที่ไม่มีกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ อะไรเป็นกุศลอะไรเป็นอกุศลต้องรู้ให้ชัดเจนทุกอย่างทุกเรื่อง ไม่ใช่ว่าไปเหมารวมกันเลยทีเดียว แต่เขาก็ยังอยู่ด้วยกัน สมมติกับวิมุตติก็อยู่ด้วยกัน อัตตาอนัตตาก็อยู่ด้วยกัน ฝ่ามือกับหลังมือก็อยู่ด้วยกันแต่อยู่กันคนละด้าน
เรามาทำความเข้าใจให้รู้ทั้ง 2 ด้าน คือสมมติวิมุตติ แต่เวลานี้สมมติเข้าครอบงำอยู่ เราต้องมาเจริญสติ หัดสังเกต หัดวิเคราะห์สักวันหนึ่งใจก็คงจะคลาย คลายออกจากขันธ์ห้าเราก็จะมองเห็นหนทาง ถ้าใจคลายออกจากขันธ์ห้านั่นแหละที่ท่านเรียกว่า 'สัมมาทิฏฐิ’ ความเห็นถูก เห็นถูกตั้งแต่แรก สติปัญญาที่เราสร้างขึ้นมาก็ตามดู ตามรู้ตามเห็น เห็นเหตุเห็นผล ชี้เหตุชี้ผล มองเห็นความตามความเป็นจริงว่า อะไรควรละ อะไรควรเจริญ อะไรควรดำเนิน
อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง คนเราขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ให้พยายามรีบ รีบสร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้น ทั้งประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์สมมติประโยชน์วิมุตติ ให้เต็มเปี่ยม ถ้าหมดลมหายใจไปก็มีแต่เรื่องบุญกับเรื่องบาป วันนี้มี พรุ่งนี้มี เดือนนี้มีเดือนหน้ามี ภพนี้มี ภพหน้ามี อย่าพากันประมาท พยายามหมั่นวิเคราะห์ อยู่คนเดียวเราก็หัดสังเกตเรา อยู่หลายคนเราก็หัดสังเกตเรา สังเกตใจของเรานั่นแหละ จะเอาจะมีจะเป็นจะทำโน่นทำนี่ ก็เป็นเรื่องของปัญญา ปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน ให้ใจรับรู้
แต่เวลานี้ใจทั้งเกิดด้วยหลงด้วยยึดด้วยบงการไปเป็นก้อนด้วย ก็เลยถูกก็ถูกทั้งก้อน ผิดก็ผิดทั้งก้อน แต่ในตามหลักของธรรมจริงๆ แล้ว ก็ต้อง ถ้ายังแยกไม่ได้ก็ยังหลงอยู่ แต่ก็ยังหลงอยู่ในกองบุญกองกุศล กองสัมมาทิฏฐิอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ขั้นปัญญา ขั้นที่ใจคลายออกจากขันธ์ห้ารับรู้ ตั้งมั่นรับรู้อยู่ภายในตรงนี้อาจจะมีเป็นบางช่วง บางครั้งบางคราว ก็พยายามดำเนิน พยายามทำ อย่าพากันปล่อยปละละเลย โอกาสมีให้กับทุกคนตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่
การเจริญสติ หลวงพ่อก็จะย้ำอยู่ทุกวันๆๆ ของเก่า แต่ส่วนมากไม่ค่อยจะทำให้ต่อเนื่องบุคคลมีความเฉลียวใจก็จะไปทำการเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ การควบคุมใจเป็นอย่างนี้ ควบคุมใจได้อยู่ในระดับตั้งแต่ต้นเหตุ หรือกลางเหตุ หรือปลายเหตุ ควบคุมกาย ควบคุมวาจา แล้วก็ควบคุมใจ ที่ท่านบอกว่ากุศลอกุศลต่างๆ เรามองเห็นหนทางเดิน รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ถ้าเราดำเนินได้ถูกที่ถูกทางมันก็จะมองเห็นชัดเจน
มีความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม ส่วนเรื่องของกรรมเราต้องศึกษาให้ละเอียด กรรมคือกายของเรานี่แหละ ‘ก้อนกรรม’ กรรมส่วนนามส่วนรูป กายกรรม วจีกรรมมโนกรรม ก็ควรแก้ไขให้ได้ขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่ถึงละกิเลสไม่ได้หมดจด ดับความเกิดไม่ได้หมดจด ก็ขอให้อยู่ในกองบุญเอาไว้จะได้เป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปในวันข้างหน้า ก็ต้องพยายามกัน
สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปศึกษาทำความเข้าใจให้รู้ทุกอิริยาบถ