หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 49

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 49
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ผู้บรรยาย
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 49
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2562 ลำดับที่ 49
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2562

ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ ตามความรู้สึกรับรู้สัมผัสทั้งลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนแล้วก็ให้ต่อเนื่อง ฟังไปด้วยน้อมสำเหนียก หันกลับไปดูรู้ภายในกายของเรา รู้ลมหายใจเข้าออกของเรา เสียงก็สักแต่ว่าเสียง ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ อย่าไปบังคับลมหายใจ สัมผัสของลมหายใจที่กระทบปลายจมูกของเรามีความรู้สึกรับรู้อยู่ หายใจออกก็มีความรู้สึกรับรู้อยู่ พยายามสร้างความรู้สึกตรงนี้แหละตั้งแต่ตื่นขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกจากที่ เราก็พยายามทำให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง

ความพลั้งเผลอก็เริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ พลั้งเผลอก็เริ่มสร้างขึ้นมาใหม่ มีความอดทนอดกลั้น มีตบะสร้างความเพียรเพื่อที่จะเจริญสติเข้าไปอบรมใจของเรา เวลานี้สติที่เราสร้างขึ้นมามีไม่ต่อเนื่อง แล้วก็ไม่เข้มแข็งไม่แข็งแรง ส่วนศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญเชื่อบาปเชื่อกรรมตรงนั้นมีอยู่ การฝักใฝ่ในการทำบุญนั้นมีอยู่ บางทีบางครั้งก็การควบคุมใจก็มีอยู่เป็นบางครั้ง แต่ส่วนมากก็ปล่อยใจไปตามอำเภอใจ ไปตามอำนาจของกิเลส ตามอำนาจของความเกิดความยากความทะเยอทะยานอยาก ทั้งอยากทั้งไม่อยาก เพราะว่าการเกิดของใจนั่นแหละคือความหลง ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด

เรามาเจริญสติเข้าไปอบรมใจ เราไม่รู้ตั้งแต่ต้นเหตุเราก็พยายามควบคุมใช้สมถะควบคุมอยู่กับลมหายใจบ้าง หรืออยู่กับการเดินบ้าง หรือว่าอยู่กับการบริกรรมบ้าง แล้วก็พยายามหมั่นอบรมใจ ใจของเรามีความแข็งกระด้างก็พยายามสร้างความอ่อนน้อมถ่อมตน ใจของเรามีทิฏฐิมานะมีความเห็นแก่ตัว มีความเกียจคร้าน เราก็พยายามแก้ไขสร้างความขยันหมั่นเพียรสร้างความรับผิดชอบให้มีให้เกิดขึ้น มองโลกในทางที่ดี คิดดีๆ คิดด้วยปัญญา คิดด้วยพรหมวิหาร มีความเสียสละอนุเคราะห์ช่วยเหลือ

ไม่ว่ากำลังกายทางกาย ทางใจ ทางวาจา รู้จักควบคุมตั้งแต่ต้นเหตุตั้งแต่ตัวใจ ถ้าใจจะเกิดส่งออกไปภายนอกเราก็รู้จักควบคุม ควบคุมภายในไม่ได้ก็ไม่ให้ออกทางวาจา ควบคุมทางวาจาถ้าควบคุมทางวาจาไม่ได้ เราก็ใช้ปัญญาหลบหลีก หาวิธีแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะไปปล่อยปละละเลย การสร้างบุญสร้างกุศลทุกคนมีโอกาสได้สร้างได้ทำกันไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนทำบุญ บุญมากบุญน้อย บุญระดับสมมติก็มีโอกาสได้ทำกันอยู่ตลอดเวลา

ส่วนกลางเจริญสติอันนี้ก็ต้องพยายามเป็นเรื่องของแต่ละบุคคล เรารู้จักวิธีการรู้จักแนวทางแล้วก็พยายามพากันไปทำกายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้ กายทำหน้าที่อย่างนี้ใจทำหน้าที่อย่างนี้ ภาษาธรรมภาษาโลกอย่าพากันปล่อยปละละเลย งานสมมติอะไรติดขัดอะไรขัดข้องเราก็พยายามทำอย่างสมมติให้เกิดประโยชน์

ท่านจึงบอกว่าให้รอบรู้ในกองสังขาร คือรอบรู้ในเรื่องร่างกายในเรื่องวิญญาณของเรา แล้วก็รอบรู้ในปัจจัยสี่ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพื่อที่ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข แล้วก็รอบรู้ในโลกธรรมก็เป็นอยู่อย่างนั้น เพราะทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในโลกนี้ก็ล้วนตั้งแต่เป็นทุกข์ ไม่เที่ยง ที่พระพุทธองค์ท่านบอกว่าไม่เที่ยง ความเกิดไม่เที่ยง

เกิดทางกายเนื้อก็เกิดมาแล้ว เราก็ดูแลรักษาเขาไป ที่นี้เกิดทางด้านจิตวิญญาณความเกิดนี้มีอยู่ตลอดเวลา ความเกิดทั้งนั้นจิตวิญญาณก็ไม่เที่ยง ที่พวกเราเคยทำวัดสวดมนต์เช้าสวดมนต์เย็นเราก็ต้องพยายามรู้ให้เข้าให้ถึง ชี้เหตุชี้ผลให้ได้จนใจคลายออกจากความหลงแยกรูปแยกนามได้ เราก็จะเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์ว่าสัจธรรมมีจริง โลกนี้มีจริง สมมติมีจริง วิมุตติมีจริง วันนี้มีจริง พรุ่งนี้มีจริง โลกนี้โลกหน้า กายเลือดแตกดับแล้วเราวิญญาณของเราจะไปอย่างไร

เราพยายามกำหนดทิศทางเดิน รู้จักมองเห็นหนทางเดินไม่ให้ใจของเราได้ลำบาก อันนี้เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล โอกาสขณะยังมีกำลัง ยังมีลมหายใจอยู่ ก็พยายามรีบทำรีบสร้างเสีย ถ้าหมดลมหายใจก็มีแต่เรื่องบุญเรื่องบาป ถ้าอานิสงส์บุญก็ไปสู่สุคติ อานิสงส์วิบากกรรมไม่ดีก็ไปสู่อคติคือความทุกข์ เราพยายามห่างไกลความทุกข์สร้างกุศล เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้น รู้จักขัดเกลากิเลสจนจิตใจของเราเบาบางจากกิเลส จนถึงความสะอาดความบริสุทธิ์เข้าสักวันหนึ่งไม่ถึงวันนี้ก็พรุ่งนี้เดือนนี้เดือนหน้าไม่ถึงจริงๆ ไปต่อเอาภพหน้า อย่าไปทิ้งบุญเด็ดขาด

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนให้เชื่อมโยงกันสักนิดหนึ่งก็ยังดี ดีกว่าไม่ได้ทำ ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรานะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง