หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 91 วันที่ 9 ตุลาคม 2563
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 91 วันที่ 9 ตุลาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 91
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราจะหยุดไม่ได้เด็ดขาดก็ขอให้หยุดเอาไว้ด้วยการเจริญสติ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย
เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องศึกษาตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปนึก ไปคิดเอา มีเรื่องเดียวนี้แหละที่จะต้องเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือทำใจของเราให้อยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความหลุดพ้น อยู่ในความสะอาด ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ล้มลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่
เพียงแค่การเจริญสติ พวกเราก็ทำกันไม่ค่อยจะได้ต่อเนื่อง ทำกันได้นิดๆหน่อยๆ ส่วนศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม การฝักใฝ่ในการทำบุญ ในการให้ทานตรงนี้มีเป็นพื้นฐานกันหมดทุกคน จะมีมากมีน้อย เราก็มาทำมา มาสร้าง มาสานต่อ
การเจริญสติ ความรู้สึกตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามดู ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเพิ่ม ทำความเพียรแต่ละวันๆ แต่ละเวลา จนทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนทุกขณะจิต หมั่นพร่ำสอนตัวเรา แสวงหาใจแสวงหาเราให้เจอ
การเจริญสติ รู้จักลักษณะของสติ รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ จนกลายเป็นปัญญา จนกลายเป็นมหาปัญญา จนกลายเป็นปัญญาปกติในระดับวิมุตติสมมติ เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามดำเนินทำหน้าที่ของเราให้ดี
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ฝักใฝ่สนใจแก้ไขใจตัวเอง ถ้าเราไม่เห็นใจเราก็แก้ไขใจเราไม่ได้
ส่วนมากก็ความคิดที่เกิดจากใจ หรือว่า ‘ความเกิด’ เขาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ซึ่งเป็นกิเลสละเอียดส่วนมากก็มีแต่การแสวงหา ความดิ้นรนแสวงหาทับถมดวงใจเอาไว้ ค่อยๆ เอาออก ในหลักธรรมท่านให้คลาย ให้คลาย ให้คลาย ให้เอาออกจากใจของเราให้มันหมด แล้วก็ดับความเกิดจะเอา จะมี จะเป็นก็เรื่องของสติปัญญาเข้าไปบริหาร เข้าไปทำหน้าที่แทน ทำของยากให้เป็นของง่าย ทำของง่ายก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก
ให้ใจของเราอยู่ในบุญ ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระเจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ
ทำความเข้าใจกับสมมติ ทำความเข้าใจกับวิมุตติ สมมติในร่างกายของเรามีอะไรบ้าง ท่านบอกว่าธาตุสี่ ขันธ์ห้า มีวิญญานเข้าไปครอบครอง วิญญาณในกายของเราเป็นลักษณะอย่างไร หรือว่าตัวใจนั่นแหละเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ถ้าเรายังแยกแยะไม่ได้เราก็ว่าเราไม่หลง
ถ้าการเจริญสติของเราไม่ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาเต็มเปี่ยม แต่เป็นสติปัญญาของโลกียะเต็มเปี่ยมของโลก ปัญญาเก่าเต็มเปี่ยม ก็อาจจะถูกในระดับสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วเราต้องเจริญ เราเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด อะไรยังตกค้าง อะไรยังค้างๆ อยู่
อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม ที่พวกเราได้สวดได้ท่องกัน ทำวัตรอยู่ทุกวัน สวด ท่อง ก็มีแต่เรื่องกายของเรานั่นแหละ ที่ว่าวิญญาณไม่เที่ยง ขันธ์ห้าไม่เที่ยง อันนั้นก็ไม่เที่ยง อันนี้ก็เป็นอนัตตาแต่เราก็มองด้วยตาเนื้อก็เป็นตัวของเรา เป็นของ ของเรา แต่ต้องมองด้วยตาปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา แล้วก็รู้จักรักษาดูแลจนกว่าเขาจะถึงเวลา ให้เราเดินปัญญาแยกแยะ
มองเห็นหนทางเดินให้ได้ในขณะที่เรายังมีกำลัง รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี ให้มี ให้เกิดขึ้น ในกายของเรา ศรัทธาของเรามี มีความเสียสละของเรามี การขัดเกลากิเลสของเรามี การอบรมใจของเรามี การแก้ไขใจของเรามี ก็จะเดินได้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วไวขึ้น อย่าไปทิ้งบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามรีบเอาบุญกับตัวของเรา เรามีความขยันหมั่นเพียรเราละความเกียจคร้าน เราก็ได้บุญแล้ว ได้อานิสงส์แล้ว เรามีความเสียสละ เรามีความรับผิดชอบ ใจของเราแข็งกร้าวหรือว่าอ่อนน้อม เราก็รีบแก้ไขปรับปรุง ปรับปรุงตัวเรา แก้ไขตัวเราเป็นเรื่องของเรา มีแต่เรื่องของเรา
ส่วนเรื่องภายนอกเราก็แก้ไขด้วยปัญญา มันก็เกี่ยวเนื่องกันหมดนั่นแหละ เกี่ยวเนื่องกันหมดจนกว่าจะหมดลมหายใจ เราก็มีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีน้อง มีครอบมีครัว เราก็ทำความเข้าใจ บริหารด้วยพรหมวิหาร บริหารด้วยสติ ด้วยปัญญา ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกันหลายคน หลายท่าน อยู่กันคนละทิศละที่ละทาง มาอยู่รวมกัน ความสมัครสมานสามัคคีมีหรือไม่ ความเสียสละ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา รู้จักการยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ละความเกียจคร้านออกไป มีแต่ความขยันหมั่นเพียร เราการกระทำของเรามีอานิสงส์ มันก็จะส่งผลให้เราได้อยู่ดีมีความสุข ก็พยายามกัน
ทั้งพระทั้งชี อย่าพากันเกียจคร้าน ให้พากันขยันหมั่นเพียร ขยันหมั่นเพียรขัดกลากิเลส ขยันหมั่นเพียรทำความเข้าใจ ขยันหมั่นเพียรทางโลก ทางสมมติ ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ให้รู้จักวิธีการ แนวทางของเรา รู้จักวิธีแล้วไปรีบทำ
การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้นะ รู้ไม่ทัน สติของเราพลั้งเผลอเริ่มใหม่
สติของเราขาดตกบกพร่องได้อย่างไร รู้ไม่เท่าทันการเกิดของใจ รู้จักใช้
อะไรคือสมถะ อะไรคือวิปัสสนา
อะไรคือหนทางเดิน ที่ท่านบอกว่าอริยมรรคมีองค์แปด หนทางอันประเสริฐ
อะไรคือสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกที่แท้จริง
เห็นถูกระดับสมมติ วิมุตติ มันมีหมดนั่นแหละ มีหมดอยู่ในกายของเรา ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน
ถ้าไม่สอนตัวเรา แก้ไขตัวเราแล้ว ไม่มีใครจะสอนตัวเราได้ ใช้ตัวเราได้ นอกจากตัวของเรา
อยู่ด้วยกัน ได้ก็อาศัยกันได้ด้วยระดับสมมติเท่านั้นเอง อีกสักหน่อยเราก็ได้พลัดพรากจากกันอีกไม่นาน คนเราอายุขัยไม่เยอะ ไม่เกินร้อย ความตายมีกันทุกคน เกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้า ก็ตายเร็ว ถ้าถึงวาระเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาเอาอะไรมาฉุดเอาไว้ก็ไม่อยู่ ให้รีบดำเนินเสียขณะที่กำลังกายเรายังแข็งแรงอยู่
อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราร้อนนัก หนาวนัก ขี้เกียจนักอยู่อย่างนี้ ใช้การไม่ได้ เราต้องแก้ไขตัวเราทันที
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 9 ตุลาคม 2563
ขอให้ทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเรา ให้ชัดเจน หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ ถึงเราจะหยุดไม่ได้เด็ดขาดก็ขอให้หยุดเอาไว้ด้วยการเจริญสติ ฟังไปด้วย น้อมสำเหนียกไปด้วย
เป็นเรื่องของเราทุกคนที่จะต้องศึกษาตัวเรา แก้ไขตัวเรา ปรับปรุงตัวเรา ไม่ใช่ว่าไปนึก ไปคิดเอา มีเรื่องเดียวนี้แหละที่จะต้องเดินให้ถึงจุดหมายปลายทาง คือทำใจของเราให้อยู่ในความบริสุทธิ์ อยู่ในความหลุดพ้น อยู่ในความสะอาด ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ล้มลุกขึ้นมาใหม่ แก้ไขใหม่ ปรับปรุงตัวเราใหม่
เพียงแค่การเจริญสติ พวกเราก็ทำกันไม่ค่อยจะได้ต่อเนื่อง ทำกันได้นิดๆหน่อยๆ ส่วนศรัทธาความเชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เชื่อบุญ เชื่อบาป เชื่อกรรม การฝักใฝ่ในการทำบุญ ในการให้ทานตรงนี้มีเป็นพื้นฐานกันหมดทุกคน จะมีมากมีน้อย เราก็มาทำมา มาสร้าง มาสานต่อ
การเจริญสติ ความรู้สึกตัวเป็นลักษณะอย่างนี้ ความรู้ตัวที่ต่อเนื่องเป็นลักษณะอย่างนี้ ตั้งแต่ตื่นขึ้น ตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พยายามดู ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไหร่ เราก็ยิ่งเพิ่ม ทำความเพียรแต่ละวันๆ แต่ละเวลา จนทุกขณะลมหายใจเข้าออก จนทุกขณะจิต หมั่นพร่ำสอนตัวเรา แสวงหาใจแสวงหาเราให้เจอ
การเจริญสติ รู้จักลักษณะของสติ รู้จักเอาสติปัญญาไปใช้ จนกลายเป็นปัญญา จนกลายเป็นมหาปัญญา จนกลายเป็นปัญญาปกติในระดับวิมุตติสมมติ เพียงแค่ระดับสมมติ เราก็พยายามดำเนินทำหน้าที่ของเราให้ดี
แต่ละวันเรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละ ฝักใฝ่สนใจแก้ไขใจตัวเอง ถ้าเราไม่เห็นใจเราก็แก้ไขใจเราไม่ได้
ส่วนมากก็ความคิดที่เกิดจากใจ หรือว่า ‘ความเกิด’ เขาปิดกั้นตัวเองเอาไว้ ซึ่งเป็นกิเลสละเอียดส่วนมากก็มีแต่การแสวงหา ความดิ้นรนแสวงหาทับถมดวงใจเอาไว้ ค่อยๆ เอาออก ในหลักธรรมท่านให้คลาย ให้คลาย ให้คลาย ให้เอาออกจากใจของเราให้มันหมด แล้วก็ดับความเกิดจะเอา จะมี จะเป็นก็เรื่องของสติปัญญาเข้าไปบริหาร เข้าไปทำหน้าที่แทน ทำของยากให้เป็นของง่าย ทำของง่ายก็ยิ่งง่ายเข้าไปอีก
ให้ใจของเราอยู่ในบุญ ทำกายให้เป็นบุญ ทำใจให้เป็นบุญ ทำกายให้เป็นวัด ทำใจให้เป็นพระเจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ
ทำความเข้าใจกับสมมติ ทำความเข้าใจกับวิมุตติ สมมติในร่างกายของเรามีอะไรบ้าง ท่านบอกว่าธาตุสี่ ขันธ์ห้า มีวิญญานเข้าไปครอบครอง วิญญาณในกายของเราเป็นลักษณะอย่างไร หรือว่าตัวใจนั่นแหละเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมเขาถึงเกิด ทำไมเขาถึงหลง ถ้าเรายังแยกแยะไม่ได้เราก็ว่าเราไม่หลง
ถ้าการเจริญสติของเราไม่ต่อเนื่อง เราก็ว่าเรามีสติมีปัญญาเต็มเปี่ยม แต่เป็นสติปัญญาของโลกียะเต็มเปี่ยมของโลก ปัญญาเก่าเต็มเปี่ยม ก็อาจจะถูกในระดับสมมติ แต่ในหลักธรรมแล้วเราต้องเจริญ เราเจริญสติ เอาสติปัญญาไปใช้ชี้เหตุชี้ผล เห็นเหตุเห็นผล กิเลสหยาบ กิเลสละเอียด อะไรยังตกค้าง อะไรยังค้างๆ อยู่
อันนี้ส่วนรูป อันนี้ส่วนนาม ที่พวกเราได้สวดได้ท่องกัน ทำวัตรอยู่ทุกวัน สวด ท่อง ก็มีแต่เรื่องกายของเรานั่นแหละ ที่ว่าวิญญาณไม่เที่ยง ขันธ์ห้าไม่เที่ยง อันนั้นก็ไม่เที่ยง อันนี้ก็เป็นอนัตตาแต่เราก็มองด้วยตาเนื้อก็เป็นตัวของเรา เป็นของ ของเรา แต่ต้องมองด้วยตาปัญญาที่เกิดจากการเจริญภาวนา แล้วก็รู้จักรักษาดูแลจนกว่าเขาจะถึงเวลา ให้เราเดินปัญญาแยกแยะ
มองเห็นหนทางเดินให้ได้ในขณะที่เรายังมีกำลัง รู้จักสร้างอานิสงส์ สร้างบุญบารมี ให้มี ให้เกิดขึ้น ในกายของเรา ศรัทธาของเรามี มีความเสียสละของเรามี การขัดเกลากิเลสของเรามี การอบรมใจของเรามี การแก้ไขใจของเรามี ก็จะเดินได้ถึงจุดหมายปลายทางได้เร็วไวขึ้น อย่าไปทิ้งบุญ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามรีบเอาบุญกับตัวของเรา เรามีความขยันหมั่นเพียรเราละความเกียจคร้าน เราก็ได้บุญแล้ว ได้อานิสงส์แล้ว เรามีความเสียสละ เรามีความรับผิดชอบ ใจของเราแข็งกร้าวหรือว่าอ่อนน้อม เราก็รีบแก้ไขปรับปรุง ปรับปรุงตัวเรา แก้ไขตัวเราเป็นเรื่องของเรา มีแต่เรื่องของเรา
ส่วนเรื่องภายนอกเราก็แก้ไขด้วยปัญญา มันก็เกี่ยวเนื่องกันหมดนั่นแหละ เกี่ยวเนื่องกันหมดจนกว่าจะหมดลมหายใจ เราก็มีพ่อ มีแม่ มีพี่ มีน้อง มีครอบมีครัว เราก็ทำความเข้าใจ บริหารด้วยพรหมวิหาร บริหารด้วยสติ ด้วยปัญญา ยิ่งเรามาอยู่ด้วยกันหลายคน หลายท่าน อยู่กันคนละทิศละที่ละทาง มาอยู่รวมกัน ความสมัครสมานสามัคคีมีหรือไม่ ความเสียสละ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา รู้จักการยังสมมติให้เกิดประโยชน์ ละความเกียจคร้านออกไป มีแต่ความขยันหมั่นเพียร เราการกระทำของเรามีอานิสงส์ มันก็จะส่งผลให้เราได้อยู่ดีมีความสุข ก็พยายามกัน
ทั้งพระทั้งชี อย่าพากันเกียจคร้าน ให้พากันขยันหมั่นเพียร ขยันหมั่นเพียรขัดกลากิเลส ขยันหมั่นเพียรทำความเข้าใจ ขยันหมั่นเพียรทางโลก ทางสมมติ ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ให้รู้จักวิธีการ แนวทางของเรา รู้จักวิธีแล้วไปรีบทำ
การเจริญสติที่ต่อเนื่องกันเป็นอย่างนี้นะ รู้ไม่ทัน สติของเราพลั้งเผลอเริ่มใหม่
สติของเราขาดตกบกพร่องได้อย่างไร รู้ไม่เท่าทันการเกิดของใจ รู้จักใช้
อะไรคือสมถะ อะไรคือวิปัสสนา
อะไรคือหนทางเดิน ที่ท่านบอกว่าอริยมรรคมีองค์แปด หนทางอันประเสริฐ
อะไรคือสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกที่แท้จริง
เห็นถูกระดับสมมติ วิมุตติ มันมีหมดนั่นแหละ มีหมดอยู่ในกายของเรา ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน
ถ้าไม่สอนตัวเรา แก้ไขตัวเราแล้ว ไม่มีใครจะสอนตัวเราได้ ใช้ตัวเราได้ นอกจากตัวของเรา
อยู่ด้วยกัน ได้ก็อาศัยกันได้ด้วยระดับสมมติเท่านั้นเอง อีกสักหน่อยเราก็ได้พลัดพรากจากกันอีกไม่นาน คนเราอายุขัยไม่เยอะ ไม่เกินร้อย ความตายมีกันทุกคน เกิดมาเท่าไหร่ก็ตายหมด ไม่ตายช้า ก็ตายเร็ว ถ้าถึงวาระเวลา ถ้าไม่ถึงเวลาก็ไม่ได้ไป ถ้าถึงเวลาเอาอะไรมาฉุดเอาไว้ก็ไม่อยู่ ให้รีบดำเนินเสียขณะที่กำลังกายเรายังแข็งแรงอยู่
อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง เราร้อนนัก หนาวนัก ขี้เกียจนักอยู่อย่างนี้ ใช้การไม่ได้ เราต้องแก้ไขตัวเราทันที
เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันเอา