หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 22 วันที่ 23 มีนาคม 2563

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 22 วันที่ 23 มีนาคม 2563
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ผู้บรรยาย
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ชื่อตอน
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 22 วันที่ 23 มีนาคม 2563
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563
ถอดความฉบับเต็ม
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2563 ลำดับที่ 22
พระธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร (หลวงพ่อกล้วย วัดป่าธรรมอุทยาน)
ในวันที่ 23 มีนาคม 2563

มีความสุขกันทุกคน วันนี้ก็เป็นวันพระแรม 14 ค่ำเดือน 4 ก็ใกล้จะถึงสงกรานต์ บ้านเมืองทางโลกก็รู้สึกว่าจะเกิดภัยพิบัติ ดังที่พวกเราได้ทราบกัน ทั่วโลกเลยทีเดียว หรือเขาอาจจะล้างโลกก็ไม่รู้นะล้างโรคในกายของเรา

กายของเรานี้เป็นก้อนโรค มีผู้ร้ายเยอะในกายของเรา ทั้งฝ่ายดีทั้งฝ่ายไม่ดี ทั้งมีเจ้าบ้าน เจ้าบ้านก็คือใจเรา ผู้ร้ายก็คือจุลินทรีย์ จุลินทรีย์ฝ่ายกุศลฝ่ายอกุศลเข้าห้ำหั่นกัน มีผู้ร้ายรายใหม่เข้ามาคือโควิด เขาบุกทำลายไปเกือบทั่วโลกเลยทีเดียว ตามที่ฟังข่าว คนตายก็เยอะ คนติดเชื้อก็เยอะ มองด้วยตาเนื้อไม่ค่อยจะเห็นต้องใส่ใช้กล้องจุลทรรศน์มองถึงจะเห็น หมอบอกว่างั้น มันก็ร้ายแรงอยู่ ประเทศที่โดนหนักที่สุดเห็นว่าอิตาลี เอารถทหารนี่ขนศพเป็นคันรถๆ ออกไปฝัง เราก็ยกให้เป็นกรรม ยกให้เป็นกรรมเป็นเรื่องของกรรม เป็นเรื่องของวิบากกรรม

เราพยายามทำใจให้เข้มแข็ง แล้วก็รักษากายของเราด้วย พยายามไม่ให้ไปอยู่สถานที่แออัด สถานที่อโคจร ส่วนมากก็ไปติดกันอยู่ที่สถานที่แออัด สนามมวยบ้าง แล้วก็ผับบาร์ต่างๆ พอติดแล้วก็ออกไปข้างนอกไปขยายเชื้อโดยที่ไม่รู้ตัวไปไหนก็แพร่ขยายไปที่นั่น

เราก็พยายามรักษาตัวเรา รักษาเรารักษาเขา ไม่ประมาท ถ้าประมาทแล้วเกิดมาเราก็จะลำบาก แก้ไขยากลำบาก หายารักษาไม่ค่อยจะมีเท่าไหร่ มียารักษาตัวเดียวก็คือออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงเอาไว้ ก็จะมีภูมิต้านทาน มันยากลำบากจริงๆ โรคภัยไข้เจ็บ เดี๋ยวก็เป็นนู่นเดี๋ยวก็เป็นนี่

มารับเอาโลงศพวันเดียว 7 โลง 2 โลง 3 โลง เมื่อวันก่อนที่ 7 โลงเช้าเดียว ก็คงจะมารับเอาเยอะ คนตายเยอะล่ะทีนี้เห็นแล้วก็สลดสังเวช ไม่ถึงเวลาอันควรก็ไป แต่ก็ทุกเรื่องก็ยกให้เป็นเรื่องของกรรมนะ เป็นเรื่องของกรรม

เราพยายามละอกุศล เจริญกุศลให้มีให้เกิดขึ้นในใจของเราตลอดเวลา ถึงวาระเวลาไม่มีโรคเบียดเบียนก็ต้องได้ไปถ้าหมดวาระ วิบากกรรม กรรม กรรมทางกาย กายกรรม ทางกายนี้ก็ถึงเวลาเขาก็จะแตกดับ ถ้าไม่ถึงเวลาเขาก็ไม่ได้ไปหรอก ส่วนกรรมทางด้านจิตใจเราก็พยายาม รู้จักควบคุม อบรมแก้ไข

ความเกิดของใจนั่นแหละ คือตัวกรรมอันละเอียดที่สุด ความคิดของเรานั่นแหละ ความคิด ความเกิด ขันธ์ห้า ก็เป็นตัวกรรม ตัวใจก็เป็นตัวกรรม ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ แต่ก็ขอให้อยู่ในกรรมดี กุศลกรรม สูงขึ้นไปก็ละวาง ทั้งกรรมดีกรรมขาวกรรมดำวางให้หมด ดับความเกิดของใจครั้งสุดท้ายไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

ดับความเกิดของใจ ใจไม่เกิด กายเนื้อแตกดับใจก็ไม่เกิด ตายตั้งแต่กายเนื้อแต่ใจไม่เกิด ถ้ากายเนื้อแตกดับตราบใดที่ใจยังเกิดก็ขอให้เกิดอยู่ในกุศลกรรม มีหลายชั้นหลายขั้นหลายตอนไล่เลียงลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ จนวางใจให้เป็นอิสรภาพได้นั่นแหละ ถ้าใจไม่เกิด มองเห็นหนทางเดิน ว่าเราจะไปยังไงมายังไง เราก็รีบทำเสีย อย่าไปปล่อยวันเวลาทิ้ง

ท่านถึงบอกว่าทุกขณะจิต ทุกขณะลมหายใจเข้าออก มีค่ามากมายมหาศาล แต่พวกเราเข้าไม่ถึงตรงนั้น เพราะว่ากำลังสติกำลังปัญญามีไม่เพียงพอ มีตั้งแต่ปัญญาสมมติ ปัญญาโลกีย์ อยู่ในบุญในกุศลระดับของสมมติเท่านั้น แต่ระดับวิมุตติหลุดพ้นต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ขยันหมั่นเพียรเป็นเลิศ หมั่นสังเกต หมั่นวิเคราะห์ หมั่นอบรมใจของเรา หมั่นสร้างกำลังใจของตัวเองทุกเรื่อง กว่าจะคลายกิเลสออกจากใจของเราให้ได้หมด กิเลสหยาบๆ นี่ก็ไม่ค่อยจะมีกันเท่าไหร่ กิเลสละเอียด ความเกิดมลทิน นิวรณธรรมต่างๆ เยอะแยะมากมาย แล้วก็ความเกิด การปรุงแต่งของใจ ของความคิดของเรานั่นแหละ ถึงดีไม่ดีก็เป็นกิเลสหมด ตราบใดที่ใจยังเกิดอยู่ ใจไม่เกิด เราดับความเกิดให้เหือดแห้งลงไปเรื่อยๆ หนุนกำลังสติปัญญาไปเกิดแทน แม้แต่สติปัญญาของเราถ้าเป็นอกุศลเราก็ไม่ให้เกิด คิดเฉพาะสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์เราก็ไม่คิด

แต่มันก็ยากนะ เราต้องเป็นคนที่ศึกษาให้ละเอียดจริงๆ ถึงจะเข้าใจ คนทั่วไปแม้แต่วาจา คำพูดคำจาก็ยังรักษายากส่วนใจนี่สารพัดอย่าง ไม่อยากเกิดมันก็เกิด ไม่อยากคิดมันก็คิด บางคนก็มาเล่าให้ฟัง "หลวงพ่อๆ ทำไมใจมันมีตั้งแต่อกุศล ไปที่ไหนก็คิดว่าคนโน้นไม่ดีคนนี้ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้" ก็ใจของเราไม่ดี เราถึงมองโลกในทางไม่ดี ถ้าใจของเราดีเราก็มองเห็นโลกนี้ดี ถ้าใจของเราไม่เกิดเราก็มองเห็นโลกนี้เป็นของว่าง ไม่มีอะไร ถึงภายนอกจะดีหรือไม่ดีใจของเราก็ไม่เกิด เราเลือกเอาเฉพาะส่วนที่ดีๆ ส่วนไหนไม่ดีเราก็อย่าเอามาใส่ใจ สูงขึ้นไปก็จะวางหมด บริหารด้วยสติบริหารด้วยปัญญา ก็ค่อยขัดเกลาตัวเราอยู่ตลอดเวลา

การพูดง่าย การดำเนินนี้มันต้องใช้กาลใช้เวลา ใช้ความเพียรมากทีเดียว แต่ก็ไม่เหลือวิสัย ใจของคนเรานี้ฝึกได้ไม่ใช่ว่าฝึกไม่ได้ ฝึก! พยายามฝึกทีละเล็กทีละน้อย ค่อยสะสมคุณงามความดีไปเรื่อยๆ เหมือนกับการปลูกผลหมากรากไม้ เราหมั่นดูแลรักษาเขา ทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ถึงวาระเวลาเขาก็จะเจริญเติบโต ออกดอกออกผล เราไม่อยากจะได้ดอกได้ผลเราก็ได้

การฝึกใจ อย่าไปนึกเอา อย่าไปคิดเอาเด็ดขาด ความนึกคิดนั่นเขามีอยู่เดิม ความเกิดนั่นเขามีอยู่ตลอดเวลา เรามาสร้างผู้รู้หรือว่ามาเจริญสติ มาสร้างความรู้ตัว ดังที่หลวงพ่อบอกกล่าวทุกวันทุกเช้า การเจริญสตินั่นแหละ

หมั่นสำรวจใจของตัวเรา หมั่นเจริญสติให้มีให้ต่อเนื่องให้ได้ เพียงแค่การเจริญสตินี้ก็ยังยากลำบาก ถ้าเอาสติปัญญาไปใช้ก็ยิ่งยากลำบากอีก เราก็ต้องพยายาม พยายามเอา ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่รู้ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะไม่เข้าใจ ไม่ต้องไปกังวลว่าจะเสียเปรียบกิเลสคนโน้นคนนี้ เราชนะตัวเราแล้วเราก็จะชนะหมดทุกอย่าง

บุญกุศลเราก็สนุกสร้าง สร้างบุญ สร้างกุศลให้มีให้เกิด เพื่อให้เกิดประโยชน์ การดำเนินชีวิตทางสมมติก็ไม่ให้ลำบากทางวิมุตติก็ไม่ให้ลำบาก เพราะว่าสมมติกับวิมุตติก็อยู่ร่วมกัน จิตก็อยู่ร่วมกับกาย กายของเรานี้ก้อนสมมติ เราจะหนีสมมติไม่ได้ นอกจากหมดลมหายใจ แต่เราต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องก่อน ก่อนที่จะหมดลมหายใจ อยู่ด้วยปัญญาบริหารด้วยปัญญา ไม่ให้กิเลสเล่นงาน แต่เวลานี้ความทะเยอทะยานอยาก ทั้งความอยากความไม่อยากมันเล่นงานท่านถึงบอกว่า ละความอยาก ละความหวัง แต่ให้รับผิดชอบด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา

กว่าจะเข้าถึง กว่าจะทำความเข้าใจได้ ต้องเป็นบุคคลที่มีความเพียรที่ถูกที่ถูกทาง จนใจคลายออกจากขันธ์ห้าได้ หรือว่าแยกรูปแยกนามได้ ถึงจะเข้าสู่สัมมาทิฏฐิ เพียงแค่เริ่มต้นความเห็นถูก เห็นการแยกการคลาย เริ่มต้นของวิปัสสนาความรู้แจ้งเห็นจริง

เหมือนกับเราขึ้นบนบ้าน ขึ้นบันไดจากขั้นแรกตั้งแต่ศรัทธาความเชื่อ สร้างบารมีของเราขึ้นไปเรื่อยๆ มีศรัทธามีความเชื่อ แล้วก็รู้จักการเจริญสติ ปรับสภาพใจของเราให้อยู่ในความอ่อนน้อม อ่อนโยน มีความหนักแน่น มีความจริงใจ มีสัจจะ มีความขยันหมั่นเพียร มีความละอายเกรงกลัวต่อบาป มีความกล้าหาญในสิ่งที่ควรกล้าหาญ แล้วก็รู้จักแก้ไขตัวเราอยู่ตลอดเวลา ไม่เอารัดเอาเปรียบคนอื่น มีการอนุเคราะห์ มีการช่วยเหลือ มีการขัดเกลากิเลสอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับการขึ้นบันไดตั้งแต่ขั้นการให้ทาน การรักษาศีล การรักษาศีลก็รักษากาย รักษาวาจา ลึกลงไปก็รักษาใจ ถ้าเราทำความเข้าใจได้หมด สลัดขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราได้หมด ศีลสมาธิปัญญาเขาก็จะรักษาเรา ไม่ได้รักษายากเลย

ยืนเดินนั่งนอนก็จะเป็นแค่เพียงอิริยาบถ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน เราต้องเข้าใจในเรื่องของกรรม กรรมส่วนรูปธรรม กรรมสวนนามธรรม ส่วนนามธรรมนี้มันก็เข้าใจยากอยู่ เพราะว่ามองด้วยตาเนื้อไม่เห็น ต้องรู้ด้วยการเจริญภาวนา ด้วยการเจริญสติ รู้ลักษณะหน้าตาอาการ การเกิดการดับ การแยกการคลาย มันมีหมดนั่นแหละ ยิ่งฝึกไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจ ทำความเข้าใจให้ถูกต้องแล้วก็ค่อยละ จนไม่เหลืออะไรจากใจ ก็จะเหลือตั้งแต่ความบริสุทธิ์ความว่าง ความว่างความบริสุทธิ์ ใจที่ปราศจากกิเลสเป็นอย่างนี้ ใจที่คลายจากขันธ์ห้าเป็นอย่างนี้ ใจที่ละกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างนี้

สติ คำว่าสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นอย่างนี้ เป็นอัตโนมัติ มหาสติ มหาปัญญา จนไม่ได้สร้างจนไม่ได้ทำ จนมีแต่ดูกับรู้บริหารด้วยปัญญาล้วนๆ บุคคลที่จะเข้าถึงทรัพย์นี้ก็ยาก นอกจากบุคคลที่สร้างบารมีมาให้เต็มเปี่ยม เจริญภาวนาให้ถูกต้อง เหมือนกับการขึ้นบันไดก็ขึ้นทีละขั้นๆ ทีละขั้นๆ แต่ก็อยู่ในราวบันไดอันเดียวกัน เราอย่าไปติดว่าขั้นโน้นขั้นนี้ ตราบใดที่ใจยังไม่คลายออกจากขันธ์ห้าเราก็ขึ้นๆลงๆ ลงๆขึ้นๆ เราก็อาศัยเรือ กายของเราก็เปรียบเสมือนเรือข้ามฝั่ง เราข้ามฝั่ง ขึ้นอยู่บนฝั่งได้ เราจะกลับมาฝั่งเก่าเราก็อาศัยสติปัญญา อาศัยเรือเหมือนกันหมด

บันไดก็มีราวบันได บันไดก็มีลูกบันได เราก็ขึ้นถึงตัวเรือนได้เมื่อไหร่ นั่นแหละเขาเรียกว่าแยกรูปแยกนาม รู้จักทรงความว่างเอาไว้ ทีนี้เราจะปัดกวาดกิเลสออกจากใจของเราได้หมดหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความเพียรของเรา ดำเนินให้ถึงจุดหมายปลายทางอีก ก็อย่าพากันประมาท ทั้งพระทั้งโยมทั้งที ถ้าเราสอนเราไม่ได้แก้ไขเราไม่ได้ ไม่มีใครจะสอนเราได้เลยนอกจากตัวของเรา

เราทำความเข้าใจให้มันถูก ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็ค่อยละ ไม่ใช่ว่าปฏิบัติธรรมเจริญสติ ไม่รู้จักลักษณะของสติ เอาสติปัญญาไปใช้ยังไง ได้ตั้งแต่นึกเอาคิดเอา ปิดกั้นตัวเองอยู่อย่างงั้น ก็ได้แค่ปฏิบัติก็ยังดี อยู่ในบุญในกุศลระดับของสมมติ ก็ยังอาศัยบุญกุศลอยู่จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางกัน

เอาล่ะ วันนี้ก็พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง