ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 88 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557
ชื่อตอน
ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 88 วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
ตามความเป็นจริง ชุดที่ 5 (ลำดับที่ 81-98)
ถอดความฉบับเต็ม
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 88
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557
เจริญธรรม ญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พยายามฝึก ได้เล็กได้น้อย ก็ค่อยคืบคลานไปให้ต่อเนื่อง ระลึกได้เมื่อไหร่ เราก็พยายามรีบสร้างขึ้นมา จนเอาไปใช้ เอาไปทำความเข้าใจกับการเกิด การดับ ของจิตวิญญาณในกายของตัวเราเอง ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย เป็นเรื่องของตัวเราเองทั้งนั้น เราต้องแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา
เราจะดำเนินชีวิตของเราอย่างไร ถึงจะอยู่ดีมีความสุขทั้งทางสมมติ ทั้งทางวิมุตติ ทั้งโลกทั้งธรรม รีบแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขแล้วก็หมดโอกาส ให้แก้ไขตัวเราเอง ปรับปรุงตัวเราเอง ทุกเรื่องจนใจของเราปล่อยวางได้หมด เราก็รับผิดชอบด้วยสติ ด้วยปัญญา ไม่ใช่จะโยนชีวิตของเราไปให้คนโน้นเขารับผิดชอบ ไปให้คนนี้เขารับผิดชอบ อย่างนั้นก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที
เราก็ต้องพยายามสร้างความเข้มแข็ง ให้มีให้เกิดขึ้น ในกายในใจของเรา
สร้างความรับผิดชอบ สร้างความขยันหมั่นเพียร เราขาดตกบกพร่องอะไร มีความอดทนอดกลั้น การแสวงหา การขวนขวาย การวิเคราะห์การสังเกตเราก็ต้องอาศัยกาลเวลาด้วย
ทำให้ต่อเนื่อง ทุกอย่าง สมมติเราขาดตกบกพร่องอะไร เราจะแก้ไขชีวิตของเราอย่างไร ทางด้านจิตวิญญาณเราก็หัดสังเกต แก้ไขปรับปรุงสร้างความเข้มแข็ง ให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนมองเห็นความเป็นจริง
จะมีตั้งแต่ความสุขคนทั่วไปก็แสวงหาความสุขอยู่ แต่เป็นความสุขที่ทางโลก ความสุขแบบสมมติ แบบโลกๆ ความสุขภายในก็มีอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ความสุขทางด้านจิตใจ ทั้งโลก ทั้งธรรม ถ้าเราเข้าใจก็ให้ได้ทั้งโลก ทั้งธรรม ทั้งภายในทั้งภายนอก อยู่ที่ไหนเราก็จะได้อยู่กับบุญ
คือใจมีความสุขนั่นแหละ ตัวบุญ
ตัวใจนั่นแหละคือ ตัวธรรม
ลักษณะของใจ หรือว่าวิญญาณในกายของเรา เพราะว่าทุกคนก็มีเหมือนกันหมด แต่วิบากกรรม เราต้องทำความเข้าใจ กรรมส่วนนามธรรม กรรมส่วนรูปธรรม เราต้องหัดวิเคราะห์รู้จักกรรม
กรรมก็คือการกระทำ ทำอย่างไรเราถึงจะปล่อยวางกรรมได้ ก็แยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ แยกรูปแยกนามได้เราก็ทำความเข้าใจได้ เราก็ละได้ เราก็อยู่เหนือกรรม
มันไม่มีอะไรมากมายหรอก พูดง่ายอยู่ แต่ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรในการสร้างตบะสร้างบารมี ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย ระรานไปทั่ว แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจไม่รู้วิ่งหนีไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง แทนที่จะนิ่ง รับรู้ ผิดถูกชั่วดียังไง ปัญญาไปแก้ไขก็ต้องพยายาม
สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปทำความเข้าใจต่อนะ
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2557
เจริญธรรม ญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาพวกเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง พยายามฝึก ได้เล็กได้น้อย ก็ค่อยคืบคลานไปให้ต่อเนื่อง ระลึกได้เมื่อไหร่ เราก็พยายามรีบสร้างขึ้นมา จนเอาไปใช้ เอาไปทำความเข้าใจกับการเกิด การดับ ของจิตวิญญาณในกายของตัวเราเอง ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย เป็นเรื่องของตัวเราเองทั้งนั้น เราต้องแก้ไขเรา ปรับปรุงตัวเรา
เราจะดำเนินชีวิตของเราอย่างไร ถึงจะอยู่ดีมีความสุขทั้งทางสมมติ ทั้งทางวิมุตติ ทั้งโลกทั้งธรรม รีบแก้ไข ถ้าไม่แก้ไขแล้วก็หมดโอกาส ให้แก้ไขตัวเราเอง ปรับปรุงตัวเราเอง ทุกเรื่องจนใจของเราปล่อยวางได้หมด เราก็รับผิดชอบด้วยสติ ด้วยปัญญา ไม่ใช่จะโยนชีวิตของเราไปให้คนโน้นเขารับผิดชอบ ไปให้คนนี้เขารับผิดชอบ อย่างนั้นก็ไม่ถึงจุดหมายปลายทางสักที
เราก็ต้องพยายามสร้างความเข้มแข็ง ให้มีให้เกิดขึ้น ในกายในใจของเรา
สร้างความรับผิดชอบ สร้างความขยันหมั่นเพียร เราขาดตกบกพร่องอะไร มีความอดทนอดกลั้น การแสวงหา การขวนขวาย การวิเคราะห์การสังเกตเราก็ต้องอาศัยกาลเวลาด้วย
ทำให้ต่อเนื่อง ทุกอย่าง สมมติเราขาดตกบกพร่องอะไร เราจะแก้ไขชีวิตของเราอย่างไร ทางด้านจิตวิญญาณเราก็หัดสังเกต แก้ไขปรับปรุงสร้างความเข้มแข็ง ให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา จนมองเห็นความเป็นจริง
จะมีตั้งแต่ความสุขคนทั่วไปก็แสวงหาความสุขอยู่ แต่เป็นความสุขที่ทางโลก ความสุขแบบสมมติ แบบโลกๆ ความสุขภายในก็มีอยู่ ได้บ้างไม่ได้บ้าง ความสุขทางด้านจิตใจ ทั้งโลก ทั้งธรรม ถ้าเราเข้าใจก็ให้ได้ทั้งโลก ทั้งธรรม ทั้งภายในทั้งภายนอก อยู่ที่ไหนเราก็จะได้อยู่กับบุญ
คือใจมีความสุขนั่นแหละ ตัวบุญ
ตัวใจนั่นแหละคือ ตัวธรรม
ลักษณะของใจ หรือว่าวิญญาณในกายของเรา เพราะว่าทุกคนก็มีเหมือนกันหมด แต่วิบากกรรม เราต้องทำความเข้าใจ กรรมส่วนนามธรรม กรรมส่วนรูปธรรม เราต้องหัดวิเคราะห์รู้จักกรรม
กรรมก็คือการกระทำ ทำอย่างไรเราถึงจะปล่อยวางกรรมได้ ก็แยกรูปแยกนามได้นั่นแหละ แยกรูปแยกนามได้เราก็ทำความเข้าใจได้ เราก็ละได้ เราก็อยู่เหนือกรรม
มันไม่มีอะไรมากมายหรอก พูดง่ายอยู่ แต่ต้องพยายามขยันหมั่นเพียรในการสร้างตบะสร้างบารมี ไม่ใช่ไปปล่อยปละละเลย ระรานไปทั่ว แต่ละวันตื่นขึ้นมา ใจไม่รู้วิ่งหนีไปเที่ยวที่ไหนบ้าง เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง แทนที่จะนิ่ง รับรู้ ผิดถูกชั่วดียังไง ปัญญาไปแก้ไขก็ต้องพยายาม
สร้างความรู้สึกรับรู้ สัมผัสของลมหายใจให้ต่อเนื่องเชื่อมโยงกันสักนิดก็ยังดีนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กันค่อยไปทำความเข้าใจต่อนะ