ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 26 วันที่ 9 เมษายน 2557
ชื่อตอน
ตามความเป็นจริง_หลวงพ่อกล้วย ลำดับที่ 26 วันที่ 9 เมษายน 2557
บันทึกเสียงเมื่อ
ชุด
ตามความเป็นจริง ชุดที่ 2 (ลำดับที่ 21-40)
ถอดความฉบับเต็ม
ตามความเป็นจริง ลำดับที่ 26
วันที่ 9 เมษายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือว่าเราเอาตั้งแต่ความคิดปัญญาเก่า นึกเอาคิดเอา เออเองเอา อันนั้นปัญญาเก่า ความคิดเก่าที่เกิดจากใจนั้นมีอยู่ เกิดจากขันธ์ห้านั้นมีมาตั้งแต่เกิด มีมาตั้งแต่เดิม เขาหลงถึงได้เกิด เขาคิดเขาปรุงเขาแต่ง เขาส่งออกไปภายนอก เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง
ทีนี้ เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เข้าไปควบคุมใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออก หรือว่าแยกออกจากอาการของความคิด ซึ่งเรียกว่า 'แยกรูปแยกนาม' ใจก็จะพลิก ใจก็จะหงาย
สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของความคิดเป็นเรื่องอะไร เป็นกุศล หรือว่าอกุศล เป็นเรื่องอดีต หรือว่าเรื่องของอนาคต เป็นกลางๆ มีกิเลสเข้าไปเจือปน มีใจเข้าไปยินดียินร้ายหรือไม่ อันนั้นทุกคน ถ้ามีสติมีปัญญาที่ต่อเนื่องเร็วไวถึงจะเห็น ถ้าไม่มีกำลังสติที่ต่อเนื่อง ยากที่จะเข้าใจ
แต่เวลานี้ การเจริญสติกันให้ต่อเนื่องกันก็ยัง เราก็เลยรู้ไม่ทัน ก็เลยยาก ก็เลยได้แค่สร้างบารมีทำบุญให้ทาน เป็นพื้นฐานกันทุกคน แต่การเดินปัญญา การสังเกต การวิเคราะห์ การละกิเลส ตรงนี้ต้องมีความเพียรอย่างยิ่งยวดทั้งกลางวันทั้งกลางคืน เมื่อเรารู้แล้วเห็นแล้วตามทำความเข้าใจได้แล้ว ละกิเลสได้หมดจดแล้ว ดับความเกิดได้หมดจดแล้วนั่นแหละ จะยืนเดินนั่งนอน ก็อยู่อย่างสบาย อยู่อย่างมีความสุข
งานภายในก็ยังไม่ได้จบ สติก็ยังไม่ได้สร้าง ถึงมีก็กะปริดกะปรอย มันจะไปรู้เท่าทันละกิเลสได้ยังไง ก็ต้องพยายามกันแหละ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ได้เท่าไหร่ก็เอา อย่าว่าไม่ทำ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ
วันที่ 9 เมษายน 2557
ขอให้ญาติโยมเราทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเราให้ต่อเนื่องให้เชื่อมโยง
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง หรือว่าเราเอาตั้งแต่ความคิดปัญญาเก่า นึกเอาคิดเอา เออเองเอา อันนั้นปัญญาเก่า ความคิดเก่าที่เกิดจากใจนั้นมีอยู่ เกิดจากขันธ์ห้านั้นมีมาตั้งแต่เกิด มีมาตั้งแต่เดิม เขาหลงถึงได้เกิด เขาคิดเขาปรุงเขาแต่ง เขาส่งออกไปภายนอก เขาก็หาเหตุหาผลมาปิดกั้นตัวเอง
ทีนี้ เรามาสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง เข้าไปควบคุมใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออก หรือว่าแยกออกจากอาการของความคิด ซึ่งเรียกว่า 'แยกรูปแยกนาม' ใจก็จะพลิก ใจก็จะหงาย
สติความรู้ตัวที่เราสร้างขึ้นมา ตามดูรู้เห็นการเกิดการดับของความคิดเป็นเรื่องอะไร เป็นกุศล หรือว่าอกุศล เป็นเรื่องอดีต หรือว่าเรื่องของอนาคต เป็นกลางๆ มีกิเลสเข้าไปเจือปน มีใจเข้าไปยินดียินร้ายหรือไม่ อันนั้นทุกคน ถ้ามีสติมีปัญญาที่ต่อเนื่องเร็วไวถึงจะเห็น ถ้าไม่มีกำลังสติที่ต่อเนื่อง ยากที่จะเข้าใจ
แต่เวลานี้ การเจริญสติกันให้ต่อเนื่องกันก็ยัง เราก็เลยรู้ไม่ทัน ก็เลยยาก ก็เลยได้แค่สร้างบารมีทำบุญให้ทาน เป็นพื้นฐานกันทุกคน แต่การเดินปัญญา การสังเกต การวิเคราะห์ การละกิเลส ตรงนี้ต้องมีความเพียรอย่างยิ่งยวดทั้งกลางวันทั้งกลางคืน เมื่อเรารู้แล้วเห็นแล้วตามทำความเข้าใจได้แล้ว ละกิเลสได้หมดจดแล้ว ดับความเกิดได้หมดจดแล้วนั่นแหละ จะยืนเดินนั่งนอน ก็อยู่อย่างสบาย อยู่อย่างมีความสุข
งานภายในก็ยังไม่ได้จบ สติก็ยังไม่ได้สร้าง ถึงมีก็กะปริดกะปรอย มันจะไปรู้เท่าทันละกิเลสได้ยังไง ก็ต้องพยายามกันแหละ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ ได้เท่าไหร่ก็เอา อย่าว่าไม่ทำ
สร้างความรู้สึกรับรู้ การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ