หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 094

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 094
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 094
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ต่อเนื่องให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวรู้กายของเราแล้วหรือยัง ลึกลงไปก็รู้ใจ ความรู้ตัวเราต้องสร้างขึ้นมา แล้วก็พยายามสร้างความรับรู้ให้ต่อเนื่อง เราถึงจะรู้ทรัพย์อันใหญ่ คือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้นของจิต แต่เวลานี้จิตของเรายังเกิดอยู่ จิตของเรายังหลงอยู่ จิตของเรายังเป็นทาสของอารมณ์ เป็นทาสของกิเลส แล้วก็ยังมีความทะเยอทะยานอยาก

ลึกลงไป จิตของเรายังหลงความคิด หลงอารมณ์อยู่ ซึ่งเป็นโมหะอย่างลุ่มลึกเลยทีเดียว เรามาสร้างความรู้ตัวตัวใหม่ ซึ่งเรียกว่า ‘อานาปานสติ’ มีความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ยังรู้กันไม่ต่อเนื่อง ก็ยังรู้ไม่ชำนาญ ทั้งที่ใจก็ฝักใฝ่ในบุญ การฝักใฝ่ในบุญ ใจก็ยังเกิดอยู่ เพียงแค่การเกิดนี่ก็ยังหลงอยู่ ถ้าไม่หลงก็ไม่เกิด เรามาสังเกต มาวิเคราะห์จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากความคิด ซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’

แยกรูปแยกนาม เพียงแค่เริ่มต้นของความรู้เห็นที่ถูกต้อง เขาเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ แล้วก็ตามทำความเข้าใจในกองสังขาร ในความคิดที่มาปรุงแต่งใจของเรา ว่าใจของเราทำไมถึงไปหลงไปรวม เราก็จะเข้าใจในเรื่องอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาในขันธ์ห้าของเรา ตัวใจ หรือว่าตัววิญญาณตัวสุดท้ายในขันธ์ห้าของเรานั่นแหละ เราต้องรู้ให้เข้าถึงฐานของเขา ว่าเขาก่อตัวอย่างไร เขาเกิดที่ตรงไหน ให้รู้จักจุดปล่อยจุดวางเสียก่อน เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน การตามทำความเข้าใจ การละก็ต้องเข้มงวดเข้ามาอีก

เรื่องการทำบุญ การให้ทาน ทุกคนก็ฝักใฝ่กันตรงนี้อยู่มาตั้งแต่ทุกภพทุกภูมินั่นแหละ จนได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ในกายของมนุษย์ก้อนนี้ มีวิญญาณเข้ามาครอบครอง เข้ามาสร้าง มีวิญญาณตัวเดียวที่มาสร้าง มาสร้างอันนั้น มาสร้างอันนี้ แล้วก็มาปกปิดตัวมันเอง มาสร้างกายเนื้อ ในกายเนื้อของเรา ก็มีจำแนกออกเป็นอีกเป็นกองๆ ถึง 5 กอง รวมทั้งตัวของวิญญาณเป็น 5 กอง กองรูป กองเสียง กองเวทนา กองสัญญาต่างๆ ถ้าเราเห็น

ท่านถึงบอกว่าเป็นกองของใครกองของมัน เป็นขันธ์ของใครขันธ์ของมัน ถ้าเราไม่ได้มาเจริญสติเข้าไปสังเกต เข้าไปวิเคราะห์ให้แยบคาย ให้ต่อเนื่อง ยากที่จะรู้ตรงนี้ เราก็รู้อยู่เฉพาะในภาพรวมว่ากายเป็นก้อนรูป ใจเป็นนาม แต่เราไม่เคยเห็นว่าความว่าง ฐานของใจนั้นเป็นอย่างไร ความว่าง ว่างจากการเกิด ว่างจากขันธ์ห้า ว่างจากความยึดมั่นถือมั่น ว่างจากกิเลสเป็นอย่างไร เรารู้ไม่ชัดเจน

บางครั้งบางคราวเขาก็ไม่มีกิเลส เขาก็สงบอยู่ แต่ก็ยังไม่ได้ว่าง เพียงแค่สงบ ก็ยังไม่ได้คลาย เพียงแค่ปกติ ถ้าเขาพลิก เขาหงาย เขาคลาย ทีนี้เราต้องมาละกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ซึ่งเกิดจากตัวใจของเราอีก มีกันทุกคน จะมีมากมีน้อยแล้วแต่กำลังสติปัญญาของพวกเรา จะตามทำความเข้าใจในรายละเอียดต่างๆ

ความจริงมีหมดทุกอย่าง ยิ่งค้นคว้าไปเท่าไหร่ยิ่งเห็นเยอะ ยิ่งเห็นเยอะเท่าไหร่ก็ยิ่งทำความเข้าใจให้รู้แจ้งเห็นจริง แล้วค่อยละออกทีละเล็กทีละน้อย การดับนั่นแหละการละ แล้วก็เจริญพรหมวิหารเข้าไปทดแทนทุกอย่าง ใจของเราเกิดความทะเยอทะยานอยาก เราก็ละความทะเยอทะยานอยากด้วยการเอาออก ด้วยการให้ ด้วยการคลาย ใจของเราเกิดความโกรธ เราก็พยายามดับความโกรธ ให้อภัยทานอโหสิกรรม มองโลกในทางที่ดี คิดดี มีความจริงใจ มีสัจจะกับตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ไม่เอารัดเอาเปรียบคนนั้นคนนี้ เป็นบุคคลที่มีความเป็นระเบียบ สมมติก็เป็นระเบียบ ระเบียบทั้งภายนอก ทั้งภายใน ความละเอียดก็จะรู้ลึกลงไปเรื่อยๆ อย่าพากันไปมองข้าม อย่าพากันไปทิ้ง ตื่นขึ้นมาเราก็พยายามรีบสำรวจดู รู้ทันบ้างไม่ทันบ้าง เราก็พยายามรีบแก้ไขตัวเราเอง เพียงแค่ระดับของสมมติ พวกเราก็ยังทำกันไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าไหร่ ถึงจะมีมากมีน้อย เราก็พยายามทำให้มันดี ให้มันถูกต้อง รู้จักสำรวมกายของเรา สำรวมวาจาของเรา สำรวจใจของเรา จัดระบบระเบียบ ตั้งแต่ใจให้คลายออกจากขันธ์ห้า คลายออกจากความคิด ละกิเลส ดับความเกิด ให้ไปอยู่ที่ฐานเดิมคือความบริสุทธิ์ ความหลุดพ้น ให้เขารับรู้อยู่ภายใน ไม่ให้เขาเกิด เราก็จะมองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน

การประพฤติวัตร ปฏิบัติธรรม ก็คือปฏิบัติขัดเกลากาย วาจา ใจของเรา ให้ได้ครบทั้งองค์สาม ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ นี่แหละศีล สมาธิ ปัญญาก็อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก ศีล สมาธิ ปัญญาก็จะรักษาเรา ใหม่ๆ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมา สติไม่มี ความรู้ตัวไม่มี เราต้องสร้างขึ้นมา ใจไม่สงบ เราก็พยายามฝึก พยายามฝืน พยายามดับ ให้เขาอยู่ในความสงบ จนกว่าจะสังเกตเขาคลายออกจากกันได้ วิปัสสนาถึงจะเริ่มเปิดทาง เราก็จะตามทำความเข้าใจ ก็จะเห็นจากน้อยๆ ไปหามากๆ แล้วก็ค่อยละออกจนหมดจด หน่วงเหนี่ยวเอาความว่างเป็นอารมณ์

นั่นแหละใจเที่ยง นิพพานก็เที่ยง จิตเที่ยง นิพพานเที่ยง จิตไม่เที่ยง นิพพานก็ไม่เที่ยง ใจของเราก็บริสุทธิ์มาแต่เดิมอยู่แล้ว เราเอากิเลสเข้ามาหุ้มห่อเอาไว้ แม้แต่ตัวใจ ตัววิญญาณของเรา เขาก็หาเรื่องมาปกปิดเอาไว้ เพราะว่าเขาเคยคิด เคยเที่ยว เคยส่งออกไปภายนอกจนเกิดความเคยชิน ไม่รู้ว่ากี่ภพกี่ชาติ กี่กัปกี่กัลป์ นอกจากปัญญาของพระพุทธองค์เท่านั้นแหละ ที่ค้นพบแล้วก็เอามาเปิดเผยให้สัตว์โลกคือพวกเรานี่แหละได้เดินตามกัน

เราต้องพยายาม อย่าพากันปล่อยวันเวลาทิ้ง แม้แต่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเรายังรู้กันไม่ชำนาญ ต้องเอาตั้งตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บ ก็รู้กายรู้ใจ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำ นุ่งผ้าครองผ้า ทำกับข้าวกับปลา ใจของเราสงบหรือไม่ อันนี้สติกับใจ สติกับใจ 2 ส่วน ทีนี้อาการของขันธ์ห้าที่ผุดขึ้นมาโดยที่เราไม่ตั้งใจ เขาผุดขึ้นมาได้อย่างไร ถ้าเรามีสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบัน สักวันนึงเราก็คงจะเห็นตรงนี้

เพียงแค่การเจริญสติก็ลุ่มๆ ดอนๆ เพียงแค่จุดเดียวนี่ก็ยังทำกันไม่ค่อยจะต่อเนื่อง ก็เลยยากที่จะเข้าใจ พากันไปมัวเมาเพลิดเพลิน หรือแสวงหาด้วยตัววิญญาณ หรือว่าตัวใจที่ส่งออกไปภายนอกตลอดเวลา การดับ การละ การอด การสังเกต การวิเคราะห์ ลักษณะของสติรู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร กายวิเวกเป็นอย่างไร ใจวิเวกเป็นอย่างไร กายทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ต้องวิเคราะห์อยู่ตลอดเวลาจนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการรับรู้จนหมดงานที่จะทำ นั่นแหละงานภายใน เหลือแต่งงานภายนอก คือสร้างยังประโยชน์ เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย

แต่ละวันเราได้สร้างประโยชน์อะไร หรือว่ามีตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำ เราต้องพยายามละ พยายามขัดเกลาตัวเอง ถ้าเราไม่แก้ไขตัวเราแล้ว ไม่มีใครจะแก้ไขให้เราได้เลย นอกจากตัวของเราเอง ก็ต้องพยายามกันนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ก็ต้องพยายามกัน พระเราก็เหมือนกัน มาอยู่ร่วมกันให้มีความสมัครสมานสามัคคี มีอะไรก็ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เราก็พยายามปรับปรุงตัวเอง แก้ไขตัวเอง แก้ไขตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเราให้ได้ ใช้ตัวเราให้เป็น อย่าให้แม้แต่ตัวของเราก็อย่าให้หนักตัวเรา อย่าให้หนักสถานที่ หนักครูบาอาจารย์ หนักทุกสิ่งทุกอย่างนั่นแหละ ถ้าเราไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีความเป็นระเบียบ

ความเป็นระเบียบ ละเอียด ลึกลงไปจนถึงตัวใจ จัดระบบของความคิด ของอารมณ์ หนุนกำลังสติปัญญาไปทำหน้าที่แทนได้ทุกเรื่อง จะค่อยไล่ลงไปเรื่อยๆ ไล่ลงไปเรื่อยๆ เราเดินไม่ถึงวันนี้ วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเดินถึง ไม่ถึงพรุ่งนี้ มะรืนนี้เดือนหน้าปีหน้า อย่าปิดกั้นตัวเอง ก็ต้องพยายามเอา ค่อยอดทนอดกลั้นเอานะ

เอาล่ะ วันนี้ก็ขอเจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอา

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง