หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 012
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554 ลำดับที่ 012
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2554
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ทุกคนทุกท่าน จงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่อง ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัว เราต้องขยันหมั่นเพียร ทำความเข้าใจ รู้จักจิต รู้จักความคิด รู้จักอารมณ์ รู้จักรอบรู้ในกองสังขารของเรานั่นแหละ
หลักการเกิดของวิญญาณ หรือว่าการเกิดของจิต เขาเกิดอย่างไร เขาหลงอะไร ทำไมเขาถึงเกิด การควบคุม การดูแล การทำความเข้าใจ แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการรับรู้ในการเกิด วิญญาณของทุกดวงนี้ชอบเกิด ชอบคิดนั่นแหละ ชอบคิดชอบเที่ยว ชอบคิด คิดก็ยังไม่พอ พอมีอาการของวิญญาณอีก รวมกัน ตัววิญญาณกับอาการของวิญญาณ คิดก็รู้ทำก็รู้ การควบคุม การแยกแยะ การละไม่มี มันก็เลยดับความเกิดไม่ได้ ละความทุกข์ไม่ได้ เราก็ต้องพยายาม
เพียงแค่การสร้างความรู้ตัว เราก็ยังไม่ขยันหมั่นเพียร แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา วิญญาณของเราเป็นอย่างไร เราต้องวิเคราะห์เรา แก้ไขเรา ปรับปรุงเรา ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอย่างไร อยู่ที่ไหนก็ช่าง อยู่คนเดียว อยู่หลายคน เราก็ต้องแก้ไขเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาแก้ให้ คนนี้เขาแก้ให้ อย่างนั้นจะไปไม่ถึงไหน ตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบสำรวจ หมั่นพร่ำสอนใจของเรา มีความสุข คุยกับใจของเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเราเป็นอย่างไร มาอย่างไร สติปัญญาของเราเอาไปใช้ทำหน้าที่แทนได้หรือไม่
ส่วนมากก็มีแต่เรื่องภายนอก แล้วก็วิ่งไปเรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง อดีตบ้าง อนาคตบ้าง เรื่องคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง แทนที่จะมาเรื่องกาย เรื่องใจของเรา อยู่คนเดียว เราก็รู้ใจรู้กายของเรา รู้จักหน้าที่ของตัวเราเอง ยังประโยชน์สมมติให้เกิดประโยชน์ คนทั่วไป แม้แต่ตัววิญญาณก็ยังปิดบังอำพรางตัวเอง ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ให้ขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
เรามาอยู่ร่วมกันจากน้อยๆ จากความไม่มี ก็มีมากขึ้นๆ เราก็ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัวออกจากจิต จากใจของเรา การกระทำทางสมมติ เราก็ยังประโยชน์ของสมมติ เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนตัวเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ความสงบ ความสะดวก ความสบาย ส่วนรวมใครไปใครมาก็มีความสะดวกสบาย ไม่ใช่ว่าฉันจะเอาอย่างเดียว งานหนักงานเบาฉันไม่เอา ฉันจะเอาอย่างเดียว
เราต้องมีความเสียสละ เสียสละอย่างเต็มเปี่ยม เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังวาจา ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ที่นี่เราก็พยายามสร้างประโยชน์ ประโยชน์ภายใน เราก็พยายามดำเนินให้ถึงจุดหมาย ประโยชน์ภายนอก เราก็ยังประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มีให้เกิดขึ้น อย่าไปงอมืองอเท้า มีอะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัย ห้องส้วมห้องน้ำ เราอยู่เราก็สบายตา คนอื่นมาก็สบายตา สบายใจ
ตอนนี้ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็มากขึ้น ญาติโยม ฆราวาสญาติโยมก็มาวัดเยอะขึ้น บางทีก็ทั้งวัน คนแปลกหน้าก็มาเยอะ บางทีก็ขโมยขโจรก็มี เราก็ต้องคอยระวังดูแลรักษาทรัพย์สินของเรา ไปไหนมาไหนก็เอาเก็บ ถ้าสำคัญก็เอาติดตัวของเราไว้ ไปไหนมาไหนก็ปิดกุฏิวิหาร ประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ขโมยก็คอยขโมยเอาทีเราเผลอ แล้วก็ขโมยอันโน้นบ้าง ขโมยอันนี้บ้าง อันนั้นก็ช่างเขาเถอะ เขาทำหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา ดูแลรักษา อยากจะได้ก็ให้มันเอาไป
เราก็ต้องพยายามอย่าประมาท มีอะไรเราก็ช่วยกัน ช่วยกันทำ ยิ่งอยู่เยอะๆ ก็ยิ่งเพิ่มความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะมีความสุข จะให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกับไม่มี ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ตั้งแต่สมัยก่อนโน้นไม่มีอะไร หาใครที่จะเข้ามาอยู่ก็ยาก พอความสะดวกสบายขึ้นมาเยอะ คนโน้นก็มา คนนี้ก็มา ก็ต้องมีความรับผิดชอบช่วยกัน
บางคนก็มาแล้วก็จากไป ผ่านไปผ่านมาๆ อยู่มาตั้ง 20 กว่าปี 30 กว่าปี 20 กว่าร่วม 30 บางคนก็มาแล้วก็ไป มาถกเถียงกันแล้วก็ไป บางคนเข้ามาแล้วก็มายังประโยชน์สร้างประโยชน์เอาไว้ บางคนก็มาทำลายนี่ก็มีเยอะ อีกสักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พัดพรากจากกันตอนตาย ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราพยายามสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำการทำงาน ที่วัด เราก็ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น มีความรับผิดชอบต่อใจของเรา ต่อกายของเรา ต่อส่วนรวม จนล้นออกไปสู่สังคมสู่หมู่สู่คณะ อยู่อย่างมีความสุข
ทุกวันนี้ก็อานิสงส์ผลในสิ่งที่เราทำตั้งแต่ต้นเหตุมาทั้งนั้น ความร่มรื่นร่มเย็น ความสะดวกสบาย ก็มีพร้อมมูลกันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะขยันหมั่นเพียรในการสร้างอานิสงส์ สร้างบารมีให้กับตัวเราเองหรือไม่เท่านั้นเอง จะอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่สร้างขึ้นมา เจริญสติเราไม่ได้เจริญสติ เราไม่ได้ควบคุมใจ ควบคุมความคิด ควบคุมอารมณ์ เราไม่ได้คลายใจออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ เดินปัญญา ละกิเลส มันก็อยากที่จะเข้าถึง เข้าถึงความสงบ ความบริสุทธิ์ อาจจะสงบได้เป็นบางครั้งบางคราว
เราต้องเป็นบุคคลที่ขยัน ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ขยันในการวิเคราะห์ ในการทำความเข้าใจ ไม่ให้พลาดโอกาสของสติปัญญาของเราได้ว่าลักษณะของวิญญาณ การเกิดของวิญญาณ การละ การดับ บุคคลที่มีสติมีปัญญาจะพร่ำสอนใจตัวเอง แก้ไขใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา อะไรผิดถูกชั่วดีอย่างไร ก็รู้จักระงับยับยั้ง วิเคราะห์พิจารณา คลายออกให้มันหมด อยู่เหนือสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่กับสมมติ กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ
การพูดง่ายนะ แต่การสังเกต การแยกแยะ การละ การทำความเข้าใจ ต้องมีความเพียรที่ต่อเนื่อง มีพื้นฐานที่ดี จิตใจของเรามีความโอบอ้อมอารี มีความเสียสละ มีพรหมวิหาร มีความจริงใจต่อตัวเราเองหรือไม่ เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ดูด้วยว่ามีแต่ความตระหนี่เหนียวแน่น มีแต่ความทะเยอทะยานอยาก แต่ละวันตื่นขึ้นมาส่งออกไป ความคิดส่งออกไปสักกี่เรื่อง สักกี่เที่ยว เหตุจากภายนอกมาทำให้มันเกิด หรือว่ามันเกิดขึ้นมาเอง
การแยกรูปแยกนามก็ยัง แค่แยกรูปแยกนามเพียงแค่เริ่มต้น ลักษณะนาม ลักษณะของวิญญาณที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะอาการของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งตัววิญญาณเป็นอย่างไร การตามดู การรู้ การเห็น เราตามดูตามรู้ได้ทุกเรื่องหรือไม่ เราตามดู ตามรู้ น้อมเข้าไปสู่ความเป็นจริง ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลกให้เต็มเปี่ยม
มีโอกาสก็ขยันหมั่นเพียรกันเอานะ หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็อาศัยอยู่ได้ด้วยยาเหมือนกัน ถ้าถึงระยะเวลาก็คงจะได้ไป ถ้าไม่ถึงเวลาทำอย่างไรก็ไม่ได้ไป ขณะที่ยังมีลมหายใจก็พยายามสร้างประโยชน์ให้กับหมู่ให้กับคณะ ให้กับทุกๆ คนเท่าที่โอกาสจะเปิดโอกาสให้ ก็พยายามทำ ยังประโยชน์ของสมมติให้กับทุกคน ให้อยู่ดีมีความสุข
เราอยู่ด้วยกัน เราก็พยายามสมัครสมานสามัคคีกัน มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อยู่ด้วยกันน้อยคนก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ไม่ใช่ว่าจะอยู่ด้วยอำนาจทิฐิมานะ อำนาจของกิเลส ให้อยู่ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยคุณงามความดี ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ความเจริญ
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ
หลักการเกิดของวิญญาณ หรือว่าการเกิดของจิต เขาเกิดอย่างไร เขาหลงอะไร ทำไมเขาถึงเกิด การควบคุม การดูแล การทำความเข้าใจ แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจตัวเราอยู่ตลอดเวลา จนเป็นอัตโนมัติในการดู ในการรู้ ในการรับรู้ในการเกิด วิญญาณของทุกดวงนี้ชอบเกิด ชอบคิดนั่นแหละ ชอบคิดชอบเที่ยว ชอบคิด คิดก็ยังไม่พอ พอมีอาการของวิญญาณอีก รวมกัน ตัววิญญาณกับอาการของวิญญาณ คิดก็รู้ทำก็รู้ การควบคุม การแยกแยะ การละไม่มี มันก็เลยดับความเกิดไม่ได้ ละความทุกข์ไม่ได้ เราก็ต้องพยายาม
เพียงแค่การสร้างความรู้ตัว เราก็ยังไม่ขยันหมั่นเพียร แต่ละวันๆ ตื่นขึ้นมา วิญญาณของเราเป็นอย่างไร เราต้องวิเคราะห์เรา แก้ไขเรา ปรับปรุงเรา ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะอย่างไร อยู่ที่ไหนก็ช่าง อยู่คนเดียว อยู่หลายคน เราก็ต้องแก้ไขเรา ไม่ใช่ว่าจะไปเที่ยวให้คนโน้นเขาแก้ให้ คนนี้เขาแก้ให้ อย่างนั้นจะไปไม่ถึงไหน ตื่นขึ้นมาแล้วก็รีบสำรวจ หมั่นพร่ำสอนใจของเรา มีความสุข คุยกับใจของเราอยู่ตลอดเวลา ใจของเราเป็นอย่างไร มาอย่างไร สติปัญญาของเราเอาไปใช้ทำหน้าที่แทนได้หรือไม่
ส่วนมากก็มีแต่เรื่องภายนอก แล้วก็วิ่งไปเรื่องโน้นบ้าง เรื่องนี้บ้าง อดีตบ้าง อนาคตบ้าง เรื่องคนโน้นบ้าง คนนี้บ้าง แทนที่จะมาเรื่องกาย เรื่องใจของเรา อยู่คนเดียว เราก็รู้ใจรู้กายของเรา รู้จักหน้าที่ของตัวเราเอง ยังประโยชน์สมมติให้เกิดประโยชน์ คนทั่วไป แม้แต่ตัววิญญาณก็ยังปิดบังอำพรางตัวเอง ก็ต้องพยายามนะ ไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ให้ขยันหมั่นเพียร บอกตัวเองให้ได้ ใช้ตัวเองให้เป็น
เรามาอยู่ร่วมกันจากน้อยๆ จากความไม่มี ก็มีมากขึ้นๆ เราก็ต้องมีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ละความเห็นแก่ตัวออกจากจิต จากใจของเรา การกระทำทางสมมติ เราก็ยังประโยชน์ของสมมติ เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนตัวเราก็พลอยได้รับอานิสงส์ความสงบ ความสะดวก ความสบาย ส่วนรวมใครไปใครมาก็มีความสะดวกสบาย ไม่ใช่ว่าฉันจะเอาอย่างเดียว งานหนักงานเบาฉันไม่เอา ฉันจะเอาอย่างเดียว
เราต้องมีความเสียสละ เสียสละอย่างเต็มเปี่ยม เสียสละทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังวาจา ไปอยู่ที่ไหนก็มีความสุข อยู่ที่นี่เราก็พยายามสร้างประโยชน์ ประโยชน์ภายใน เราก็พยายามดำเนินให้ถึงจุดหมาย ประโยชน์ภายนอก เราก็ยังประโยชน์ต่อส่วนรวมให้มีให้เกิดขึ้น อย่าไปงอมืองอเท้า มีอะไรเราพอช่วยกันได้เราก็ช่วยกัน ความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ที่พักที่อาศัย ห้องส้วมห้องน้ำ เราอยู่เราก็สบายตา คนอื่นมาก็สบายตา สบายใจ
ตอนนี้ภาระหน้าที่ต่างๆ ก็มากขึ้น ญาติโยม ฆราวาสญาติโยมก็มาวัดเยอะขึ้น บางทีก็ทั้งวัน คนแปลกหน้าก็มาเยอะ บางทีก็ขโมยขโจรก็มี เราก็ต้องคอยระวังดูแลรักษาทรัพย์สินของเรา ไปไหนมาไหนก็เอาเก็บ ถ้าสำคัญก็เอาติดตัวของเราไว้ ไปไหนมาไหนก็ปิดกุฏิวิหาร ประตูหน้าต่างให้เรียบร้อย ขโมยก็คอยขโมยเอาทีเราเผลอ แล้วก็ขโมยอันโน้นบ้าง ขโมยอันนี้บ้าง อันนั้นก็ช่างเขาเถอะ เขาทำหน้าที่ของเขา เราก็ทำหน้าที่ของเรา ดูแลรักษา อยากจะได้ก็ให้มันเอาไป
เราก็ต้องพยายามอย่าประมาท มีอะไรเราก็ช่วยกัน ช่วยกันทำ ยิ่งอยู่เยอะๆ ก็ยิ่งเพิ่มความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ อนุเคราะห์ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็จะมีความสุข จะให้กลับคืนสู่สภาพเดิมเหมือนกับไม่มี ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ตั้งแต่สมัยก่อนโน้นไม่มีอะไร หาใครที่จะเข้ามาอยู่ก็ยาก พอความสะดวกสบายขึ้นมาเยอะ คนโน้นก็มา คนนี้ก็มา ก็ต้องมีความรับผิดชอบช่วยกัน
บางคนก็มาแล้วก็จากไป ผ่านไปผ่านมาๆ อยู่มาตั้ง 20 กว่าปี 30 กว่าปี 20 กว่าร่วม 30 บางคนก็มาแล้วก็ไป มาถกเถียงกันแล้วก็ไป บางคนเข้ามาแล้วก็มายังประโยชน์สร้างประโยชน์เอาไว้ บางคนก็มาทำลายนี่ก็มีเยอะ อีกสักหน่อยก็ต้องได้พลัดพรากจากกัน ไม่ได้พัดพรากจากกันตอนเป็นก็ต้องได้พัดพรากจากกันตอนตาย ขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่ เราพยายามสร้างอานิสงส์ สร้างประโยชน์ให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อยู่บ้าน อยู่ที่ทำการทำงาน ที่วัด เราก็ยังประโยชน์ให้เกิดขึ้น มีความรับผิดชอบต่อใจของเรา ต่อกายของเรา ต่อส่วนรวม จนล้นออกไปสู่สังคมสู่หมู่สู่คณะ อยู่อย่างมีความสุข
ทุกวันนี้ก็อานิสงส์ผลในสิ่งที่เราทำตั้งแต่ต้นเหตุมาทั้งนั้น ความร่มรื่นร่มเย็น ความสะดวกสบาย ก็มีพร้อมมูลกันหมด เว้นเสียแต่ว่าพวกเราจะขยันหมั่นเพียรในการสร้างอานิสงส์ สร้างบารมีให้กับตัวเราเองหรือไม่เท่านั้นเอง จะอยู่ที่ไหนถ้าเราไม่สร้างขึ้นมา เจริญสติเราไม่ได้เจริญสติ เราไม่ได้ควบคุมใจ ควบคุมความคิด ควบคุมอารมณ์ เราไม่ได้คลายใจออกจากความคิด ออกจากอารมณ์ เดินปัญญา ละกิเลส มันก็อยากที่จะเข้าถึง เข้าถึงความสงบ ความบริสุทธิ์ อาจจะสงบได้เป็นบางครั้งบางคราว
เราต้องเป็นบุคคลที่ขยัน ขยันหมั่นเพียรจริงๆ ขยันในการวิเคราะห์ ในการทำความเข้าใจ ไม่ให้พลาดโอกาสของสติปัญญาของเราได้ว่าลักษณะของวิญญาณ การเกิดของวิญญาณ การละ การดับ บุคคลที่มีสติมีปัญญาจะพร่ำสอนใจตัวเอง แก้ไขใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา อะไรผิดถูกชั่วดีอย่างไร ก็รู้จักระงับยับยั้ง วิเคราะห์พิจารณา คลายออกให้มันหมด อยู่เหนือสมมติ ไม่ยึดติดสมมติ อยู่กับสมมติ กายของเรานี่แหละก้อนสมมติ
การพูดง่ายนะ แต่การสังเกต การแยกแยะ การละ การทำความเข้าใจ ต้องมีความเพียรที่ต่อเนื่อง มีพื้นฐานที่ดี จิตใจของเรามีความโอบอ้อมอารี มีความเสียสละ มีพรหมวิหาร มีความจริงใจต่อตัวเราเองหรือไม่ เราก็ต้องพยายามวิเคราะห์ดูด้วยว่ามีแต่ความตระหนี่เหนียวแน่น มีแต่ความทะเยอทะยานอยาก แต่ละวันตื่นขึ้นมาส่งออกไป ความคิดส่งออกไปสักกี่เรื่อง สักกี่เที่ยว เหตุจากภายนอกมาทำให้มันเกิด หรือว่ามันเกิดขึ้นมาเอง
การแยกรูปแยกนามก็ยัง แค่แยกรูปแยกนามเพียงแค่เริ่มต้น ลักษณะนาม ลักษณะของวิญญาณที่ไม่เกิดเป็นอย่างไร ลักษณะอาการของความคิดที่ผุดขึ้นมาปรุงแต่งตัววิญญาณเป็นอย่างไร การตามดู การรู้ การเห็น เราตามดูตามรู้ได้ทุกเรื่องหรือไม่ เราตามดู ตามรู้ น้อมเข้าไปสู่ความเป็นจริง ทำความเข้าใจกับภาษาธรรมภาษาโลกให้เต็มเปี่ยม
มีโอกาสก็ขยันหมั่นเพียรกันเอานะ หลวงพ่อก็เพียงแค่เล่าให้ฟัง สภาพร่างกายของหลวงพ่อก็อาศัยอยู่ได้ด้วยยาเหมือนกัน ถ้าถึงระยะเวลาก็คงจะได้ไป ถ้าไม่ถึงเวลาทำอย่างไรก็ไม่ได้ไป ขณะที่ยังมีลมหายใจก็พยายามสร้างประโยชน์ให้กับหมู่ให้กับคณะ ให้กับทุกๆ คนเท่าที่โอกาสจะเปิดโอกาสให้ ก็พยายามทำ ยังประโยชน์ของสมมติให้กับทุกคน ให้อยู่ดีมีความสุข
เราอยู่ด้วยกัน เราก็พยายามสมัครสมานสามัคคีกัน มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจา อยู่ด้วยกันน้อยคนก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ไม่ใช่ว่าจะอยู่ด้วยอำนาจทิฐิมานะ อำนาจของกิเลส ให้อยู่ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยสติด้วยปัญญา ด้วยคุณงามความดี ไปอยู่ที่ไหนก็มีแต่ความสุข ความเจริญ
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างสานต่อ ทำความเข้าใจกันเอานะ