หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 142

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 142
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 142
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติตามความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ เรารู้จักวิธีการเจริญเราก็ต้องพยายามไปทำให้ต่อเนื่อง ความต่อเนื่องความสืบต่อนี่แหละสำคัญ ส่วนมากจะไปมองข้ามไปนึกเอาไปคิดเอาแล้วก็ไปวิ่งหาวิธีแก้ไขไม่ยอมสร้างความรู้ตัว

ถ้าเราเจริญหรือว่าสร้างขึ้นมาให้รู้ตัวรู้กายรู้การหายใจเข้าออกอันนี้เป็นการรู้กาย แล้วก็รู้ให้ต่อเนื่องก็เรียกว่าสติ ถ้ารู้ให้ต่อเนื่องก็เรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’ อันนี้เพียงแค่เริ่มแค่สร้าง เราต้องรู้ลึกลงไปอีกรู้การเกิดของวิญญาณ วิญญาณก็รู้ลึกลงไปอีกว่าวิญญาณกับอาการของวิญญาณ ขณะเขาเคลื่อนเข้าไปรวมเขาจะแยกกันอย่างไร ถ้าเรารู้ทันเขาจะแยกออกจากกัน เราก็จะเข้าใจในความว่าง เข้าใจในคำว่า ‘สมมติวิมุตติ’ เข้าใจคำว่า ‘อัตตาอนัตตา’ ถ้าวิญญาณแยกออกจากอาการของวิญญาณ เราก็จะรู้ด้วยเห็นด้วยเราก็เข้าถึงตรงนั้นด้วย ใจก็ว่างกายก็เบา เห็นความเกิดความดับของความคิดซึ่งเป็นนามธรรม ส่วนรูปธรรมก็ร่างกายก็เป็นส่วนหนึ่ง

ส่วนร่างกายนี้เขาก็มีทวารทั้งหก หูตาจมูกลิ้นกายซึ่งเป็นทางผ่านของรูปรสกลิ่นเสียงเข้าไปถึงตัวใจตัววิญญาณ ขอให้เราเจริญสติให้ชัดเจน เจริญสติให้ชัดเจนแล้วก็สังเกตใจให้ชัดเจน สังเกตอาการของใจให้ชัดเจน เราก็จะเข้าใจความหมาย แล้วเข้าใจคำสอนของพระพุทธองค์ซึ่งท่านสอนเรื่องอัตตาเรื่องอนัตตา สอนเรื่องสมมติวิมุตติ สอนเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ห้าของเรา ตัวกิเลสที่เกิดจากใจของเรา กิเลสหยาบกิเลสละเอียดเขาก่อตัวอย่างไรเขาเกิดอย่างไร เราก็ไปจัดการกับใจของเรา ไปละกิเลสที่ใจของเรา เราก็จะมองเห็นหนทางเดิน

การไปฝึกหัดปฏิบัติที่นั่นที่นี่ก็เพื่อเป็นการอบรมบ่มขัดเกลาตัวเราตลอดเวลา จุดมุ่งหมายก็เพื่อที่จะคลายความหลงแล้วก็ละกิเลสจากน้อยๆ นั่นแหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาสติความรู้ตัวของเราตั้งมั่นขึ้นมาต่อเนื่องหรือไม่ ใจของเราเกิดความอยากเราก็รีบรู้จักดับ ให้เป็นความต้องการสติปัญญาเข้าไปทำหน้าที่แทน เป็นเรื่องของเราทุกคนไม่ใช่ว่าเรื่องของคนอื่น แก้ไขตัวเราทำหน้าที่ขัดเกลาตัวเรา บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ไม่ใช่ว่าแบกกิเลสของเราวิ่งวุ่นไปทั่ว เราต้องขัดเกลาตัวเราแก้ไขตัวเราปรับปรุงตัวเราอยู่ตลอดเวลา หมดความสงสัยหมดความลังเล ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระ ทำความเข้าใจกับสมมติสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว

พูดง่าย แต่การสังเกตการวิเคราะห์การศึกษานี้ถ้าคนไม่ขยันหมั่นเพียรยาก ต้องเป็นคนที่มีศรัทธาฝักใฝ่สนใจ รู้ด้วยเห็นด้วยเข้าถึงด้วยหมดความสงสัยได้ด้วย มีตั้งแต่จะขัดเกลากิเลสออกจากใจของเรา จะมีจะเป็นก็เป็นเรื่องของปัญญาเป็นเรื่องของทำหน้าที่ให้ถูกต้อง เรามีหน้าที่อย่างไรเราก็ทำหน้าที่ของเรา อะไรคือสมมติวิมุตติ

เราต้องวาง ภายในต้องวางให้ได้ ถ้าไม่รู้จักจุดปล่อยจุดวาง ปากร้องตะโกนเนี่ยจะวางมันก็วางไม่ได้ ถ้าเรารู้จุดปล่อยจุดวางตามทำความเข้าใจ จิตใจของเรายอมรับความเป็นจริง หมั่นพร่ำสอนใจของเราได้ เขารู้เห็นตามความเป็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง เขาไม่อยากจะวางเขาก็ต้องวาง เพราะว่าการเกิดเป็นทุกข์ การเป็นทาสของกิเลสมันเป็นทุกข์เขาก็ไม่เอา เพียงแค่การบริหารกายเนื้อก็ทำให้มันดี ไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าโยมว่าชีขยันหมั่นเพียร

การได้ยินได้ฟังได้อ่านทุกคนมีกันมาเต็มเปี่ยมหมด แต่การที่จะขัดเกลาตัวเรานี้ กิเลสไม่ได้เลือกกาลเลือกเวลาหรอก เราอยู่กับกิเลสเราก็ใช้กิเลสให้เกิดประโยชน์ กายของเรานี่แหละก้อนกิเลสก้อนกรรม ยังกินอยู่ขับถ่ายอยู่แต่ให้บริหารด้วยปัญญา ถึงวาระเวลาก็ต้องได้แตกแยกเพราะว่าความเป็นจริงทุกชีวิตเดินเข้าสู่ความหมายปลายทางคือความว่างเปล่า กายแตกดับแต่ใจมันปล่อยวางไม่ได้มันต้องไปเกิดต่อ เขาให้เกิดในฝ่ายที่ดีหมั่นสร้างบุญสร้างกุศลเอาไว้ ถ้าไม่อยากจะเกิดก็ต้องละความเกิดดับความเกิดให้มันหมด มองเห็นหนทางเดินไม่ต้องกลับมาเกิดกัน

สร้างความรู้สึกรับรู้การเข้าหายใจเข้าออกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่อง แล้วก็พยายามไปสานต่อให้ได้ ทำใจให้ว่างสมองให้โล่งกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ลมหายใจให้ชัดเจนกันนะ

พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้ได้ทุกอิริยาบถ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง