หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 132
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 132
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่ม สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจกันมากเลยทีเดียว ทั้งที่ใจอยากจะรู้ธรรมอยากจะเห็นธรรมอยากจะได้บุญ ความอยากนั้นแหละปิดกั้นเอาไว้หมด
เราต้องเจริญสติหรือว่ามาสร้างผู้รู้เข้าไปสำรวจใจ สำรวจไม่ทันต้นเหตุรู้ไม่ทันต้นเหตุ เราก็รู้จักหยุดรู้จักระงับยับยั้งเขาเรียกว่า ‘สมถะภาวนา’ ถ้าเรารู้เห็นการเกิดการดับเห็นการแยกเห็นการคลายถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง วิปัสสนาเริ่มต้นเพียงแค่เริ่มต้นนะ การตามดูการรู้การเห็นทุกเรื่องในขันธ์ห้าของเราให้ละเอียดอีก
กายเนื้อเป็นอย่างไร ตัววิญญาณหรือว่าวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร การเกิดของวิญญาณทำไมวิญญาณถึงเกิดเป็นทาสของกิเลส เราละกิเลส กิเลสเป็นหน้าตาอาการอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย ทำไมเราถึงเข้าไม่ถึงเพราะวิบากกรรมมันยังไม่เปิดทางให้ อันโน้นก็ยังไม่เรียบร้อยอันนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย
เพียงแค่เรื่องสมมุติเราก็ยังจัดการไม่ได้เลยในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ในเรื่องฐานของใจ ตัวลึกๆ มันก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เราต้องสะสางตั้งแต่ระดับของสมมติ ช่วยเหลือตัวเองให้ได้สร้างความเข้มแข็ง ขณะที่เรายังมีกำลังกายที่แข็งแรงอยู่ เรามีความเสียสละเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความจริงใจ มีความขยันหมั่นเพียร หรือว่ามีความเกียจคร้าน มีความรับผิดชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา สร้างความรับผิดชอบ สร้างความจริงใจ สร้างความขยันหมั่นเพียร รู้จักขวนขวายรู้จักทำให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็รู้จักบริหารรู้จักใช้
ยิ่งการบวชเข้ามาใน ยิ่งเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ถ้าเกียจคร้านเราก็หนักเข้าไปอีก ขยันหมั่นเพียรทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ขยันหมั่นเพียรขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความอยากเล็กๆ น้อยๆ การปรุงการแต่งของใจ เราต้องดูเราต้องวิเคราะห์ให้หมด ลักษณะของสติ คำว่ารู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร มีความรับผิดชอบที่สูง รับผิดชอบต่อตัวเราเองรับผิดชอบต่อส่วนรวม รับผิดชอบต่อสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว เราก็ต้องพยายามดูแลให้ดีไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ส่วนมากก็มีตั้งแต่การปล่อยปละละเลย ก็ต้องรับผิดชอบให้สูงตั้งแต่ปากทางยันก้นครัว มองข้างบนมองข้างล่างมองกลางใจของเราอยู่ตลอดเวลา
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราผิดพลาดอะไรเราก็จะได้เอามาแก้ไขตัวเรา เราเป็นคนรับผิดชอบที่สูงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย เครื่องใช้ไม่ซอยต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยิ่งอยู่กับคนหมู่มากยิ่งภาระก็ยิ่งมากเพิ่ม ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา ถ้าเราช่วยเหลือตัวเราได้แล้วเราก็จะล้นออกไปสู่สังคมภายนอก อนุเคราะห์กันในระดับของสมมติ
ส่วนระดับวิมุตติทางด้านจิตใจ เราต้องแก้ไขตัวเองคนอื่นแก้ไขให้ไม่ได้หรอก ต้องพิจารณาตัวเอง พิจารณากายพิจารณาใจ คนอื่นช่วยเหลือได้ก็อยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง ส่วนกิเลสก็ของเรา เราก็ต้องแก้ไขละเอาเองทำเอาเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด เราก็ต้องพยายามเอา ถ้าเราเข้าใจมันก็ไม่เหลือวิสัย ถ้าไม่เข้าใจก็ยิ่งยาก ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ อยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็ต้องรับผิดชอบให้มากๆ
ภายในวัดนี่ก็เยอะอยู่ลำบากอยู่ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบมันก็ยิ่งสะสมกันจากน้อยๆ ไปหามากๆ ต้องรับผิดชอบช่วยกันมีอะไรก็ช่วยกัน จากหนักก็เป็นเบาจากเบาก็ง่ายขึ้น พวกเรานั้นแหละได้รับประโยชน์ได้รับอานิสงส์ คนอื่นมาก็พอได้รับประโยชน์ได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ความสะดวกความสบายทางสมมติ ทางด้านจิตใจเข้ามาก็มีความสุข
ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยต้องให้เป็นหนึ่ง สะอาดระเบียบ เงียบเรียบง่าย ขยันหมั่นเพียรอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ส่วนมากก็ทิ้งมันเกลื่อน คนเราไม่ได้ฝึกนี่มันก็ยาก ถึงฝึกอยู่ถ้าไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากอีก ก็ต้องพยายาม ที่พักที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ถ้วยโถชามเครื่องใช้ต่างๆ พวกกลดพวกมุ้งพวกเต็นท์ก็พยายามเก็บ ยืมไปใช้เอาไปใช้แล้วก็กางมันไว้ทั่วก็มีจนเสียทิ้งก็มี พวกสาดพวกเสื่อ
อยากเอาตั้งแต่ธรรมอยากได้ตั้งแต่ธรรม อยากรู้ตั้งแต่ธรรม ไม่รู้จักรักษาไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ กว่าจะมีกว่าจะเป็นได้แต่ละชิ้นแต่ละอันนี่มันยากแสนยากลำบาก ก็จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ตื่นขึ้นมาทุกลมหายใจเราต้องแก้ไขตัวเราเอง พึ่งตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ในระดับหนึ่ง ก็ต้องพยายามกันนะ
วันนี้พระเราชีเราก็มีโอกาส โอกาสเปิดให้ก็ไปช่วยกันได้ช่วยกันทำเสาใหญ่ ไปช่วยกันทำประตู ประตูใหญ่ไปช่วยเรียงอิฐ ไปช่วยเรียงอิฐ โอกาสได้เปิดให้ทุกคน ได้ทำประตูใหญ่ฝากเอาไว้ให้เป็นซุ้มประตู ไปช่วยกันจับอิฐขนอิฐเรียงอิฐ พระเราส่วนหนึ่งก็เอารถล้อใหญ่ไปช่วยกันขนอิฐที่ปางลีลามา เอามาไว้ใส่ทางประตูให้หมดเลย ฆราวาสญาติโยมก็เหมือนกันมีกำลังก็ช่วยกัน ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้สมบูรณ์แบบในระดับของสมมติ
พวกเราถ้าไม่มีความเสียสละมาก็คงจะมาไม่ได้ เสียสละจากทางบ้านทางช่องมาแล้ว เราก็พยายามมาสร้างประโยชน์ ละกิเลสไปด้วยละความเกียจคร้านไปด้วยละนิวรณ์ไปด้วย มีความสุขกับการทำงาน ยังประโยชน์ให้กับสมมติ พวกเราจากไปแล้วก็คนรุ่นหลังก็ได้มาสร้างมาสานต่อ เราฝึกฝนตนเอง ขยันหมั่นเพียรให้มากๆ เราจะเห็นคุณค่าของการฝึก ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำงอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนก็สร้างสะสมนิวรณ์สร้างสะสมความเกียจคร้าน จากน้อยๆ ไปหามากขึ้นๆ แทนที่จะได้อานิสงส์แทนที่จะได้ประโยชน์ ประโยชน์ของสมมติก็ไม่ได้ ประโยชน์ในการขัดเกลากิเลสก็ไม่มี มีตั้งแต่ความเกียจคร้านงอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนก็หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นภาระให้ตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น ดูแล้วก็น่าสงสารนะ
ถ้าใครมีความเกียจคร้านเขาครอบงำไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ถ้าคนมีความขยันฝักใฝ่สนใจไปอยู่ที่ไหน สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางก็คือความสะอาดความบริสุทธิ์ เพราะการฝักใฝ่ มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่เกียจคร้าน ไม่เห็นแก่หลับแก่นอน ไม่เห็นแก่กิน มีแต่ความขยันหมั่นเพียรฝักใฝ่ บุคคลเช่นนี้แหละถึงวาระเวลาก็ต้องถึงจุดหมายปลายทางถ้าอานิสงส์บารมีมาถึง
เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ จะเร่งให้ออกดอกออกผลวันแรกวันเดียวก็ไม่ได้ เราต้องอาศัยกาลอาศัยเวลาอาศัยความเพียร อาศัยพรหมวิหาร อาศัยความขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง สักวันก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง หลวงพ่อก็เพียงแค่เราให้ฟัง พระเราก็พยายามเอา อย่าไปเกียจคร้านพยายามทำให้ได้ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ผิดพลาดก็รีบแก้ไขทั้งทางกายทั้งทางวาจาทั้งทางใจ อะไรที่ไม่ดีเราก็ช่วยกันแก้ไขเสีย เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดี ก็จะอยู่ดีมีความสุข
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆกัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
เราต้องเจริญสติหรือว่ามาสร้างผู้รู้เข้าไปสำรวจใจ สำรวจไม่ทันต้นเหตุรู้ไม่ทันต้นเหตุ เราก็รู้จักหยุดรู้จักระงับยับยั้งเขาเรียกว่า ‘สมถะภาวนา’ ถ้าเรารู้เห็นการเกิดการดับเห็นการแยกเห็นการคลายถึงจะเรียกว่า ‘สัมมาทิฏฐิ’ ความรู้แจ้งเห็นจริง วิปัสสนาเริ่มต้นเพียงแค่เริ่มต้นนะ การตามดูการรู้การเห็นทุกเรื่องในขันธ์ห้าของเราให้ละเอียดอีก
กายเนื้อเป็นอย่างไร ตัววิญญาณหรือว่าวิญญาณในกายของเราเป็นอย่างไร การเกิดของวิญญาณทำไมวิญญาณถึงเกิดเป็นทาสของกิเลส เราละกิเลส กิเลสเป็นหน้าตาอาการอย่างไร กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย ทำไมเราถึงเข้าไม่ถึงเพราะวิบากกรรมมันยังไม่เปิดทางให้ อันโน้นก็ยังไม่เรียบร้อยอันนี้ก็ยังไม่เรียบร้อย
เพียงแค่เรื่องสมมุติเราก็ยังจัดการไม่ได้เลยในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ในเรื่องฐานของใจ ตัวลึกๆ มันก็ยิ่งยากเข้าไปอีก เราต้องสะสางตั้งแต่ระดับของสมมติ ช่วยเหลือตัวเองให้ได้สร้างความเข้มแข็ง ขณะที่เรายังมีกำลังกายที่แข็งแรงอยู่ เรามีความเสียสละเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรามีความจริงใจ มีความขยันหมั่นเพียร หรือว่ามีความเกียจคร้าน มีความรับผิดชอบ ทุกสิ่งทุกอย่างเราก็ต้องพยายามสร้างขึ้นมา สร้างความรับผิดชอบ สร้างความจริงใจ สร้างความขยันหมั่นเพียร รู้จักขวนขวายรู้จักทำให้มีให้เกิดขึ้น แล้วก็รู้จักบริหารรู้จักใช้
ยิ่งการบวชเข้ามาใน ยิ่งเป็นบุคคลที่ขยันหมั่นเพียร ถ้าเกียจคร้านเราก็หนักเข้าไปอีก ขยันหมั่นเพียรทั้งสมมติทั้งวิมุตติ ขยันหมั่นเพียรขัดเกลากิเลส กิเลสหยาบกิเลสละเอียด ความอยากเล็กๆ น้อยๆ การปรุงการแต่งของใจ เราต้องดูเราต้องวิเคราะห์ให้หมด ลักษณะของสติ คำว่ารู้ตัวอยู่ปัจจุบันเป็นลักษณะอย่างไร มีความรับผิดชอบที่สูง รับผิดชอบต่อตัวเราเองรับผิดชอบต่อส่วนรวม รับผิดชอบต่อสมมติในสิ่งที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ที่พักที่อาศัย ที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ที่ถ่ายที่เยี่ยว เราก็ต้องพยายามดูแลให้ดีไม่ใช่ว่าไปปล่อยปละละเลย ส่วนมากก็มีตั้งแต่การปล่อยปละละเลย ก็ต้องรับผิดชอบให้สูงตั้งแต่ปากทางยันก้นครัว มองข้างบนมองข้างล่างมองกลางใจของเราอยู่ตลอดเวลา
แต่ละวันตื่นขึ้นมาเราผิดพลาดอะไรเราก็จะได้เอามาแก้ไขตัวเรา เราเป็นคนรับผิดชอบที่สูงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าปล่อยปละละเลย เครื่องใช้ไม่ซอยต่างๆ ที่เราเข้าไปยุ่งเกี่ยว ยิ่งอยู่กับคนหมู่มากยิ่งภาระก็ยิ่งมากเพิ่ม ความรับผิดชอบก็ต้องเพิ่มเป็นทวีคูณ เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอาใจเราไปใส่ใจเขา ถ้าเราช่วยเหลือตัวเราได้แล้วเราก็จะล้นออกไปสู่สังคมภายนอก อนุเคราะห์กันในระดับของสมมติ
ส่วนระดับวิมุตติทางด้านจิตใจ เราต้องแก้ไขตัวเองคนอื่นแก้ไขให้ไม่ได้หรอก ต้องพิจารณาตัวเอง พิจารณากายพิจารณาใจ คนอื่นช่วยเหลือได้ก็อยู่ในระดับของสมมติเท่านั้นเอง ส่วนกิเลสก็ของเรา เราก็ต้องแก้ไขละเอาเองทำเอาเอง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถใด เราก็ต้องพยายามเอา ถ้าเราเข้าใจมันก็ไม่เหลือวิสัย ถ้าไม่เข้าใจก็ยิ่งยาก ยิ่งไม่เข้าใจเท่าไรแล้วก็ยิ่งเพิ่มความเพียรให้เป็นทวีคูณ อยู่ด้วยกันเยอะๆ ก็ต้องรับผิดชอบให้มากๆ
ภายในวัดนี่ก็เยอะอยู่ลำบากอยู่ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบมันก็ยิ่งสะสมกันจากน้อยๆ ไปหามากๆ ต้องรับผิดชอบช่วยกันมีอะไรก็ช่วยกัน จากหนักก็เป็นเบาจากเบาก็ง่ายขึ้น พวกเรานั้นแหละได้รับประโยชน์ได้รับอานิสงส์ คนอื่นมาก็พอได้รับประโยชน์ได้รับอานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำ ความสะดวกความสบายทางสมมติ ทางด้านจิตใจเข้ามาก็มีความสุข
ความสะอาดความเป็นระเบียบเรียบร้อยต้องให้เป็นหนึ่ง สะอาดระเบียบ เงียบเรียบง่าย ขยันหมั่นเพียรอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ส่วนมากก็ทิ้งมันเกลื่อน คนเราไม่ได้ฝึกนี่มันก็ยาก ถึงฝึกอยู่ถ้าไม่ขยันหมั่นเพียรมันก็ยากอีก ก็ต้องพยายาม ที่พักที่หลับที่นอน ที่อยู่ที่กิน ถ้วยโถชามเครื่องใช้ต่างๆ พวกกลดพวกมุ้งพวกเต็นท์ก็พยายามเก็บ ยืมไปใช้เอาไปใช้แล้วก็กางมันไว้ทั่วก็มีจนเสียทิ้งก็มี พวกสาดพวกเสื่อ
อยากเอาตั้งแต่ธรรมอยากได้ตั้งแต่ธรรม อยากรู้ตั้งแต่ธรรม ไม่รู้จักรักษาไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์ กว่าจะมีกว่าจะเป็นได้แต่ละชิ้นแต่ละอันนี่มันยากแสนยากลำบาก ก็จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุข ตื่นขึ้นมาทุกลมหายใจเราต้องแก้ไขตัวเราเอง พึ่งตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ในระดับหนึ่ง ก็ต้องพยายามกันนะ
วันนี้พระเราชีเราก็มีโอกาส โอกาสเปิดให้ก็ไปช่วยกันได้ช่วยกันทำเสาใหญ่ ไปช่วยกันทำประตู ประตูใหญ่ไปช่วยเรียงอิฐ ไปช่วยเรียงอิฐ โอกาสได้เปิดให้ทุกคน ได้ทำประตูใหญ่ฝากเอาไว้ให้เป็นซุ้มประตู ไปช่วยกันจับอิฐขนอิฐเรียงอิฐ พระเราส่วนหนึ่งก็เอารถล้อใหญ่ไปช่วยกันขนอิฐที่ปางลีลามา เอามาไว้ใส่ทางประตูให้หมดเลย ฆราวาสญาติโยมก็เหมือนกันมีกำลังก็ช่วยกัน ช่วยกันทำช่วยกันสร้างขึ้นมาเพื่อให้สมบูรณ์แบบในระดับของสมมติ
พวกเราถ้าไม่มีความเสียสละมาก็คงจะมาไม่ได้ เสียสละจากทางบ้านทางช่องมาแล้ว เราก็พยายามมาสร้างประโยชน์ ละกิเลสไปด้วยละความเกียจคร้านไปด้วยละนิวรณ์ไปด้วย มีความสุขกับการทำงาน ยังประโยชน์ให้กับสมมติ พวกเราจากไปแล้วก็คนรุ่นหลังก็ได้มาสร้างมาสานต่อ เราฝึกฝนตนเอง ขยันหมั่นเพียรให้มากๆ เราจะเห็นคุณค่าของการฝึก ไม่ใช่ว่าจะเอาตั้งแต่ความเกียจคร้านเข้าครอบงำงอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนก็สร้างสะสมนิวรณ์สร้างสะสมความเกียจคร้าน จากน้อยๆ ไปหามากขึ้นๆ แทนที่จะได้อานิสงส์แทนที่จะได้ประโยชน์ ประโยชน์ของสมมติก็ไม่ได้ ประโยชน์ในการขัดเกลากิเลสก็ไม่มี มีตั้งแต่ความเกียจคร้านงอมืองอเท้า ไปอยู่ที่ไหนก็หนักตัวเองหนักคนอื่นหนักสถานที่ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เป็นภาระให้ตัวเองเป็นภาระให้คนอื่น ดูแล้วก็น่าสงสารนะ
ถ้าใครมีความเกียจคร้านเขาครอบงำไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี ถ้าคนมีความขยันฝักใฝ่สนใจไปอยู่ที่ไหน สักวันหนึ่งก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางก็คือความสะอาดความบริสุทธิ์ เพราะการฝักใฝ่ มีความขยันหมั่นเพียร มีความรับผิดชอบ มีความเสียสละ ไม่เห็นแก่เกียจคร้าน ไม่เห็นแก่หลับแก่นอน ไม่เห็นแก่กิน มีแต่ความขยันหมั่นเพียรฝักใฝ่ บุคคลเช่นนี้แหละถึงวาระเวลาก็ต้องถึงจุดหมายปลายทางถ้าอานิสงส์บารมีมาถึง
เหมือนกับเราปลูกผลหมากรากไม้ จะเร่งให้ออกดอกออกผลวันแรกวันเดียวก็ไม่ได้ เราต้องอาศัยกาลอาศัยเวลาอาศัยความเพียร อาศัยพรหมวิหาร อาศัยความขยันหมั่นเพียรทุกอย่าง สักวันก็คงจะถึงจุดหมายปลายทาง หลวงพ่อก็เพียงแค่เราให้ฟัง พระเราก็พยายามเอา อย่าไปเกียจคร้านพยายามทำให้ได้ ได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ ผิดพลาดก็รีบแก้ไขทั้งทางกายทั้งทางวาจาทั้งทางใจ อะไรที่ไม่ดีเราก็ช่วยกันแก้ไขเสีย เปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดี ก็จะอยู่ดีมีความสุข
เอาล่ะ วันนี้ก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆกัน พากันไปสร้างสานต่อทำความเข้าใจกันนะ