หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 128
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 128
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบายแล้วก็วางใจให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราว ถึงเราหยุดไม่ได้เด็ดขาดก็ขอให้หยุดขณะที่เรากำลังนั่งฟังอยู่นี้ แล้วก็รู้จักวิธีอุบายการสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเรา ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ลองดูสิแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจกัน มองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ พอเราจะมาดูมารู้ทีมาสร้างความรู้สึกที บางทีก็อึดอัดบางทีก็ตรึงเกินไปบางทีก็ลำบาก แต่เราต้องพยายามฝึกฝนตนเองอยู่บ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน สติรู้กายรู้ลมหายใจเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ ถ้าเรามีความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรารู้กายของเรารู้ลมหายใจของเรา รู้ความปกติของใจของเรา เวลาใจจะเกิด การเกิดของใจเขาก่อตัวอย่างไร ความคิดกับใจเขารวมกันได้อย่างไร อันนี้แหละเราต้องพยายามสนใจ เราไม่เข้าใจวันนี้วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าใจตราบใดที่เรายังฝักใฝ่อยู่ เราจะไปบังคับไม่ได้เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็อาศัยความเพียร อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความถูกต้อง ค่อยประคับประคอง
คนเราเกิดมามีการพัฒนามาเรื่อยๆ มีตั้งแต่เด็กพัฒนามาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนผ่านกาลผ่านเวลา พัฒนาสมองสติปัญญา ทั้งใจทั้งสมองสติปัญญาค่อยพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ หมั่นเรียนรู้เรียนรู้ทั้งสมมติเรียนรู้ทั้งวิมุตติ แต่ส่วนมากจะเรียนรู้ตั้งแต่สมมติใจก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา ความคิดก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยปกปิดความบริสุทธิ์ของใจที่แท้จริงเอาไว้
เราถึงได้มาคลายมาละ มาเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจ มาคลายความหลงออกจากใจของเรา มาละกิเลสออกจากใจของเรา แล้วก็เป็นอยู่ด้วยสติด้วยปัญญา แต่ละวันตื่นขึ้นมาใจของเราสะอาดสงบปกติหรือไม่ เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต ทำไมใจของเราถึงเกิด การเกิดของใจนี่แหละความหลง เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้ามาปกปิดตัวใจเอาไว้ เราถึงได้มาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ตามแนวทางของพระพุทธองค์ คือการเจริญสติปัฏฐานเน้นลงอยู่ที่กายของเรา ว่าใจของเราทำไมถึงเกิดทำไมถึงหลงทำไมถึงเป็นทาสของกิเลส เราไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลสได้หรือไม่ เราจะบริหารด้วยสติด้วยปัญญาของเราให้เต็มเปี่ยมหรือไม่
ทำความเข้าใจกับชีวิต ทำความเข้าใจกับโลกธรรม แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเสียสละ เรามีความรับผิดชอบ หรือว่าเรามีความเกียจคร้าน เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรายังสมมติของเราให้บริบูรณ์ การเป็นอยู่ในระดับของสมมติก็จะอยู่ดีมีความสุข วันนี้ก็มีโอกาสได้มีนักศึกษาทางมหาวิทยาลัยครูบาอาจารย์นำมาพามาเปิดหูเปิดตา มาเปลี่ยนบรรยากาศ มาศึกษามาค้นคว้า ตั้งแต่เมื่อคืนก็มากันหลายคน ทั้งญาติโยมผู้หญิงญาติโยมผู้ชายก็พากันมา ได้ครูบาอาจารย์ที่ดีน้อมนำลูกศิษย์ลูกหามาประพฤติมาปฏิบัติมาขัดเกลา มาทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราเอง
ก็นับว่าเป็นบุคคลที่ประเสริฐพากันมา มาศึกษามาทำความเข้าใจว่าแต่ละวันๆ เรามีหน้าที่อย่างไร เราเป็นนักศึกษาเรายิ่งศึกษาให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ละวันๆ มีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละหรือว่าเรามีความเห็นแก่ตัว เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีการฝักใฝ่สนใจในหน้าที่ของเราหรือไม่ เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้กระจ่าง ไม่ใช่ว่าปล่อยวันเวลาทิ้ง เราเป็นคนรักสะอาดหรือว่ารักสกปรก
การพูดการจา ความคิดคำพูดคำจา อะไรเป็นกุศลหรือว่าอกุศล อะไรควรเจริญอะไรควรละ ต้องรู้จักหน้าที่ ค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จากวันหนึ่งสองวัน เดินหน้าปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ เราเป็นนักศึกษาเราก็ตั้งใจเรียนฝักใฝ่สนใจ ถึงวาระเวลาปีหน้าเราก็จะได้ข้ามขั้นเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนเรียนจบ เรียนจบแล้วก็สมมติของเราก็เบาบางลงไปในระดับหนึ่ง การแสวงหาการงานก็จะตามมาอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราจัดระบบระเบียบให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็จะส่งผลถึงวันข้างหน้า ถ้าเราพลาดตั้งแต่แรกมันก็จะไปยังความลำบากให้วันข้างหน้า เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ถูกต้อง ครูบาอาจารย์ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้สติให้ปัญญา ให้ความรู้ พาศึกษาพาค้นคว้า ผ่านกาลผ่านเวลา มาอบรมทั้งภายนอกอบรมทั้งภายในเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขในวันข้างหน้า
อย่าพากันเกียจคร้านให้พากันขยันหมั่นเพียรไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พระเราก็เหมือนกันพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อย่านำความเกียจคร้านมาใส่ตัวเอง พยายามกำจัดความเห็นแก่ตัวออกจากจิตจากใจของเรา อย่าเป็นคนบอกยากต้องเป็นคนที่บอกง่าย บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
การควบคุมจิต ควบคุมอารมณ์ ควบคุมกาย ลึกลงไปอะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอัตตาอนัตตาอะไร คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร สอนเรื่องหลักของอริยสัจ ความหมายของอริยสัจ ใจส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่หลงขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่เกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร
มีเรื่องเดียวคือเรื่องของพยายามทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้มันจบ จบทั้งภายในแล้วก็ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข เพราะว่ากายของเราก็ยังอาศัยสมมติอาศัยปัจจัยสี่ยังอยู่กับสมมติอยู่ เพราะว่ากายของเราเป็นก้อนสมมติ เราจะไปหนีสมมติไม่ได้นอกจากจะหมดลมหายใจนั่นแหละ แต่เราแยกแยะด้วยปัญญา คลายวิญญาณคลายใจออกจากความยึดมั่นถือมั่น แต่เขาก็ยังอยู่รวมกันอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ
นี่ก็ใกล้จะถึงวาระเวลางานกฐินของเรา วันที่ 24 วันที่ 25 เห็นว่าจะมาบวชกันอีกเยอะอยู่ มาบวชกันบวชใส่งานกฐิน บวชอนุโมทนาสาธุกฐิน ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะมาตั้งโรงทาน วันที่ 24 หรือว่าวันที่25 ก็มาลงชื่อเอาไว้ที่ทางโรงครัว จะได้รับรู้รับทราบกันว่าใครทำอะไรบ้าง โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้กาลเวลาเปิดให้ สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน สนุกในการเจริญสติการเจริญปัญญากัน มีความสุขทุกคนเข้ามาในวัดนี้ก็จะมีตั้งแต่ความสุข
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างไปสานต่อทำความเข้าใจกันนะ
เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออกพวกเราก็ขาดการสนใจกัน มองข้ามในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ พอเราจะมาดูมารู้ทีมาสร้างความรู้สึกที บางทีก็อึดอัดบางทีก็ตรึงเกินไปบางทีก็ลำบาก แต่เราต้องพยายามฝึกฝนตนเองอยู่บ่อยๆ ให้เกิดความเคยชิน สติรู้กายรู้ลมหายใจเขาเรียกว่า ‘รู้กาย’ ถ้าเรามีความรู้สึกรับรู้ให้ต่อเนื่องเขาเรียกว่า ‘สัมปชัญญะ’
ตั้งแต่ตื่นขึ้นมาเรารู้กายของเรารู้ลมหายใจของเรา รู้ความปกติของใจของเรา เวลาใจจะเกิด การเกิดของใจเขาก่อตัวอย่างไร ความคิดกับใจเขารวมกันได้อย่างไร อันนี้แหละเราต้องพยายามสนใจ เราไม่เข้าใจวันนี้วันพรุ่งนี้เราก็ต้องเข้าใจตราบใดที่เรายังฝักใฝ่อยู่ เราจะไปบังคับไม่ได้เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างก็อาศัยความเพียร อาศัยกาลอาศัยเวลา อาศัยความถูกต้อง ค่อยประคับประคอง
คนเราเกิดมามีการพัฒนามาเรื่อยๆ มีตั้งแต่เด็กพัฒนามาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งอายุเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้รับการศึกษาได้รับการเล่าเรียนผ่านกาลผ่านเวลา พัฒนาสมองสติปัญญา ทั้งใจทั้งสมองสติปัญญาค่อยพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ หมั่นเรียนรู้เรียนรู้ทั้งสมมติเรียนรู้ทั้งวิมุตติ แต่ส่วนมากจะเรียนรู้ตั้งแต่สมมติใจก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา ความคิดก็เลยเกิดอยู่ตลอดเวลา มันก็เลยปกปิดความบริสุทธิ์ของใจที่แท้จริงเอาไว้
เราถึงได้มาคลายมาละ มาเจริญสติเข้าไปทำความเข้าใจ มาคลายความหลงออกจากใจของเรา มาละกิเลสออกจากใจของเรา แล้วก็เป็นอยู่ด้วยสติด้วยปัญญา แต่ละวันตื่นขึ้นมาใจของเราสะอาดสงบปกติหรือไม่ เราก็ต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์หมั่นสังเกต ทำไมใจของเราถึงเกิด การเกิดของใจนี่แหละความหลง เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์แล้วก็มาสร้างขันธ์ห้ามาปกปิดตัวใจเอาไว้ เราถึงได้มาเจริญสติเข้าไปวิเคราะห์ตามแนวทางของพระพุทธองค์ คือการเจริญสติปัฏฐานเน้นลงอยู่ที่กายของเรา ว่าใจของเราทำไมถึงเกิดทำไมถึงหลงทำไมถึงเป็นทาสของกิเลส เราไม่ให้ใจของเราเกิดกิเลสได้หรือไม่ เราจะบริหารด้วยสติด้วยปัญญาของเราให้เต็มเปี่ยมหรือไม่
ทำความเข้าใจกับชีวิต ทำความเข้าใจกับโลกธรรม แต่ละวันตื่นขึ้นมาเรามีความเสียสละ เรามีความรับผิดชอบ หรือว่าเรามีความเกียจคร้าน เราก็ต้องพยายามแก้ไขตัวเรายังสมมติของเราให้บริบูรณ์ การเป็นอยู่ในระดับของสมมติก็จะอยู่ดีมีความสุข วันนี้ก็มีโอกาสได้มีนักศึกษาทางมหาวิทยาลัยครูบาอาจารย์นำมาพามาเปิดหูเปิดตา มาเปลี่ยนบรรยากาศ มาศึกษามาค้นคว้า ตั้งแต่เมื่อคืนก็มากันหลายคน ทั้งญาติโยมผู้หญิงญาติโยมผู้ชายก็พากันมา ได้ครูบาอาจารย์ที่ดีน้อมนำลูกศิษย์ลูกหามาประพฤติมาปฏิบัติมาขัดเกลา มาทำความเข้าใจกับชีวิตของตัวเราเอง
ก็นับว่าเป็นบุคคลที่ประเสริฐพากันมา มาศึกษามาทำความเข้าใจว่าแต่ละวันๆ เรามีหน้าที่อย่างไร เราเป็นนักศึกษาเรายิ่งศึกษาให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ละวันๆ มีความรับผิดชอบ เรามีความเสียสละหรือว่าเรามีความเห็นแก่ตัว เรามีความขยันหมั่นเพียร เรามีการฝักใฝ่สนใจในหน้าที่ของเราหรือไม่ เราต้องพยายามทำความเข้าใจให้กระจ่าง ไม่ใช่ว่าปล่อยวันเวลาทิ้ง เราเป็นคนรักสะอาดหรือว่ารักสกปรก
การพูดการจา ความคิดคำพูดคำจา อะไรเป็นกุศลหรือว่าอกุศล อะไรควรเจริญอะไรควรละ ต้องรู้จักหน้าที่ ค่อยพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ จากวันหนึ่งสองวัน เดินหน้าปีหน้าก็จะมาเป็นวันนี้ เราเป็นนักศึกษาเราก็ตั้งใจเรียนฝักใฝ่สนใจ ถึงวาระเวลาปีหน้าเราก็จะได้ข้ามขั้นเลื่อนขึ้นไปเรื่อยๆ จนเรียนจบ เรียนจบแล้วก็สมมติของเราก็เบาบางลงไปในระดับหนึ่ง การแสวงหาการงานก็จะตามมาอีก
ทุกสิ่งทุกอย่างถ้าเราจัดระบบระเบียบให้ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็จะส่งผลถึงวันข้างหน้า ถ้าเราพลาดตั้งแต่แรกมันก็จะไปยังความลำบากให้วันข้างหน้า เราก็พยายามทำหน้าที่ของเราให้ถูกต้อง ครูบาอาจารย์ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้ถูกต้อง ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง ให้สติให้ปัญญา ให้ความรู้ พาศึกษาพาค้นคว้า ผ่านกาลผ่านเวลา มาอบรมทั้งภายนอกอบรมทั้งภายในเพื่อที่จะให้ทุกคนได้อยู่ดีมีความสุขในวันข้างหน้า
อย่าพากันเกียจคร้านให้พากันขยันหมั่นเพียรไม่ว่าพระว่าโยมว่าชี พระเราก็เหมือนกันพยายามสร้างความขยันหมั่นเพียร สร้างความรับผิดชอบความเสียสละทุกสิ่งทุกอย่าง อย่านำความเกียจคร้านมาใส่ตัวเอง พยายามกำจัดความเห็นแก่ตัวออกจากจิตจากใจของเรา อย่าเป็นคนบอกยากต้องเป็นคนที่บอกง่าย บอกตัวเองให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็นอยู่ตลอดเวลา
การควบคุมจิต ควบคุมอารมณ์ ควบคุมกาย ลึกลงไปอะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม พระพุทธองค์ท่านสอนเรื่องอัตตาอนัตตาอะไร คำว่า ‘อัตตา’ เป็นอย่างไร คำว่า ‘อนัตตา’ เป็นอย่างไร สอนเรื่องหลักของอริยสัจ ความหมายของอริยสัจ ใจส่งออกไปภายนอกเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่หลงขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่เกิดกิเลสหยาบกิเลสละเอียดเป็นอย่างไร
มีเรื่องเดียวคือเรื่องของพยายามทำความเข้าใจกับชีวิตของเราให้มันจบ จบทั้งภายในแล้วก็ยังสมมติของเราให้อยู่ดีมีความสุข เพราะว่ากายของเราก็ยังอาศัยสมมติอาศัยปัจจัยสี่ยังอยู่กับสมมติอยู่ เพราะว่ากายของเราเป็นก้อนสมมติ เราจะไปหนีสมมติไม่ได้นอกจากจะหมดลมหายใจนั่นแหละ แต่เราแยกแยะด้วยปัญญา คลายวิญญาณคลายใจออกจากความยึดมั่นถือมั่น แต่เขาก็ยังอยู่รวมกันอยู่ ก็ต้องพยายามกันนะ
นี่ก็ใกล้จะถึงวาระเวลางานกฐินของเรา วันที่ 24 วันที่ 25 เห็นว่าจะมาบวชกันอีกเยอะอยู่ มาบวชกันบวชใส่งานกฐิน บวชอนุโมทนาสาธุกฐิน ญาติโยมท่านใดปรารถนาอยากจะมาตั้งโรงทาน วันที่ 24 หรือว่าวันที่25 ก็มาลงชื่อเอาไว้ที่ทางโรงครัว จะได้รับรู้รับทราบกันว่าใครทำอะไรบ้าง โอกาสเปิดให้สถานที่เปิดให้กาลเวลาเปิดให้ สนุกสร้างบุญสร้างอานิสงส์กัน สนุกในการเจริญสติการเจริญปัญญากัน มีความสุขทุกคนเข้ามาในวัดนี้ก็จะมีตั้งแต่ความสุข
เอาล่ะ วันนี้หลวงพ่อก็เจริญธรรมเพียงเท่านี้ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน พากันไปสร้างไปสานต่อทำความเข้าใจกันนะ