หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 107

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 107
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 107
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่าน ขอให้ญาติโยมจงเจริญสติสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจของเรา ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวเรา เราสร้างให้ต่อเนื่องกันแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ พยายามฝึกให้เกิดความเคยชิน หมั่นสำรวจหมั่นวิเคราะห์หมั่นทำความเข้าใจให้รู้เหตุรู้ผล เห็นรู้เห็นการเกิดการดับของวิญญาณ การเกิดการดับของตัววิญญาณหรือว่าตัวใจของเรา เขาเกิดอย่างไรเขาหลงอย่างไร เขาไปรวมกับความคิดอาการของความคิดได้อย่างไร จนกว่าจะรู้เท่าทัน สังเกตเห็นจนกว่าตัวใจของเราจะคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ความจริงถึงจะปรากฏ เห็นการเกิดการดับรอบรู้ในกองสังขาร รู้จักขัดเกลารู้จักละกิเลสตัวเรา อยู่ตลอดเวลา

ไม่ปล่อยวันเวลาทิ้ง อยู่คนเดียวเราก็สำรวจใจของเรา กายของเราทำหน้าที่อย่างไร ทวารทั้งหกทำหน้าที่อย่างไร ภาษาธรรมภาษาโลกเป็นลักษณะอย่างไร ใจที่คลายจากความหลงเป็นลักษณะอย่างไร เราต้องพยายามหมั่นวิเคราะห์ตัวเรา ช่วยเหลือตัวเราให้ได้ใช้ตัวเองให้เป็น ถ้าเราช่วยเหลือตัวเราไม่ได้แล้วก็ยากที่จะเข้าถึงตัวใจ

ส่วนสมมติภายนอกเรายังอาศัยกันอยู่ ยังช่วยเหลือกันพอช่วยเหลือกันได้อยู่ แต่การละกิเลสนี้เราต้องละเอาขัดเกลาเอา หมั่นเจริญพรหมวิหาร หมั่นทำความเข้าใจ​สร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าจะไปเพ่งโทษคนโน้น​เพ่งโทษคนนี้ อคติคนโน้นอคติคนนี้ อันนั้นเป็นเรื่องภายนอกเป็นส่วนของคนอื่นเขา เรามาแก้ไขเรามาปรับปรุงตัวเรา เอางานภายในของเราให้มันจบแล้วก็อยู่กับสมมติก็เคารพสมมติไม่ยึดติดสมมติ แต่ต้องแยกต้องคลายให้ได้เสียก่อน

มีไม่มากหรอกมีอยู่ที่กายก้อนเนื้อก้อนนี้เองไม่ได้อยู่ไกล ถ้าเราเจริญสติเข้าไปหมั่นวิเคราะห์หมั่นสำรวจ สักวันหนึ่งเราก็คงจะเห็น เห็นตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ความรู้ตัวของเราตั้งมั่นต่อเนื่องหรือว่าพลั้งเผลอ ใจของเราเกิดส่งออกไปภายนอก​เขาปรุงเขาแต่งอย่างไร มีความคิดผุดขึ้นมาใจของเราเคลื่อนเข้าไปรวมได้อย่างไร ตรงนี้แหละสำคัญมากที่สุด

ถ้ากำลังสติของเราสังเกตเห็นขณะใจเคลื่อนเข้าไปรวม ใจก็จะดีดออกหงายเขาเรียกว่าหงายของที่คว่ำใจก็จะว่าง พอใจว่างปุ๊บนี่รู้สึกว่าเบาโล่งโปร่งแต่กิเลสยังเต็มอัตราอยู่นะขนาดแยกได้คลายได้นี่ ใจมันจะเกิดความอยากการปรุงการแต่ง​ แค่เพียงแค่ไม่ยึดในขันธ์ห้าในความคิด เราต้องมาละกิเลสขัดเกลากิเลสออกจากใจของเราอีกจนมันไม่เหลือจนเหลือตั้งแต่ตัวใจ

ตัวใจนั้นคือความบริสุทธิ์ของใจนั่นคือความว่าง ในความว่างนั้นมีใจอยู่อยู่ที่กลางใจกลางหทัยของเรานั่นแหละ พยายามดูรู้ให้ชัดเจน รู้แล้วก็ทำความเข้าใจทุกเรื่องในชีวิตจนกระทั่งเราหมดลมหายใจนั่นแหละ ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ขณะลุกขณะก้าวขณะเดิน​ เข้าห้องส้วมห้องน้ำขับถ่าย กินอยู่ขับถ่าย​ ใจปกติใจไม่เกิดความอยาก หรือว่าไม่ไม่อยากมาอยากมีอยากเป็น หรือว่ามีความทะเยอทะยานอยาก เราก็ต้องหยุดหมด หยุดหัดสังเกตหัดวิเคราะห์ รู้จักอดรู้จักข่ม​

การข่มใจเขาเรียกว่า ‘ตบะ’ ไม่ให้ใจของเราเกิดทุกขเวทนา เกิดความยินดียินร้ายหรือว่าเกิดความโลภเกิดความโกรธ แล้วก็ทำในสิ่งตรงกันข้ามโดยการคลายโดยการเอาออกโดยการให้ มองโลกในทางที่ดี จนใจไม่เกิดแล้วก็ให้ใจรับรู้อยู่ภายใน ผิดถูกชั่วดีสติปัญญาไปแก้ไข ต้องทำความเข้าใจกัน มีไม่มากหรอก แต่มันยากถ้าคนเกียจคร้าน มันง่ายสำหรับบุคคลที่ฝักใฝ่สนใจแล้วก็สร้างตบะบารมี

กายวิเวกเป็นอย่างนี้นะ ใจวิเวกเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องไปวิ่งหาที่ไหนหรอก เรารีบสำรวจกายสำรวจใจของเรา ทำกายให้เป็นวัดทำใจให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่​บ่อยๆ​ สติที่เราสร้างขึ้นมานี่แหละจะเป็นอาจารย์คอยตรวจสอบใจของเรา ใจของเรายังดื้อรั้นยังวิ่งยังเกิด เราก็ต้องกดต้องข่ม ต้องดับทุกวิถีทาง ชำแรกแจกแจงกิเลสให้มันละเอียด สักวันหนึ่งเราก็คงจะเข้าใจในชีวิตของเรา

เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวก็พยายามพากันทำให้ต่อเนื่อง บางทีบางคนบางท่านก็ไม่เข้าใจ บางคนบางท่านก็เข้าใจ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ความรับผิดชอบของเราเต็มเปี่ยมหรือไม่ เรารู้จักสำรวมกายอินทรีย์ของเราหรือเปล่า วาจาของเราก่อนที่จะพูด ก่อนที่จะคิดไล่เรียงลงไป เราดับตั้งแต่ภายในไม่ได้ ก็ไม่ให้ส่งออกมาทางกายทางวาจา เราแก้ไขสลับกันไปสลับกันมา หัดวิเคราะห์หัดพิจารณาจนกว่าเห็นทั้งรูปทั้งนาม เห็นการเกิดการดับ ตามดู ตามรู้ ตามเห็น เราก็รู้จักละให้มันจบมันสิ้น ก็ต้องพยายาม

สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันนะ ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มี​ความรู้สึก​รับรู้อยู่ที่การหายใจเข้าออกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมหายใจวิ่งเข้าวิ่งออกให้ชัดเจนกันสักพักหนึ่ง

พากันไหว้พระพร้อม ๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง