หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 094

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 094
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 094
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
เจริญธรรมญาติโยมทุกคนทุกท่านขอให้ญาติโยมจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน นั่งตามสบายวางกายให้สบาย หยุดความนึกคิดปรุงแต่งต่างๆ เอาไว้ชั่วครั้งชั่วคราวเสียก่อน ถึงเราหยุดไม่ได้ต่อเนื่องหรือว่าหยุดไม่ได้เด็ดขาด เราก็หยุดขณะที่เรากำลังนั่งอยู่นี่แหละ แล้วก็ลองสูดลมหายใจเข้าไปยาวๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ สัก​ 2-3 เที่ยว

กายของเราก็รู้สึกว่าสบายขึ้นเยอะ สัมผัสของลมหายใจมีความรู้สึกรับรู้เวลาลมวิ่งเข้าวิ่งออกรู้ให้ต่อเนื่อง พยายามฝึกน้อมให้เกิดความเคยชินตั้งแต่ตื่นขึ้นมาตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ แล้วก็รู้จักทำให้ต่อเนื่องเพื่อที่จะเข้าไปทำความเข้าใจรู้เท่าทันใจของเรา รู้เท่าทันวิญญาณซึ่งอยู่ในกายของเรา วิญญาณของเราเป็นลักษณะอย่างไร วิญญาณที่ปราศจากกิเลส วิญญาณที่ปราศจากความยึดมั่นถือมั่น วิญญาณที่คลายออกจากความคิด​ วิญญาณในขันธ์ห้าเป็นลักษณะอย่างไร ทำไมท่านถึงบอกว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก กายของเราเป็นของหนัก ตัววิญญาณหรือว่าตัวใจ ลักษณะของใจที่ปราศจากกิเลส ลักษณะของใจที่ไม่เกิด ลักษณะของใจที่คลายออกจากความคิดออกจากอารมณ์

ทำไมท่านถึงเรียกว่าเป็นกองเป็นขันธ์ เราพยายามสร้างความรู้ตัวแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง แล้วก็รู้จักเอาไปใช้เอาไปวิเคราะห์เอาไปหมั่นพร่ำสอนใจของเรา การไปการมาของใจ การเกิดการดับของความคิด ความคิดที่ไม่ได้ตั้งใจคิด ความคิดที่เป็นเรื่องอดีตหรือว่าเรื่องอนาคต หรือว่าเป็นกุศลหรือว่าเป็นอกุศลหรือว่าเป็นกลางๆ เขาก่อตัวอย่างไร ทำไมใจของเราถึงไปรวมจนเกิดอัตตา คำว่า ‘อัตตา’ เป็นลักษณะอย่างไร ความหมายของคำว่าอัตตาความหมายของคำว่าอนัตตาเป็นลักษณะอย่างไร การเกิดการดับของขันธ์ห้า

เห็นสภาวธรรมเขาเรียกว่าอนิจจังความไม่เที่ยงนั่นแหละ เหตุผลเขาอยู่ตรงนั้น ถ้าวิญญาณหรือว่าใจคลายออกจากความคิดซึ่งเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถ้าคลายออกเมื่อไรใจของเราก็พลิกหงายจากของที่คว่ำ เราก็จะเห็น เห็น​ลักษณะรู้ลักษณะของใจ แต่เวลานี้ความรู้ตัวของเรามีน้อยนิด หรือว่ามีเป็นบางช่วงบางครั้งบางคราว เราทำไม่ต่อเนื่องความคิดเก่าๆ เขาก็เลยปิดบังอำพรางตัวเองหมด เพียงแค่การเกิดของใจนั้นก็ปิดบังอำพรางตัวของเขา

เพราะ​ว่าสภาพเดิมแท้ของใจนั้นว่างสะอาดบริสุทธิ์แล้วก็ไม่เกิด เขาหลงเขาถึงเกิดหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ มาก่อร่างสร้างกายเนื้อมาอาศัยกายเนื้อตรงนี้อยู่ ในกายเนื้อของเรานี้มีอะไรบ้าง เราต้องมาเจริญสติเข้าไปจำแนกแจกแจง แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจตัวเรา ถ้าเราสอนใจเราไม่ได้ จะไปเที่ยวให้คนอื่นเขาสอนก็คงจะสอนไม่ได้นอกจากตัวของเรา แก้ไขตัวของเราปรับปรุงตัวของเรา การที่เราไปที่โน่นที่นี่ก็เพื่อที่จะแสวงหาวิธีแสวงหาอุบายแสวงหาแนวทาง เราเข้าใจแนวทางแล้วเราก็พยายาม

การเจริญสติ การสร้างความรู้ตัวที่ต่อเนื่องกันเป็นลักษณะอย่างนี้ คำว่า ‘ปัจจุบันธรรม’ เป็นลักษณะอย่างนี้ เราต้องสร้างขึ้นมา ใจของเราไม่สงบเราก็ต้องพยายามควบคุม เรียกว่าฝืนเขาเรียกว่าทวนกระแส แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราตลอดเวลา อันนี้ควรละอันนี้ควรเจริญ ถ้าเราแยกแยะได้ สติปัญญาของเราตามดูได้ ใจของเรารับรู้เห็นตามความเป็นจริงจนเขาเกิดความเบื่อหน่ายได้นั่นแหละเขาถึงจะยอมปล่อยยอมวาง

ทุกสิ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่มีเหตุมีผล ถ้าเราไม่เห็นเหตุเห็นผล เห็นการเกิดการดับของตัวจิต เห็นการเกิดการดับของขันธ์ห้า ทำความเข้าใจกิเลสหยาบกิเลสละเอียด ทำความเข้าใจกับโลกธรรม ทำความเข้าใจกับชีวิตของเราทุกเรื่องตั้งแต่ตื่นขึ้นมา ตามแนวทางของพระพุทธองค์ที่ท่านได้ค้นพบ ก็คือหลักของการเจริญสติเดินตามทางในอริยมรรค มรรคคือหนทาง

การแยกแยะ การแยกรูปแยกนามนั่นแหละคือข้อแรก สัมมาทิฏฐิความรู้แจ้งเห็นจริงถึงจะเปิดทาง ถูกตั้งแต่ข้อแรกเห็นถูกตั้งแต่ข้อแรก ตามดูตามรู้ตามเห็นการเกิดการดับ เราก็จะเข้าใจคำว่า ‘อนิจจังทุกขังอนัตตา’ ในขันธ์ห้าของเรา อะไรคือส่วนรูปอะไรคือส่วนนาม เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจ ศึกษาให้ละเอียดเสียขณะที่เรายังมีลมหายใจ

รู้จักสร้างอานิสงส์สร้างตบะบารมีให้มีให้เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เรามีความขยันหมั่นเพียรหรือไม่ เรามีความรับผิดชอบหรือไม่ เรามีความเห็นแก่ตัวเราพยายามละความเห็นแก่ตัว​ เรามีความโลภความโกรธเราก็พยายามละความโลภความโกรธ ด้วยการเอาออกด้วยการให้ มองโลกในทางที่ดีแล้วการกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อม ทุกสิ่งทุกอย่างท่านสอน ท่านให้วิเคราะห์หาเหตุหาผล เห็นเหตุเห็นผล รู้ด้วยเห็นด้วย เข้าถึงด้วย แล้วก็หมั่นพร่ำสอนใจของเราอยู่ตลอดเวลา แม้แต่การเกิดแม้แต่ความอยากนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่ให้ใจของเราเกิด

เราก็จะได้มองเห็นหนทางเดินว่าเราจะได้กลับมาเกิดหรือไม่กลับมาเกิดกัน ก็ต้องพยายามนะ เพียงแค่เรื่องการหายใจเข้าออก พวกเราก็ขาดการทำความเข้าใจที่ชำนาญ เราต้องพยายามขยันหมั่นเพียร ไม่เข้าใจเท่าไรเรายิ่งขยันหมั่นเพียร​ ไม่ใช่ว่าทำปุ๊บมันจะได้ปั๊บ ค่อยทำค่อยเป็นค่อยไปค่อยวิเคราะห์ ที่นั่นที่นี่วิบากกรรมสมมติมันคลายก็ย่อมจะเข้าถึงจุดหมายปลายทางได้

สร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนกันให้ต่อเนื่อง ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อ ศึกษาต่อ​ทำความเข้าใจกันเอานะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง