หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 086

หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 086
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
พระธรรมเทศนาโดย (Dhamma Talk by)
พระอาจารย์สำราญ ธมฺมธุโร
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 086
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนทุกท่านจงเจริญสติ หรือว่าสร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจที่วิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจน เพียงแค่การสร้างความรู้ตัวให้ต่อเนื่องพวกเราก็ประคับประคองตรงนี้กันไม่ชำนาญ ทั้งที่ใจก็อยากจะได้บุญใจก็เป็นบุญ ฝักใฝ่ในบุญ​ฝักใฝ่ในการแสวงหาธรรม แต่การกระทำการลงมือหรือว่าการเจริญสติที่ต่อเนื่องตรงนี้ไม่เคยชินเท่าไรๆ แต่สติปัญญาของโลกิยะนั้นมีกันเต็มเปี่ยมมีกันล้นเพราะว่าเขาพัฒนามาไม่รู้กี่ภพกี่ชาติ

เขาเกิดๆ เขาปรุงเขาแต่งเขาหลงวิญญาณ แต่หลงมาเกิดอยู่ในภพมนุษย์ก็นับว่าเป็นอานิสงส์อันดี มีบุญถึงได้เกิดมาอยู่ในภพมนุษย์ แล้วก็มาสร้างมาสานต่อมาทำความเข้าใจต่อ แต่ส่วนมากก็ปล่อยปละละเลยไม่ค่อยจะสนใจทำให้ต่อเนื่อง ก็เลยเอาอำนาจของกิเลสเอาอำนาจของความหลงมาปกปิดตัวของเขาเอาไว้เสีย ตัวใจนั่นแหละเขายังเกิดอยู่ เพียงแค่ความเกิดนั้นเขาก็หลงอยู่นะ เพียงแค่การปรุงการแต่งเขาเกิดแต่เขาหลงมาเกิดอยู่ในภพของมนุษย์ ซึ่งมีกายเนื้อมีขันธ์ห้าเข้ามาปกปิดตัววิญญาณเอาไว้อีกทีหนึ่ง

ความคิดอารมณ์ต่างๆ อารมณ์หยาบอารมณ์ละเอียด กิเลสหยาบกิเลสละเอียดก็มาปกปิดเอาไว้อีกระดับหนึ่ง ตัวจิตการปรุงแต่งของจิตก็ปกปิดตัวของเขาไว้อีกระดับหนึ่ง มีหลายชั้นจริงๆ ถ้าไม่ได้เจริญสติให้ต่อเนื่องให้เข้มแข็งให้รู้เท่าทันตั้งแต่ต้นเหตุ​ หาเหตุหาผลจนกว่าเขาจะคลาย เพียงแค่คลายเพียงแค่แยกรูปแยกนามยังไม่พอ ต้องตามทำความเข้าใจเห็นการเกิดการดับของความคิดของอารมณ์ ซึ่งเรียกว่ารอบรู้ในกองสังขารอีกให้ละเอียดอีก นิวรณธรรมต่างๆ สติของเราพลั้งเผลอ หรือว่าใจของเราเกิดความกังวล เกิดความฟุ้งซ่านต่างๆ เกิดความยินดียินร้ายต่างๆ ก็เป็นเครื่องกางกั้นใจของเราทั้งนั้นแหละ

ใจนี่เป็นของละเอียดอ่อน ถ้าเราไม่ฝึกไม่ศึกษาหาเหตุหาผล ตามดูตามค้นคว้าด้วยสติด้วยปัญญาให้ใจรู้เห็นตามความเป็นจริง จนเขายอมรับ​แล้วก็เห็นจริงๆ เขาถึงจะยอมรับ เขาถึงจะเบื่อหน่ายได้ เบื่อหน่ายกองสังขารเบื่อหน่ายในอารมณ์ต่างๆ จนอยู่อุเบกขาได้ เพียงแค่อยู่อุเบกขายังไม่พอ เราก็ต้องมาดับความเกิดอีกมาละความเกิดอีก จนใจของเราไม่เกิดอีกไม่เกิดอีก เราก็วางใจให้เป็นอิสระอีก

พูดง่ายนะ การพูดง่ายแต่การลงมือจริงๆ นี่ยากอยู่ เราก็ต้องพยายามอย่าไปทิ้ง เราพยายามค่อยเป็นค่อยไป รู้จักสร้างอานิสงส์ให้มีให้เกิดขึ้น​ ความเสียสละของเรามีเต็มเปี่ยมหรือไม่ ความรับผิดชอบในระดับของสมมติ เพียงแค่ระดับของสมมติเรายังสมมติของเราให้บริบูรณ์ ไม่ให้ลำบากในสภาพสภาวะทางสมมติก็จะส่งผลถึงทางด้านจิตใจ จากน้อยๆ​ ไปหามากๆ​ ไม่ใช่ว่าเราจะไปนึกเอาไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้นว่าจะเป็นอย่างนี้

ค่อยเป็นค่อยไปหมั่นสร้างอานิสงส์สร้างตบะ สร้างความอดทนอดกลั้นแล้วก็รู้จักความเสียสละ ความรับผิดชอบ สิ่งพวกนี้ก็ล้วนแต่เป็นตบะเป็นบารมีให้ส่งให้ถึงใจของเราได้คลาย ลึกลงไปใจของเราก็จะคลายออกจากความคิดคลายออกจากขันธ์ห้า ซึ่งมีอยู่ในกายของเรานี้แหละ ซึ่งมีอยู่​ 5 ขันธ์ 5 กองที่พระพุทธองค์ท่านว่าขันธ์ห้าเป็นของหนัก ทำไมว่าเป็นของหนักเพราะว่าใจของเรามาหลงมายึดว่าเป็นของเราจริงๆ ในทางสมมตินั่นก็เป็นของเราอยู่

แต่ในทางวิมุตติ ถ้าใจของเราคลายตามดูตามรู้ตามเห็นแล้ว ก็เป็นแค่เพียงสภาวะธรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งมีวิญญาณเข้ามาครอบครอง แม้แต่ตัววิญญาณแท้ๆ เขาก็ยังเกิดยังหลงอยู่ เราก็ต้องพยายามหมั่นอบรมหมั่นเจริญสติเข้าไปอบรมไปสั่งสอนไปทำความเข้าใจ เพียงแค่การเจริญสติให้ต่อเนื่องก็ทั้งยากอยู่ถ้าไม่มีความเพียรกันจริงๆ ก็ต้องพยายามทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าไปปิดกั้นตัวเราเองว่าไม่มีโอกาสว่าไม่มีเวลา​ ทุกคนมีโอกาสทุกคนมีเวลา ถ้าเราเข้าใจในธรรมเราก็จะอยู่กับธรรม อยู่ที่ไหนก็เป็นธรรมถ้าใจของเราเป็นธรรม เราก็จะมองเห็นโลกนี้เป็นธรรม อะไรผิดอะไรถูกเราก็รีบแก้ไขเสีย อยู่ปัจจุบันให้ดีก็จะส่งผลถึงอนาคต ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ใกล้อยู่ไกลพยายามทำปัจจุบันให้ดี

บุคคลที่มีสติมีปัญญาจะหมั่นพร่ำสอนใจตัวเองตลอดเวลา อยู่คนเดียวก็พร่ำสอนใจได้ฟังธรรมตลอดเวลา ตากระทบรูป หูกระทบเสียง ลิ้นกระทบรส กายสัมผัส อายตนะทั้งหกของเราทำหน้าที่อย่างไร วิญญาณทำหน้าที่อย่างไร โลกธรรมแปดเขามีอยู่อย่างนั้น ทำอย่างไรเราถึงจะอยู่กับสมมติอย่างมีความสงบความสุข อยู่อย่างอยู่ด้วยสติอยู่ด้วยปัญญา อยู่ด้วยเหตุอยู่ด้วยผล ไม่ว่าจะอยู่คนเดียวก็มีความสุข อยู่หลายคนก็มีความสุข ก็ต้องพยายามกันนะไม่ว่าพระว่าชี มีอะไรเราก็ช่วยกันทำอย่าไปงอมืองอเท้า มีความรับผิดชอบที่สูง

อีกอย่างหนึ่งนั้นก็อย่าไปผัดวันประกันพรุ่ง กิเลสมันเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เกิดขึ้นเมื่อไรเราก็ละเราก็ดับมันเมื่อนั้นแหละ ใจของเราเกิดเมื่อไรเราก็หยุดเราก็ระงับยับยั้ง หนุนกำลังสติปัญญาของเราไปคิดแทน พูดน้อยทำมาก​ปฏิบัติให้มากๆ พูดน้อยนอนน้อยปฏิบัติให้มากๆ ทำความเข้าใจให้มากๆ ถ้าเราเข้าใจแล้วกายของเราก็เป็นก้อน​ธรรมจิตของเราก็เป็นองค์ธรรม​ อยู่ที่ไหนก็เป็นธรรม เอาความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ไม่เข้าข้างตัวเองไม่เข้าข้างคนอื่น อยู่ที่ไหนก็จะเป็นธรรม ทุกคนก็เป็นเครือญาติกันหมด เป็นพี่เป็นน้องกันหมด เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน มีบุญมีอานิสงส์ถึงได้มาอยู่ร่วมกัน ในขณะที่มาอยู่ร่วมกันอะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็ช่วยกันทำนะ อย่าพากันผัดวันประกันพรุ่ง

ลองสร้างความรู้สึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจน ทำใจให้สงบทำใจให้ว่างทำกายให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเราให้ชัดเจนกันนะ พากันไหว้พระพร้อมๆ​ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อกันนะ

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง