หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 079
ชื่อตอน (Title)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555 ลำดับที่ 079
บันทึกเสียงเมื่อ (Recording Date)
ชุด (Category)
หลวงพ่อฝากไว้ ปี 2555
ถอดความฉบับเต็ม (Transcript)
ขอให้ญาติโยมทุกคนจงเจริญสติ สร้างความรู้สึกรับรู้สัมผัสของลมหายใจให้ชัดเจน ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมาเราได้สร้างความรู้ตัวแล้วหรือยัง ถ้ายังก็เริ่มเสียนะ มาวัดหลวงพ่อก็เตือนตั้งแต่การเจริญสติ พยายามสร้างความรู้ตัว รู้กายรู้ใจตั้งแต่ยังไม่ลุกจากที่ พอรู้ตัวปุ๊บสติตั้งมั่นขึ้นมาแล้วก็รู้ให้ต่อเนื่อง
ใจปกติ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำทำธุระ สติเป็นตัวสั่งเป็นตัวพากายไปใจรับรู้ ถ้าใจเกิดก็ให้รีบดับ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจก็ให้สังเกตดู สังเกตไม่ทันเราก็พยายามเริ่มใหม่ พยายามเริ่มอยู่บ่อยๆ ถ้าเราไม่เข้าใจถ้าเราไม่เห็นก็มีตั้งแต่ปัญญาของโลกิยะปัญญาของสมมติทั่วไปที่เกิดจากตัวใจนั่นแหละ เกิดจากใจกับอาการของขันธ์ห้านั่นแหละเขาปรุงแต่งรวมกันไป
คิดก็รู้ทำก็รู้ ในหลักธรรมเขาหลงอยู่ยังหลงเกิดอยู่ ก็ต้องพยายามกันหมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบุญ สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น จากน้อยๆ ไปหามากๆ เขาเรียกว่ามีความเพียร มีความขยันหมั่นเพียร มีความเสียสละ มีสัจจะกับตัวเรา มีความจริงใจ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าว่าไม่ทำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน อย่าไปเกียจคร้าน เราพยายามสร้างความขยันให้มีให้เกิดขึ้น ละความเกียจคร้านละนิวรณ์ ละความกังวลละความฟุ้งซ่านต่างๆ ออกไปให้มันหมด ถึงไม่หมดเราก็พยายามละ ขอให้รู้ฐานของใจ ความคิดมันก่อตัวตรงไหน เขาเริ่มเกิดตรงไหน นั่นแหละฐานของเขาจะอยู่ตรงนั้นแหละ
ความคิดผุดขึ้นมา ความคิดนี้มีจากตัววิญญาณ วิญญาณปรุงแต่ง อาการขันธ์ห้ามาปรุงแต่งวิญญาณ แล้วก็ความคิดเกิดจากสติเกิดจากปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ตัวที่สามตัวสุดท้ายตัวสติตัวปัญญานี่แหละ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมาเข้าไปอบรมใจของเรา แล้วก็หมั่นสังเกตใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า เขาถึงเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถ้าเรารู้ทันเขา เขาก็จะแยกของเขาเอง
ถ้าเราตามเห็นการเกิดการดับ เราก็จะเห็นอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ของเรา เวลาเขาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ เรื่องแล้วเรื่องเล่า เกิดๆ ดับๆ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละที่พระพุทธองค์ท่านเปรียบเทียบเหมือนกับพยัพแดด เวลาเราเดินไปตามถนนเหมือนกับมีตัวมีตน เวลาแดดร้อนๆ เหมือนกับเปลวเพลิง เวลาเราเข้าไปใกล้ก็ไม่มีตัวไม่มีตน หรือท่านเปรียบเสมือนกับลูกคลื่น เวลามองในทะเลก็เป็นลูกๆ อยู่ เวลาเขากระทบฝั่งแล้วเขาก็หายไปลูกใหม่ก็เข้ามา อาการของขันธ์ห้าก็เหมือนกัน ตัววิญญาณก็เป็นขันธ์หนึ่งในขันธ์ห้าซึ่งเป็นตัวสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวที่เราจะต้องจัดการกับเขา ไม่ให้เขาเกิดกิเลสไม่ให้เขาหลงเป็นทาสของอารมณ์ เราต้องคลาย
สติปัญญาของเราต้องหาเหตุหาผล ตามดูตามรู้ตามเห็นให้ใจเรารับรู้ไม่ให้เข้าไปร่วม เพราะปกติ ความเคยชินของเขาเขาเกิด เขาเกิดเขารวมเขาร่วม บุคคลที่ไม่มีกำลังสติปัญญาที่ถูกต้องที่ความเพียรได้ต่อเนื่องก็ยากที่จะเข้าใจ ก็เข้าใจอยู่ในระดับของสมมติถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ กำลังสติต้องหาเหตุหาผลทุกเรื่อง แม้แต่ความอยากแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา เราพยายามดับความอยาก
คนทั่วไปนั้นความทะเยอทะยานอยากขึ้นหน้า อยากมีอยากเป็น ตรงกันข้ามอีกไม่อยากมีไม่อยากเป็นอีก ทุกเรื่องเราต้องทำความเข้าใจให้หมด ก่อนที่ธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ มีโอกาสแล้วก็พยายามรีบทำ บสร้างคุณงามความดีสร้างประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนรวม ถ้าบุคคลเข้าใจแล้วก็มีตั้งแต่ประโยชน์ส่วนรวม เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำจะเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปยาว ว่าไม่มีคุณค่าเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ นั่นหมั่นสร้างสะสมเถิด คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์
หมั่นพร่ำสอนใจของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี มีความสุขกับการกับงาน ขณะทำการทำงานใจของเราว่างรับรู้ ประโยชน์ในสิ่งที่เราทำเราก็ได้ ถ้าเราเข้าใจก็ยังกายของเราให้เป็นวัด ทำใจของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะปฏิบัติขัดเกลาตัวเราอยู่ที่ไหน ถ้าเราไม่พึ่งตัวเราช่วยเหลือตัวเราแล้วก็อย่าให้คนอื่นเขาสอนเลย ถ้าเราสอนเราไม่ได้คนอื่นคงสอนเราไม่ได้หรอกนอกจากตัวของเราเอง
นอกนั้นก็เป็นแค่เพียงชี้แนะแนวทางอุบายเท่านั้นแหละ เราจงพร่ำสอนตัวเราแก้ไขตัวเรา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ยิ่งเพิ่มความเมตตาเพิ่มความเสียสละ มีพรหมวิหารอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าทำตัวของเราให้เป็นเกะกะตัวเราเกะกะคนอื่นเกะกะสถานที่
เราจงทำตัวเราให้เป็นประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนรวมประโยชน์ต่อสังคม อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรก็ให้ช่วยกันไม่ว่าภาระหน้าที่การงานต่างๆ ดูแลช่วยกันทั้งชีทั้งพระทั้งฆารวาสญาติโยมที่มาอาศัยอยู่ อย่างอมืองอเท้าเราพยายามยังสมมติของเราให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เรามาอยู่เราก็พยายามสร้างประโยชน์ เมื่อเราจากไปแล้วคนอื่นก็มาสานต่อจะได้ไม่เสียเวลา
สมมติภายนอกก็จะน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เดี๋ยวนี้ก็เป็นแล้วแหละเป็นแหล่งบุญ ฆราวาสญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเด็กเล็กแดงก็ชวนกันมา มากราบมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตของตัวเราเอง เห็นแล้วก็ภูมิใจ ต่อไปในวันข้างหน้ายิ่งจะเป็นแหล่งบุญใหญ่
เอาล่ะ ลองสร้างความระลึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนนะ ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันเสียก่อนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้ได้ทุกอิริยาบถยิ่งดีนะ
ใจปกติ จะลุกจะก้าวจะเดิน จะเข้าห้องส้วมห้องน้ำทำธุระ สติเป็นตัวสั่งเป็นตัวพากายไปใจรับรู้ ถ้าใจเกิดก็ให้รีบดับ ความคิดผุดขึ้นมาปรุงแต่งใจก็ให้สังเกตดู สังเกตไม่ทันเราก็พยายามเริ่มใหม่ พยายามเริ่มอยู่บ่อยๆ ถ้าเราไม่เข้าใจถ้าเราไม่เห็นก็มีตั้งแต่ปัญญาของโลกิยะปัญญาของสมมติทั่วไปที่เกิดจากตัวใจนั่นแหละ เกิดจากใจกับอาการของขันธ์ห้านั่นแหละเขาปรุงแต่งรวมกันไป
คิดก็รู้ทำก็รู้ ในหลักธรรมเขาหลงอยู่ยังหลงเกิดอยู่ ก็ต้องพยายามกันหมั่นสร้างอานิสงส์สร้างบุญ สร้างบารมีให้มีให้เกิดขึ้น จากน้อยๆ ไปหามากๆ เขาเรียกว่ามีความเพียร มีความขยันหมั่นเพียร มีความเสียสละ มีสัจจะกับตัวเรา มีความจริงใจ ทำได้บ้างไม่ได้บ้างก็พยายามทำ อย่าว่าไม่ทำ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนอยู่ที่บ้านที่ไร่ที่นาที่ทำการทำงาน อย่าไปเกียจคร้าน เราพยายามสร้างความขยันให้มีให้เกิดขึ้น ละความเกียจคร้านละนิวรณ์ ละความกังวลละความฟุ้งซ่านต่างๆ ออกไปให้มันหมด ถึงไม่หมดเราก็พยายามละ ขอให้รู้ฐานของใจ ความคิดมันก่อตัวตรงไหน เขาเริ่มเกิดตรงไหน นั่นแหละฐานของเขาจะอยู่ตรงนั้นแหละ
ความคิดผุดขึ้นมา ความคิดนี้มีจากตัววิญญาณ วิญญาณปรุงแต่ง อาการขันธ์ห้ามาปรุงแต่งวิญญาณ แล้วก็ความคิดเกิดจากสติเกิดจากปัญญาที่เราสร้างขึ้นมา ตัวที่สามตัวสุดท้ายตัวสติตัวปัญญานี่แหละ เราต้องพยายามสร้างขึ้นมาเข้าไปอบรมใจของเรา แล้วก็หมั่นสังเกตใจของเรา จนกว่าใจของเราจะคลายออกจากขันธ์ห้า เขาถึงเรียกว่า ‘แยกรูปแยกนาม’ ถ้าเรารู้ทันเขา เขาก็จะแยกของเขาเอง
ถ้าเราตามเห็นการเกิดการดับ เราก็จะเห็นอนิจจังทุกขังอนัตตาในขันธ์ของเรา เวลาเขาเกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ความว่างเปล่าเข้ามาปรากฏ เรื่องแล้วเรื่องเล่า เกิดๆ ดับๆ เกิดๆ ดับๆ นั่นแหละที่พระพุทธองค์ท่านเปรียบเทียบเหมือนกับพยัพแดด เวลาเราเดินไปตามถนนเหมือนกับมีตัวมีตน เวลาแดดร้อนๆ เหมือนกับเปลวเพลิง เวลาเราเข้าไปใกล้ก็ไม่มีตัวไม่มีตน หรือท่านเปรียบเสมือนกับลูกคลื่น เวลามองในทะเลก็เป็นลูกๆ อยู่ เวลาเขากระทบฝั่งแล้วเขาก็หายไปลูกใหม่ก็เข้ามา อาการของขันธ์ห้าก็เหมือนกัน ตัววิญญาณก็เป็นขันธ์หนึ่งในขันธ์ห้าซึ่งเป็นตัวสุดท้าย ซึ่งเป็นตัวที่เราจะต้องจัดการกับเขา ไม่ให้เขาเกิดกิเลสไม่ให้เขาหลงเป็นทาสของอารมณ์ เราต้องคลาย
สติปัญญาของเราต้องหาเหตุหาผล ตามดูตามรู้ตามเห็นให้ใจเรารับรู้ไม่ให้เข้าไปร่วม เพราะปกติ ความเคยชินของเขาเขาเกิด เขาเกิดเขารวมเขาร่วม บุคคลที่ไม่มีกำลังสติปัญญาที่ถูกต้องที่ความเพียรได้ต่อเนื่องก็ยากที่จะเข้าใจ ก็เข้าใจอยู่ในระดับของสมมติถูกต้องอยู่ในระดับของสมมติ กำลังสติต้องหาเหตุหาผลทุกเรื่อง แม้แต่ความอยากแม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ให้เกิดขึ้นที่ใจของเรา เราพยายามดับความอยาก
คนทั่วไปนั้นความทะเยอทะยานอยากขึ้นหน้า อยากมีอยากเป็น ตรงกันข้ามอีกไม่อยากมีไม่อยากเป็นอีก ทุกเรื่องเราต้องทำความเข้าใจให้หมด ก่อนที่ธาตุขันธ์ของเราจะแตกจะดับ มีโอกาสแล้วก็พยายามรีบทำ บสร้างคุณงามความดีสร้างประโยชน์ ประโยชน์มากประโยชน์น้อย ประโยชน์ใกล้ประโยชน์ไกล ประโยชน์ส่วนตัวประโยชน์ส่วนรวม ถ้าบุคคลเข้าใจแล้วก็มีตั้งแต่ประโยชน์ส่วนรวม เราก็พลอยได้รับประโยชน์นั้นด้วย อานิสงส์ในสิ่งที่พวกเราทำจะเป็นเข้าพกเข้าห่อติดตามตัวเราไปยาว ว่าไม่มีคุณค่าเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ นั่นหมั่นสร้างสะสมเถิด คิดดีทำดี การกระทำของเราก็ต้องถึงพร้อมถึงจะเกิดประโยชน์
หมั่นพร่ำสอนใจของเรา เราก็ทำหน้าที่ของเราให้ดี มีความสุขกับการกับงาน ขณะทำการทำงานใจของเราว่างรับรู้ ประโยชน์ในสิ่งที่เราทำเราก็ได้ ถ้าเราเข้าใจก็ยังกายของเราให้เป็นวัด ทำใจของเราให้เป็นพระ เจริญสติเข้าไปเยี่ยมพระอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะปฏิบัติขัดเกลาตัวเราอยู่ที่ไหน ถ้าเราไม่พึ่งตัวเราช่วยเหลือตัวเราแล้วก็อย่าให้คนอื่นเขาสอนเลย ถ้าเราสอนเราไม่ได้คนอื่นคงสอนเราไม่ได้หรอกนอกจากตัวของเราเอง
นอกนั้นก็เป็นแค่เพียงชี้แนะแนวทางอุบายเท่านั้นแหละ เราจงพร่ำสอนตัวเราแก้ไขตัวเรา สักวันหนึ่งเราก็คงจะเดินถึงจุดหมายปลายทางกัน ยิ่งอยู่ด้วยกันหลายคนหลายท่านก็ยิ่งเพิ่มความเมตตาเพิ่มความเสียสละ มีพรหมวิหารอยู่ด้วยกัน มีอะไรก็คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อย่าทำตัวของเราให้เป็นเกะกะตัวเราเกะกะคนอื่นเกะกะสถานที่
เราจงทำตัวเราให้เป็นประโยชน์ ประโยชน์ตนประโยชน์ท่าน ประโยชน์ส่วนรวมประโยชน์ต่อสังคม อยู่ที่ไหนก็จะมีตั้งแต่ความสุข ก็ต้องพยายามกันนะ มีอะไรก็ให้ช่วยกันไม่ว่าภาระหน้าที่การงานต่างๆ ดูแลช่วยกันทั้งชีทั้งพระทั้งฆารวาสญาติโยมที่มาอาศัยอยู่ อย่างอมืองอเท้าเราพยายามยังสมมติของเราให้เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เรามาอยู่เราก็พยายามสร้างประโยชน์ เมื่อเราจากไปแล้วคนอื่นก็มาสานต่อจะได้ไม่เสียเวลา
สมมติภายนอกก็จะน่าอยู่น่าอาศัยน่ารื่นรมย์ เป็นแหล่งบุญใหญ่ในวันข้างหน้า เดี๋ยวนี้ก็เป็นแล้วแหละเป็นแหล่งบุญ ฆราวาสญาติโยมผู้เฒ่าผู้แก่ ลูกเด็กเล็กแดงก็ชวนกันมา มากราบมาไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตของตัวเราเอง เห็นแล้วก็ภูมิใจ ต่อไปในวันข้างหน้ายิ่งจะเป็นแหล่งบุญใหญ่
เอาล่ะ ลองสร้างความระลึกรับรู้การหายใจเข้าออกให้ชัดเจนนะ ทำใจให้โล่งสมองให้โปร่ง มีความรู้สึกรับรู้อยู่ที่ปลายจมูกของเรา อยู่หลายคนก็เหมือนกับอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวขณะนี้ก็ให้รู้ว่าลมวิ่งเข้าวิ่งออกกระทบปลายจมูกของเราให้ชัดเจนให้ต่อเนื่องกันเสียก่อนนะ
พากันไหว้พระพร้อมๆ กัน ค่อยไปสร้างสานต่อให้ได้ทุกอิริยาบถยิ่งดีนะ